ความวิปริตอันนำมาสู่จุดจบขององค์จักรพรรดิ
“จักรพรรดิคาลิกุลา (Caligula)” คือพระประมุขที่ปกครองจักรวรรดิโรมันตั้งแต่ค.ศ.37-41 (พ.ศ.580-584) และเป็นหนึ่งในจักรพรรดิที่อื้อฉาวที่สุดพระองค์หนึ่ง
พระนามจริงของพระองค์คือ “กาอิอุส ยูลิอุส ไกซาร์ (GAIVS IVLIVS CAESAR)“ และเป็นรัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์ยูลิอุส-เกลาดิอุส โดยพระองค์ทรงเป็นหนึ่งในจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันที่ถูกตราหน้าว่าเป็นเผด็จการและแย่ที่สุดพระองค์หนึ่ง
จักรพรรดิคาลิกุลาเสด็จพระราชสมภพเมื่อค.ศ.12 (พ.ศ.555) โดยพระราชบิดาของพระองค์นั้นเป็นขุนศึกคนหนึ่งในจักรวรรดิโรมัน และสิ้นไปในปีค.ศ.19 (พ.ศ.562) จากการถูกลอบวางยา
จักรพรรดิคาลิกุลา (Caligula)
ผู้ที่วางยาสังหารนั้นน่าจะเป็นข้าหลวงจากซีเรียหรือไม่ก็ “จักรพรรดิทิเบเรียส (Tiberius)” ซึ่งทรงริษยาที่พระราชบิดาของจักรพรรดิคาลิกุลาทรงได้รับความชื่นชมและนิยมจากประชาชน
หลังจากสิ้นพระราชบิดา จักรพรรดิคาลิกุลาพร้อมด้วยพระราชมารดาและพระอนุชาก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏ ทำให้ถูกลงโทษ ก่อนที่ในเวลาต่อมา จักรพรรดิคาลิกุลาจะเข้ามาอยู่ในความดูแลของจักรพรรดิทิเบเรียส
จักรพรรดิทิเบเรียสทรงแต่งตั้งจักรพรรดิคาลิกุลาและพระญาตินามว่า “เจมัลลัส (Gemullus)” เป็นองค์รัชทายาทคู่กัน และเมื่อจักรพรรดิทิเบเรียสสวรรคตในปีค.ศ.37 (พ.ศ.580) พันธมิตรของจักรพรรดิคาลิกุลาอย่าง ”มาโคร (Macro)” ซึ่งเป็นหนึ่งในทหารองครักษ์ประจำพระองค์ ก็ได้จัดการให้จักรพรรดิคาลิกุลาขึ้นครองราชสมบัติ
จักรพรรดิทิเบเรียส (Tiberius)
ปีต่อมา จักรพรรดิคาลิกุลาได้พระราชทานรางวัลให้มาโครและเจมัลลัสด้วยการมีรับสั่งให้ประหารคนทั้งคู่
ในช่วงแรกที่จักรพรรดิคาลิกุลาครองราชย์ ชาวโรมันก็ให้การต้อนรับพระประมุของค์ใหม่เป็นอย่างดี และจักรพรรดิคาลิกุลาก็รู้จักเอาใจประชาชน
จักรพรรดิคาลิกุลาทรงออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมนักโทษการเมือง ทรงมีรับสั่งให้เผาคำประณามพระราชมารดาและพระอนุชาของพระองค์ ทรงปฏิเสธที่จะฟังคำกล่าวหาว่ามีใครบ้างที่กำลังวางแผนโค่นล้มพระองค์ และทรงยกเลิกกฎหมายหมิ่นพระประมุข
ดูเผินๆ แล้ว จักรพรรดิคาลิกุลาทรงมีพระทัยกว้างทีเดียว แต่ดูเหมือนว่าความชื่นชมของประชาชนจะอยู่แค่เพียงไม่นานเท่านั้น
จักรพรรดิคาลิกุลาทรงมีชื่อเสียงว่าเป็นจักรพรรดิที่เผด็จการ วิปริต ลุ่มหลงในการกินดื่มอย่างสนุกสนาน และทรงนิยมชมชอบความบันเทิงที่โหดร้าย
และเพื่อความบันเทิงของพระองค์ จักรพรรดิคาลิกุลาทรงถลุงเงินในท้องพระคลังซะแทบไม่เหลือ
มีตำนานเล่าถึงจักรพรรดิคาลิกุลา กล่าวว่าพระองค์มักจะทรงจัดงานเลี้ยงใหญ่โตเสมอๆ อ่างที่พระองค์สรงน้ำก็หรูหรา และเวลาสรงน้ำก็ต้องอาบพระวรกายด้วยน้ำมันอโรมาก่อน
บางครั้ง พระองค์จะทรงฉลองพระองค์เป็นสตรี ใส่วิก และประดับพระวรกายอย่างหรูหรา
นอกจากนั้น พระองค์ยังทรงโปรดการกินดื่มเป็นชีวิตจิตใจ พระกระยาหารทุกเมนูล้วนแต่ต้องเป็นของชั้นเลิศ และต้องเสิร์ฟมาบนแผ่นทองคำ
หนึ่งในสิ่งที่ราคาแพงที่สุดที่จักรพรรดิคาลิกุลาทรงใช้เงินไป ก็คือการสร้างเรือสำหรับปาร์ตี้โดยเฉพาะ โดยในเรือนั้นก็ประดับอย่างหรูหรา ทั้งไข่มุกและเพชรพลอยล้ำค่าต่างๆ และบนเรือยังมีอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ มีระบบทำความร้อน อาราม และห้องโถงใหญ่ที่ใช้จัดปาร์ตี้
เรียกว่าเรือของพระองค์คือวิลล่าหรูลอยน้ำ
จักรพรรดิคาลิกุลาทรงโปรดไข่มุกเป็นอย่างมาก บางครั้ง พระองค์จะทรงนำไข่มุกใส่ลงไปในน้ำส้มสายชู ก่อนจะทรงดื่ม
จักรพรรดิคาลิกุลายังทรงเป็นพระประมุขที่ทรงกระตือรือร้นในการก่อสร้างสิ่งต่างๆ อยู่เสมอ ทั้งให้สร้างทางระบายน้ำเพื่อยกระดับปริมาณน้ำในอาณาจักร และยังสร้างวิหารกับโรงละครจำนวนมาก รวมทั้งให้ตัดถนนหลายสาย และหากผู้ใดทอดทิ้งหน้าที่หรือโกงเงินก่อสร้าง จะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก
แน่นอว่าด้วยการใช้จ่ายอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ ทำให้พระราชมรดกที่ทรงได้รับจากจักรพรรดิทิเบเรียสนั้นร่อยหรอ ดังนั้นเพื่อที่จะหาเงินมาสนับสนุนค่าใช้จ่ายที่บ้าคลั่งนี้ จักรพรรดิคาลิกุลาจึงทรงกำหนดภาษีต่างๆ มากขึ้นและขึ้นภาษี ไม่เพียงแค่พ่อค้าที่ต้องจ่ายภาษีเท่านั้น แม้แต่โสเภณีก็ต้องเสียภาษี
มรดกที่ประชาชนได้รับมอบจากบุพพการี จักรพรรดิคาลิกุลาก็ทรงเข้ายึดเป็นของพระองค์ และยังมีการยึดทรัพย์เหล่านักโทษ และประชาชนชาวโรมันก็ต้องทนอยู่ในสภาพอย่างนี้เป็นเวลากว่าสี่ปี
จักรพรรดิคาลิกุลายังทรงหลงพระองค์เองอย่างหนัก พระองค์ทรงเปรียบเทียบพระองค์เองเป็นพระเจ้า ทรงมีรับสั่งให้เอารูปปั้นพระเศียรของเทพเจ้าออกและเอารูปปั้นของพระองค์ไปแทนที่ และยังมีพระราชประสงค์ให้สร้างวิหารสำหรับพระองค์โดยเฉพาะ ซึ่งภายในกลางวิหารนั้น จะตั้งรูปปั้นจักรพรรดิคาลิกุลาขนาดเท่าพระองค์จริงและทำจากทองคำทั้งองค์
แค่นี้ประขาชนก็ไม่พอใจมากแล้ว แต่ยังไม่พอ จักรพรรดิคาลิกุลายังทรงเป็นจักรพรรดิที่ทรงโปรดความรุนแรง มักจะทรงสำราญเมื่อทอดพระเนตรเห็นประชาชนเป็นทุกข์ และกำหนดบทลงโทษด้วยการทรมานสารพัดวิธี
เมื่อมีการประท้วงต่อต้าน จักรพรรดิคาลิกุลาก็มีรับสั่งให้ทหารสังหารผู้ต่อต้านให้หมด ในคราวที่มีการจัดการแข่งขันกีฬา พระองค์ก็ทรงมีรับสั่งห้ามผู้ชมเข้าไปหลบในร่ม ให้ประชาชนตากแดดอยู่อย่างนั้นจนทนไม่ไหว
อีกสิ่งหนึ่งที่จักรพรรดิคาลิกุลาทรงโปรด คือการแข่งรถม้า ซึ่งบางครั้งพระองค์ก็ทรงเข้าร่วมแข่งขันด้วย และครั้งหนึ่ง พระองค์ยังทรงเข้าร่วมต่อสู้ในการต่อสู้ของกลาดิเอเตอร์ แต่ที่แย่ก็คือ ดาบของพระองค์เป็นดาบจริง แต่ดาบของคู่ต่อสู้คือดาบไม้
ท้ายที่สุด กลาดิเอเตอร์ผู้นั้นก็ต้องยอมแพ้ ยอมคุกเข่า ก่อนที่จักรพรรดิคาลิกุลาจะทรงแทงกลาดิเอเตอร์ผู้นั้นจนตาย จากนั้น พระองค์ก็ทรงวิ่งไปรอบๆ เวทีการแสดง โบกพระหัตถ์อย่างฮึกเหิมว่าพระองค์คือผู้ชนะ
ยังมีข่าวลืออีกว่าจักรพรรดิคาลิกุลาทรงวิปริตทางเพศ และเคยสมสู่กับพระขนิษฐาของพระองค์อีกด้วย
ด้วยความวิปริตและใช้เงินมือเติบดังที่ผมเล่าไปด้านบน จึงไม่แปลกที่คนจำนวนมากล้วนอยากฆ่าจักรพรรดิคาลิกุลาให้ดับดิ้น และในช่วงปลายปีค.ศ.41 (พ.ศ.584) ก็ได้มีคนกลุ่มหนึ่งวางแผนปลงพระชนม์จักรพรรดิคาลิกุลา
ในที่สุด จักรพรรดิคาลิกุลาก็ถูกแทงจนสวรรคต พร้อมด้วยพระมเหสีและพระราชธิดาก็ถูกปลงพระชนม์ไปพร้อมกัน เป็นการพิสูจน์ว่าพระองค์ไม่ใช่พระเจ้าดังที่ทรงเข้าใจ
ในทุกวันนี้ เรื่องราวของจักรพรรดิคาลิกุลายังเป็นที่เล่าขาน และเมื่อถามถึงจักรพรรดิที่แย่ที่สุดแห่งจักรวรรดิโรมัน พระนามของจักรพรรดิคาลิกุลายังคงเป็นที่พูดถึงเป็นอันดับต้นๆ จนถึงทุกวันนี้
- 3
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
