4 ก.พ. เวลา 12:00 • ประวัติศาสตร์

กำเนิดพรรคการเมืองของอเมริกา EP.2 การต่อสู้ระหว่าง Federalist และ Democratic-Republican

1
หลังจากจอร์จ วอชิงตันตัดสินใจไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมัยที่สาม อเมริกาก็ต้องเผชิญกับการเลือกตั้งที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งครั้งแรก พรรค Federalist ส่ง John Adams ลงแข่งขัน ส่วน Thomas Jefferson เป็นตัวแทนของ Democratic-Republican ซึ่งทั้งสองมีแนวคิดตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง
2
John Adams สนับสนุนรัฐบาลกลางที่เข้มแข็งและใกล้ชิดกับอังกฤษ ขณะที่ Thomas Jefferson มุ่งเน้นเสรีภาพของประชาชนและสนับสนุนเกษตรกรรม โดยต้องการเป็นพันธมิตรกับฝรั่งเศส การแข่งขันระหว่างทั้งสองกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการแบ่งแยกทางการเมืองที่ชัดเจน
3
ผลการเลือกตั้งในปี 1796 เป็นไปอย่างสูสี โดยที่ John Adams ชนะการเลือกตั้ง และกลายเป็นประธานาธิบดีคนที่ 2 ของสหรัฐฯ ส่วน Thomas Jefferson ซึ่งได้คะแนนรองลงมา กลายเป็นรองประธานาธิบดี เนื่องจากในเวลานั้นผู้ที่ได้คะแนนอันดับสองจะได้รับตำแหน่งรองประธานาธิบดีโดยอัตโนมัติ
4
Adams มีบุคลิกแตกต่างจากวอชิงตันอย่างสิ้นเชิง เขาเป็นคนอารมณ์ร้อนและพูดจาตรงไปตรงมา ซึ่งทำให้ได้รับเสียงวิจารณ์จากหลายฝ่าย ขณะที่ Federalist สนับสนุนนโยบายการค้าและความร่วมมือกับอังกฤษ ฝั่ง Democratic-Republican ต้องการให้สหรัฐฯ สนิทกับฝรั่งเศสมากกว่า
5
ในช่วงเวลานั้น อังกฤษและฝรั่งเศสเป็นคู่แข่งกันอย่างรุนแรง ทำให้อเมริกาต้องเลือกข้าง Federalist ของ Adams ต้องการใกล้ชิดกับอังกฤษเพื่อประโยชน์ทางการค้า ขณะที่ Jefferson เชื่อว่าอเมริกาควรสนับสนุนฝรั่งเศส ซึ่งเคยเป็นพันธมิตรในสงครามปฏิวัติ
6
สนธิสัญญา Jay Treaty ที่ Adams ลงนามกับอังกฤษเพื่อป้องกันสงคราม สร้างความไม่พอใจให้กับฝ่ายที่สนับสนุนฝรั่งเศส นำไปสู่ความตึงเครียดภายในประเทศ พรรค Democratic-Republican ใช้ประเด็นนี้โจมตี Federalist โดยกล่าวว่าเป็นการยอมจำนนต่ออดีตศัตรู
7
เพื่อควบคุมกระแสต่อต้านรัฐบาล Adams จึงออกกฎหมาย Alien and Sedition Acts ซึ่งให้อำนาจรัฐบาลจับกุมและเนรเทศชาวต่างชาติที่ถูกมองว่าเป็นภัยคุกคาม รวมถึงควบคุมการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล กฎหมายนี้ถูกมองว่าเป็นการจำกัดเสรีภาพประชาชน และถูกวิจารณ์อย่างหนักจากฝ่ายของ Jefferson
8
Thomas Jefferson และ James Madison ตอบโต้ด้วยการเขียน Virginia and Kentucky Resolutions โดยเสนอแนวคิดว่าแต่ละรัฐสามารถปฏิเสธกฎหมายของรัฐบาลกลางได้หากเห็นว่าไม่เป็นธรรม แนวคิดนี้กลายเป็นรากฐานของทฤษฎี Nullification ซึ่งมีอิทธิพลต่อการเมืองอเมริกาในภายหลัง
9
ความไม่พอใจต่อรัฐบาลของ Adams ทำให้ความนิยมของพรรค Federalist ลดลง นอกจากนี้ ความแตกแยกภายในพรรคยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง ในการเลือกตั้งปี 1800 Jefferson เอาชนะ Adams และกลายเป็นประธานาธิบดีคนที่ 3 ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนผ่านอำนาจครั้งสำคัญ
10
การเปลี่ยนผ่านจาก Adams สู่ Jefferson ถือเป็นครั้งแรกที่อำนาจทางการเมืองเปลี่ยนจากพรรคหนึ่งไปสู่อีกพรรคหนึ่งโดยสงบ แตกต่างจากหลายประเทศที่มักใช้ความรุนแรงในการเปลี่ยนแปลงอำนาจ ระบบประชาธิปไตยของอเมริกาเริ่มแสดงให้เห็นถึงเสถียรภาพและเป็นต้นแบบให้กับหลายประเทศทั่วโลก
11
หลังจากพรรค Federalist อ่อนแอลง พรรค Democratic-Republican กลายเป็นพรรคหลักของประเทศ แต่ในเวลาต่อมา พรรคก็เริ่มมีการแบ่งกลุ่มภายใน จนนำไปสู่การเกิดพรรคใหม่อย่าง พรรคเดโมแครต และ พรรควิก (Whig Party) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างพรรคการเมืองของอเมริกา
12
วิวัฒนาการของพรรคการเมืองในอเมริกาเป็นกระบวนการที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ แม้ว่าจะมีความแตกแยกทางแนวคิด แต่กติกาทางการเมืองและการเคารพในระบบประชาธิปไตยทำให้อเมริกาสามารถเดินหน้าต่อไปและกลายเป็นมหาอำนาจระดับโลกจนถึงปัจจุบัน
สรุปโดย : แอดมินเอ็ม
ภาพโดย : แอดมินฝ้าย
1
ฟังหมอเอ้วเล่าต่อได้ที่
กำเนิดพรรคการเมืองของอเมริกา ตอนที่ 2 #หลงไปในประวัติศาสตร์ [EP.106]
ถ้าใครชอบหรือสนใจอยากรู้ที่มาของคำศัพท์ภาษาอังกฤษ แนะนำอ่านหนังสือ ทำไมแฮมเบอร์เกอร์จึงไม่มีแฮม และ ทำไมเราเลี้ยง pig แต่กิน pork
สั่งซื้อได้ที่ลิงก์นี้เลยค่ะ :
โฆษณา