3 ก.พ. เวลา 09:58 • หุ้น & เศรษฐกิจ

สรุปภาวะตลาดประจำสัปดาห์ที่ 27 – 31 ม.ค. 2568

ภาพรวม
  • ตลาดได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับนโยบายภาษีของทรัมป์
  • Fed คงดอกเบี้ย และไม่มีการส่งสัญญาณการลดดอกเบี้ยครั้งถัดไป
  • ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ลดดอกเบี้ยตามคาด จากเศรษฐกิจที่ยังอ่อนแอ
  • ความกังวลเกี่ยวกับ DeepSeek กดดันหุ้นเทคโนโลยีกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์
  • บริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ ประกาศผลประกอบการดีกว่าคาด
สถานการณ์ตลาด
  • ประเด็นสำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา คือความกังวลเกี่ยวกับนโยบายภาษีของทรัมป์ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่กดดันตลาดในช่วงนี้
๐ มีการประกาศเก็บภาษีนำเข้า 25% จากเม็กซิโกและแคนาดา (ยกเว้นกลุ่มพลังงานของแคนาดาเก็บ 10%) และเก็บภาษีนำเข้าจากจีน 10% ซึ่งทางแคนาดาตอบโต้ด้วยการประกาศเก็บภาษี 25% คิดเป็นมูลค่า 107 พันล้านดอลลาร์จากสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ขณะที่เม็กซิโกและจีนเตรียมมาตรการตอบโต้ แต่ยังไม่มีรายละเอียดชัดเจน
๐ นโยบายภาษีของทรัมป์ส่งผลกดดันต่อตลาดอย่างชัดเจน สะท้อนจากตลาดหุ้นเอเชียที่ร่วงลงกว่า 2% ในขณะที่ตลาดหุ้นฟิวเจอร์สของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง และดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
  • การประชุม Fed
๐ Fed คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 4.25 - 4.5% ตามคาด แต่โดยรวมยังมีท่าทีเข้มงวด (Hawkish) โดยพาวเวลระบุว่าจะยังไม่รีบลดดอกเบี้ย เนื่องจากเศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง อัตราการว่างงานต่ำ และเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง
๐ Fed ยังไม่มีการส่งสัญญาณถึงช่วงเวลาที่ชัดเจนในการลดดอกเบี้ยครั้งต่อไป โดยย้ำว่าต้องเห็นหลักฐานชัดเจนว่าเงินเฟ้อชะลอตัว หรือตลาดแรงงานอ่อนแอลงก่อน
๐ นอกจากนี้ Fed อาจรอดูผลกระทบจากนโยบายของทรัมป์ เช่น มาตรการด้านผู้อพยพ และภาษีนำเข้า ซึ่งอาจมีผลต่อเศรษฐกิจโดยรวม
  • การประชุม ECB (ธนาคารกลางยุโรป)
๐ ECB ปรับลดดอกเบี้ย 25 Basis Points (bps) สู่ 2.75% ตามคาด จากเศรษฐกิจยุโรปที่ยังอ่อนแอ โดยประธาน ECB คริสติน ลาการ์ดระบุว่า เศรษฐกิจจะซบเซาในระยะสั้น ขณะที่เงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลง และอาจกลับสู่เป้าหมาย 2% ในปีนี้ โดยตลาดคาดว่า ECB อาจลดดอกเบี้ยอีก 3 ครั้ง เหลือ 2% ภายในสิ้นปี
  • DeepSeek
๐ DeepSeek บริษัทสตาร์ทอัพของจีนที่เป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม AI แบบ Open Source ได้เปิดตัวโมเดล R1 ที่มีประสิทธิภาพสูงเทียบเท่า AI ชั้นนำของสหรัฐฯ แต่ใช้ต้นทุนต่ำกว่ามากทำให้ตลาดกังวลเกี่ยวกับอนาคตของบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ สะท้อนจากราคาหุ้นที่ปรับตัวลงแรง
๐ ผลกระทบเชิงลบอาจจำกัด เพราะบริษัทในกลุ่มเทคฯ ที่พัฒนาแพลตฟอร์ม และซอฟต์แวร์อาจได้รับประโยชน์จากต้นทุนด้าน AI ที่ลดลง ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำไรในระยะยาว อีกทั้งแนวโน้ม AI ยังคงเติบโตได้ดี โดยการแข่งขันอาจเปลี่ยนจากการพัฒนาชิปที่ล้ำสมัยที่สุด ไปสู่การลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพของ AI
  • ผลประกอบการของบริษัทในสหรัฐฯ
๐ ภาพรวมของตลาด 77% ของบริษัทที่ประกาศงบมีผลประกอบการดีกว่าคาด และ EPS Growth ของตลาดสหรัฐฯ Q4 คาดเติบโต 13%
๐ Meta รายได้และกำไรสูงกว่าคาด จากธุรกิจโฆษณาที่แข็งแกร่ง
๐ Apple รายได้และกำไรดีกว่าคาด แต่ยอดขาย iPhone ต่ำกว่าคาด ยอดขายในจีนลดลง 10% อย่างไรก็ดี บริษัทให้แนวโน้มเชิงบวกเกี่ยวกับการเติบโต และ Gross Margin แตะระดับสูงสุด 47%
๐ Tesla รายได้และกำไรต่ำกว่าคาดจากสงครามราคา แต่คาดว่ายอดขายรถยนต์จะฟื้นตัว พร้อมขยายธุรกิจ AI Software และเตรียมเปิดบริการ RoboTaxi ในปีนี้
๐ Microsoft ผลประกอบการดีกว่าคาด แต่รายได้จาก Cloud ต่ำกว่าคาด เนื่องจากข้อจำกัดด้านความสามารถในการรองรับความต้องการของลูกค้า
  • ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ
๐ GDP ไตรมาส 4 เติบโต 2.3% ต่ำกว่าคาด ที่ 2.6% เป็นผลมาจากสินค้าคงคลัง แต่การบริโภคยังแข็งแกร่ง เติบโต 4.2% สูงกว่าคาดที่ 3.2%
๐ Core PCE อยู่ที่ 2.8% YoY และ 0.2% MoM ตามคาด
นโยบายการลงทุนและคำเตือน
  • เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือ และ ความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
  • ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
  • ผู้ลงทุนสามารถขอข้อมูลหนังสือชี้ชวนได้ที่สำนักงานของบริษัทจัดการ หรือจาก www.krungsriasset.com หรือตัวแทนสนับสนุนการขาย หรือเจ้าหน้าที่ขายหน่วยลงทุน
ติดตามกองทุนกรุงศรี อัปเดตข่าวสาร และกิจกรรมต่างๆ ได้ที่
#KrungsriAsset #กองทุนกรุงศรี #Weeklymarketview #สรุปภาวะตลาดรายสัปดาห์
โฆษณา