3 ก.พ. เวลา 10:53 • กีฬา

”บาติโกล“กาเบรียล บาติสตูต้า

ตำนานหมายเลข 9 ชายผู้ยิงบอลด้วยความรุนแรงราวกับว่ามีความแค้นกับลูกบอลและตาข่าย
ฟุตบอลเป็นกีฬาที่เปลี่ยนแปลงและพัฒนาอยู่เสมอ เช่นเดียวกับวัฏจักรของมนุษย์ จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา เราได้เห็นวิวัฒนาการของแทคติก ตั้งแต่ โททัลฟุตบอล ของเนเธอร์แลนด์, คาเตนัชโช่ ของอิตาลี ไปจนถึง ติกิ-ตาก้า ของบาร์เซโลนา ทว่าไม่ว่ารูปแบบการเล่นจะเปลี่ยนไปเพียงใด เป้าหมายสูงสุดของเกมก็ยังคงเหมือนเดิม นั่นคือการทำประตูให้มากกว่าคู่แข่งเพื่อคว้าชัยชนะ
ในทุกยุคสมัย นักฟุตบอลในตำแหน่ง “กองหน้า” คือกุญแจสำคัญของทีมที่ประสบความสำเร็จ เพราะพวกเขาคือผู้ทำประตูและเป็นตัวตัดสินผลการแข่งขัน หากเอ่ยถึงกองหน้าระดับไอคอนของวงการ ชื่อของ เปเล่, ดีเอโก้ มาราโดน่า, มาร์โก แวน บาสเท่น, โรนัลโด้ (R9), อลัน เชียเรอร์ และ เธียร์รี่ อองรี ย่อมเป็นชื่อที่ถูกนึกถึงเป็นอันดับแรก
แต่หากถาม ชาวเมืองฟลอเรนซ์ อันเป็นที่ตั้งของสโมสร ฟิออเรนติน่า ชื่อเดียวที่อยู่ในหัวใจของพวกเขาเสมอมา นั่นคือ กาเบรียล บาติสตูต้า
 
กาเบรียล บาติสตูต้า (Gabriel Batistuta) หรือที่แฟนบอลรู้จักในชื่อ “บาติโกล” (Batigol) เป็นหนึ่งในกองหน้าที่ยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ฟุตบอล เขาเคยเล่นให้กับ ทีมชาติอาร์เจนตินา, ฟิออเรนติน่า, โรม่า และ อินเตอร์ มิลาน ทิ้งไว้ซึ่งมรดกแห่งประตูอันสวยงาม
จากสไตล์การการยิงประตูที่สุดเฉียบคม ลูกยิงแต่ละลูกรุนแรง แม่นยำ และทรงพลัง มากที่สุดเท่าที่เราจะเห็นได้จากกองหน้าคนหนึ่ง จนได้สมญานามจากสื่อว่าเป็น ชายผู้ยิงบอลด้วยความรุนแรงราวกับว่ามีความแค้นกับลูกบอลและตาข่าย
อย่างไรก็ตาม เส้นทางสู่ความยิ่งใหญ่ของเขานั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ไม่ธรรมดา
1. ชีวิตในวัยเด็กที่เรคอนกิสตา 👦
กาเบรียล โอมาร์ บาติสตูต้า เกิดเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 1969 ที่เมือง เรคอนกิสตา จังหวัด ซานตาเฟ อาร์เจนตินา
บาติสตูต้า แตกต่างจากตำนานลูกหนังอาร์เจนตินาหลายคน เช่น ดีเอโก มาราโดนา หรือ ลิโอเนล เมสซี่ ที่หลงใหลในฟุตบอลตั้งแต่วัยเด็ก ตัวเขาไม่ได้คลั่งไคล้ฟุตบอลตั้งแต่เริ่มต้น กีฬาที่บาติสตูต้า หลงใหลกลับเป็นบาสเก็ตบอล
เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในวัยเด็กไปกับการเล่นบาสฯ
จนอายุได้ 16 ปี
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปี 1986 เมื่อเขาได้เห็น ดีเอโก้ มาราโดน่า นำทีมชาติอาร์เจนตินาคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก
ภาพแห่งความสำเร็จนั้นจุดประกายให้เขาเริ่มหันมาสนใจฟุตบอล และเริ่มเล่นมันอย่างจริงจัง
2. ก้าวแรกของสิงโตหนุ่ม 🦁
บาติสตูต้าเริ่มเล่นฟุตบอลกับสโมสรพลาเทนเซ่ ทีมเล็กๆ
ในเมืองเรคอนกิสตา แม้ทักษะเบสิคจะไม่ดีนัก แต่ด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่ และพลังการยิงประตูที่ล้นเหลือ ก็ไปเตะตาแมวมองจาก นีเวลล์ส โอลด์ บอยส์ หนึ่งในสโมสรยักษ์ใหญ่ของอาร์เจนตินา แมวมองได้ชักชวน บาติสตูต้ามาร่วมทีม ที่นั่นเขาได้พบกับ โค้ชหนุ่มที่ชื่อ มาร์เซโล บิเอลซ่า (ต่อมาได้คุมทีมชาติอาร์เจนตินา)
บิเอลซ่า ขึ้นชื่อเรืองความเข้มงวด เขาเอาใจใส่บาติสตูต้า อย่างดี ชี้ให้เห็นจุดบกพร่อง ของบาติสตูต้า ทั้งเรื่องความฟิต และปัญหาน้ำหนักตัวที่เกินมาตรฐาน
“เขาไม่เหมือนนักฟุตบอล เขาเป็นเด็กตัวใหญ่ และตอนที่เขายิง บอลก็สามารถไปได้ทุกที่ เขาไม่รู้วิธีโหม่งบอล และไม่ได้มีร่างกายสำหรับเป็นนักฟุตบอล” จอร์จ กริฟฟา อดีตโค้ชเยาวชน นีเวลล์ โอลด์ บอยส์
“บิเอลซาคือคนเดียวที่สอนผมว่าจะฝึกซ้อมอย่างไรในวันฝนตก เขาสอนทุกอย่างให้แก่ผม” บาติสตูตา เขียนไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติส่วนตัว
ที่นีเวลล์สฯ บาติสตูต้า ค่อยๆ ซึมซับความรู้ และพัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อย ๆ
3.วันเดอร์คิดจากอาร์เจนตินา 🇦🇷
หลังจากเล่นกับ นีเวลล์ส โอลด์ บอยส์ ได้เพียง 1 ฤดูกาล สโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง ริเวอร์เพลท ก็ตัดสินใจเซ็นสัญญากับเขาในปี 1989 เขาเล่นภายใต้โค้ช ดาเนียล ปาสซาเรลลา แต่ช่วงเวลาที่ริเวอร์เพลทกลับไม่ประสบความสำเร็จ เขา ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับระบบทีมได้ และมักจะถูกดรอปเป็นตัวสำรอง ท้ายฤดูกาล เขามีปัญหากับปาสซาเรลลา และถูกปล่อยตัวออกจากทีมหลังเล่นได้เพียงฤดูกาลเดียว
4. แจ้งเกิด “บาติโกล” 📑
แม้ว่าจะล้มเหลวที่ริเวอร์เพลท แต่ทีมคู่อริอย่าง โบคา จูเนียร์ส กลับมองเห็นศักยภาพของเขาและเซ็นสัญญาในปี 1990
ที่โบคา บาติสตูต้ามีประสบการณ์มากขึ้น เขาพัฒนาทักษะการยิงประตูที่ทรงพลัง ที่เป็นจุดเด่น จนเปลี่ยนเป็น “เครื่องจักรถล่มประตู” เขาระเบิดฟอร์มกลายเป็น ดาวซัลโวสูงสุดของลีกด้วยการยิงที่หนักหน่วง ร่างกายที่แข็งแกร่ง และสัญชาตญาณนักล่า ด้วยฟอร์มที่ยอดเยี่ยมกับโบคา บาติสตูต้าได้รับโอกาสถูกเรียกติด ทีมชาติอาร์เจนตินา ชุดลุยศึก โคปา อเมริกา 1991 ที่ประเทศชิลี
5. ย้ายสู่ถิ่น สตาดิโอ อาร์เตมิโอ ฟรังคี่ 🏟️
ที่อิตาลี ฟิออเรนติน่าในฤดูกาล 1990-91 มีสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนัก ฟอร์มการเล่นที่ตกต่ำ จบอันดับ 12 ในเซเรีย อา ช่องว่าง ขนาดมหึมา ที่เกิดจากการขาย ยอดกองหน้าอย่าง โรแบร์โต้ บั๊กโจ้ ให้กับยุเวนตุส ยังไม่มีใคร ทดแทนได้ เชคกี้ กอรี่ เจ้าของสโมสรฟิออเรนติน่า ต้องการ ตัวรุกคนใหม่ ที่สามารถยิงประตูได้มากขึ้นมาช่วยทีมกลับมาสู่เส้นทางลุ้นแชมป์อีกครั้ง
กอรี่ ส่งแมวมองออกไปทั่วโลก จนสุดท้ายไปสะดุดตา กับนักเตะ เซื้อสายอาเจนติน่าคนหนึ่งที่เล่นให้กับ โบค่า จูเนียร์ เขาคนนั้นคือ ดีเอโก้ ลาโตรเร่
ลาโตรเร่ เป็นเพลย์เมกเกอร์ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นกับโบคา จูเนียร์ส มาตลอดหลายฤดูกาลที่ผ่านมา ประกอบกับ ในเวลานั้น อาร์เจนตินากำลังมองหาผู้นำทีมคนใหม่ มาแทนที่ ดีเอโก้ มาราโดน่า ที่ถูกแบนจากการแข่งขัน โคปา อเมริกา 1991 จากปัญหาเกี่ยวกับการใช้สารกระตุ้น ทำให้สื่อท้องถิ่น ต่างคาดหวังว่า ลาโตรเร่ จะเป็นตัวแทนของมาราโดน่าในทีมชาติ
ด้วยโปรไฟล์ขนาดนี้ เชคกี้ กอรี่ จึงรีบตกลง เซ็นสัญญา ลาโตรเร่ ทันที ในราคา 1.8 ล้านปอนด์
เมื่อทัวร์นาเม้น โคปา อเมริกามาถึง กอรี่ เองก็ติดตามการแข่งขันโคปา อเมริกาด้วยความตื่นเต้น เขาต้องการดูฟอร์มของลาโตรเร่ ว่าจะทำผลงานเป็นอย่างไร แต่แทนที่กอรี่จะพอใจกับฟอร์มของลาโตรเร่ กลับกลายเป็นว่า เขากลับถูกดึงดูดโดยนักเตะอีกคน นักเตะคนนั้นคือ กาเบรียล บาติสตูต้า กองหน้าผมยาวที่เล่นแบบเต็มพลังและ ยิงประตูเป็นว่าเล่น ในทัวร์นาเมนต์นี้
กอรี่ รู้ได้ทันทีว่าหลังจบทัวร์นาเม้นท์ โคปา อมเริกา สโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรป จะจ้องตะครุบ ตัวบาติสตูต้า เป็นแน่แท้ ดังนั้น เพื่อไม่ให้มีอะไรผิดพลาด เขาจึงวางแผนอย่าง ชนิดที่ โบค่า จูเนียร์ เห็นแล้ว ปฏิเสธ ไม่ได้
ข้อเสนอแรก ฟิออเรนติน่าจะจ่ายค่าตัวของบาติสตูต้าเต็มจำนวน ในราคา 2.6 ล้านปอนด์ ซึ่งในยุคนั้นถือว่าเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก สำหรับดาวรุ่งที่ไม่เคยลงเล่นในลีคยุโรป
ข้อเสนอที่สอง ฟิออเรนติน่า จะช่วยช่วยโบคา จูเนียร์สหา ‘ตัวแทน’ ของบาติสตูต้า
โดยการซื้อ อันโตนิโอ โมฮาเหม็ด กองหน้าจากสโมสร อูรากัน แล้วปล่อยให้โบคายืมตัว
สุดท้ายดีลนี้ก็สำเร็จ บาติสตูต้าย้ายมาฟิออเรนติน่า
6.การปรับตัวในแผ่นดินยุโรปของ สิงโตน้อย 🇮🇹
ฤดูกาลแรกของ กาเบรียล บาติสตูต้า กับ ฟิออเรนติน่า เป็นบททดสอบที่ยากเย็นเกินกว่าที่เขาคาดคิดไว้ ความแตกต่างทางภาษาเป็นอุปสรรคสำคัญ เขาไม่สามารถสื่อสารกับ สตาฟฟ์โค้ชและเพื่อนร่วมทีมได้อย่างราบรื่น หลายครั้งเขาไม่เข้าใจเลยว่า โค้ชต้องการอะไร หรือเพื่อนร่วมทีมกำลังพูดถึงเรื่องใด
นอกจากปัญหาทางภาษาแล้ว ทักษะพื้นฐานทางฟุตบอลของเขาก็ยังไม่แข็งแกร่งพอสำหรับเซเรีย อา บ่อยครั้งที่เขา ทำพลาดในการฝึกซ้อม และกลายเป็นเป้าหัวเราะของเพื่อนร่วมทีม
เสียงซุบซิบเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ บางคนมองว่า การมาของบาติสตูต้าไม่เป็นที่ต้อนรับในทีม โดยเฉพาะนักเตะที่มีสถานะเป็น “ขาใหญ่” ของสโมสร
ดุงก้า กองกลางจอมบู๊ชาวบราซิล ซึ่งเคยเป็นศัตรูกับอาร์เจนตินาในสนามอยู่แล้ว มองว่าบาติสตูต้าคือคู่แข่งที่จะมาแย่งซีนความเป็นสตาร์ของเขา
มาร์โก บลังก้า และ สเตฟาโน่ บอร์โกโนโว่ กองหน้าชาวอิตาลี ต่างมองว่า เขาคือคู่แข่งโดยตรงที่มาพร้อมกับสถานะ “กองหน้าตัวใหม่” ของทีม พวกเขาไม่พอใจที่ต้องเสียตำแหน่งให้กับนักเตะต่างชาติที่เพิ่งเข้ามา จนหลายครั้ง บาติสตูต้ามองว่า ทั้งคู่ ไม่ยอมส่งบอล ให้เขาทำประตู
11 นัดแรกของบาติสตูต้า กับทีม เขายิงได้เพียง 1 ประตู เท่านั้น แต่ทว่าหลังจากนั้น เขาค่อยๆ ปรับตัวเข้ากับทีม เมื่อจบฤดูกาลแรก เขายิงได้ถึง 13 ประตู พาทีม จบในอันดับที่ 12 และยิงได้อีก 16 ประตู ในฤดูกาลถัดมา ถือว่าทำผลงานได้อย่างสุดยอด
ส่วน ลาโตรเร่ ที่ย้ายมาพร้อมกัน ได้ลงเล่นให้ฟิออเรนติน่าแค่ 2 นัดเท่านั้นจากนั้นเขาก็ต้องพเนจรไปเล่นใน สเปน, เม็กซิโก และกัวเตมาลา
5. การตกชั้น ความเสียสละ และอยากติดทีมชาติ อาร์เจนตินา🇦🇷
ขวบปีที่ 3 ของเขากับ ฟิออเรนติน่า ฤดูกาล 1992-93 ฟิออเรนติน่าเปิดตัวได้อย่างยอดเยี่ยม ไต่ขึ้นมาอยู่อันดับ 2 ของตาราง ตามหลังเพียง เอซี มิลาน ที่เต็มไปด้วยซูเปอร์สตาร์ระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น ฟรังโก บาเรซี, แฟรงค์ ไรจ์การ์ด และ มาร์โก แวน บาสเท่น
อย่างไรก็ตาม ความพ่ายแพ้ใน เกมสำคัญหลายต่อหลายครั้งบวกกับฟอร์มที่ตกลงของ กาเบรียล บาติสตูต้า ทำให้ทีมร่วงลงมาอยู่ อันดับ 6 ของตารางคะแนน
ความผิดหวังที่ทวีความรุนแรงขึ้นทำให้ เชคกี กอรี เจ้าของสโมสร หมดความอดทน เขาระเบิดอารมณ์ในห้องแต่งตัวหลังเกม และกล่าวโทษ กีจี้ ราดิเช่ ผู้จัดการทีมแบบไม่ไว้หน้า ก่อนจะประกาศปลดเขาออกจากตำแหน่ง หลังจากนั้น ฟิออเรนติน่าก็สูญเสียความมั่นใจ ฟอร์มการเล่นดิ่งลงเหว กระทั่ง จบฤดูกาลด้วยการตกชั้นสู่เซเรีย บี อย่างไม่น่าเชื่อ
การตกชั้นของฟิออเรนติน่าไม่เพียงส่งผลกระทบต่อสโมสร แต่ยังส่งผลต่อเส้นทางอาชีพของนักเตะตัวหลักหลายคน
เพราะท้ายฤดูกาลปี 1994 เป็นปีที่มี มหกรรมฟุตบอลโลก นักเตะ จะต้องเร่งสร้างผลงานให้ดีเพื่อที่จะติดทีมชาติไปฟุตบอลโลก การไม่ได้เล่นในลีคสูงสุด อาจจะทำให้พวกเขาหลุดจากทีมชาติ จนอดไปฟุตบอลโลกได้
ทำให้นักเตะชื่อดังของทีมต้องตัดสินใจ ย้ายออกจากทีมทันทีเพื่อย้ายไปเล่นในทีมที่อยู่ในลีคสูงสุด
แม้ว่าพวกเขาจะถูกตราหน้าว่า “ทอดทิ้งทีมในยามลำบาก” แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือ อนาคตของตัวเอง
• ดุงก้า และ สเตฟาโน่ บอร์โกโนโว่ → ย้ายไป เปสคาร่า
• มาร์โก บรังก้า → ย้ายไป อูดิเนเซ่
• ไบรอัน เลาดรูป → ย้ายไป เอซี มิลาน
แล้ว บาติสตูต้า ในฐานะกองหน้าเบอร์หนึ่งของอาเจนติน่าละ 🤔
บาติสตูต้าต้องเผชิญกับการตัดสินใจครั้งสำคัญ
เขาต้องการ รักษาตำแหน่งกองหน้าตัวหลักของทีมชาติอาร์เจนตินา เพื่อไปเล่นฟุตบอลโลก 1994 ที่สหรัฐอเมริกา
“ผมรู้สึกหดหู่ ผมต้องการเล่นในลีกสูงสุด ถ้าผมอยากไปฟุตบอลโลก ผมต้องเล่นในระดับสูงสุด” กาเบรียล บาติสตูต้า กล่าวก่อนเปิดฤดูกาล
แน่นอนว่าหัวใจของบาติสตูต้า ซีกหนึ่ง ก็ดังขึ้นว่า ฟุตบอลโลก คือเกียรติยศ สูงสุดของนักฟุตบอล อีกซีกนึง ก็ดังขึ้นว่า อย่าทอดทิ้ง เหล่าวิโอล่า ที่กำลังลำบาก
ซึ่งระหว่างน้นเอง ข้อเสนอจาก เรอัล มาดริด และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็วางอยู่บนโต๊ะเรียบร้อย
เมื่อเปิดฤดูกาล บาติสตูต้า บอกปัดข้อเสนอทั้งหมด พร้อมเลือกที่จะอยู่ต่อ เพื่อต่อสู้กับฟิออเรนติน่าในเซเรีย บี
การตัดสินใจครั้งนี้ ทำให้เขากลายเป็นขวัญใจของแฟนบอลฟิออเรนติน่าตลอดกาล
แม้ทีมจะตกต่ำ แต่บาติสตูต้า ยืนหยัดอยู่เคียงข้าง เขาต่อสู้ไปพร้อมกับทีม และสุดท้ายก็ ทำได้สำเร็จ บาติสตูต้ายิงไป 16 ประตู พาฟิออเรนติน่ากลับขึ้นสู่เซเรีย อา
และสุดท้าย เขาก็ถูกเรียกตัวติดทีมชาติอาร์เจนตินาไปลุยศึกฟุตบอลโลก 1994
6.กลับมารับใช้ทีมอย่างคุ้มค่า 🔙
กลับจากฟุตบอลโลก บาติสตูต้า กลับมาที่เมืองสโมสร
โดยมาเข้าคู่กับ รุย คอสต้า กองกลางเพลย์เมคเกอร์ชาวโปรตุเกส ที่เพิ่งย้ายมา ทั้งคู่ช่วยกันฉีกแนวรับคู่แข่งและคว้าแชมป์บอลถ้วย แต่ความฝันในการคว้าแชมป์เซเรีย อา ยังคงอยู่ไกลเกินเอื้อม
แม้ว่าเขาจะเป็นหนึ่งในกองหน้าที่อันตรายที่สุดในยุโรป แต่ ฟิออเรนติน่าก็ยังเป็นรองทีมใหญ่อย่าง เอซี มิลาน, ยูเวนตุส และ ลาซิโอ ในช่วงยุค 90s ตลอดทศวรรษนั้น ทีมคว้าแชมป์เพียง 3 รายการ ได้แก่ เซเรีย บี (1993-94), โคปปา อิตาเลีย และ ซูเปอร์โคปปา อิตาเลีย (1995-96)
ฤดูกาล 1998-99 เป็นปีที่บาติสตูต้าเข้าใกล้ สคูเด็ตโต้ มากที่สุด ทีมจบอันดับ 3 ตามหลังมิลานและลาซิโอ ในฤดูกาลเดียวกัน เขาทำแฮตทริกใส่แนวรับสุดแข็งแกร่งของมิลาน ที่มี เปาโล มัลดินี่ และ อเลสซานโดร คอสตาคูร์ต้า ชนิดที่ทั้งคู่ไม่สามารถหยุดเขาได้
หนึ่งในประตูที่เป็นตำนานของบาติสตูต้าคือ ลูกยิงไกลระยะ 30 หลาใส่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในรอบแบ่งกลุ่มยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 1999-2000 ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในลูกยิงที่ถูกจดจำมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของเขากับฟิออเรนติน่า
จากผลงานที่สุดยอดของบาติสตูต้า ทำให้แฟนสาวก ม่วงมหากาฬ ได้สร้าง รูปปั้นของเขา ไว้ที่สนามอาร์เตมิโอ ฟรังคี่ของฟิออเรนติน่า พร้อมจารึกคำว่า
“นักรบผู้ไม่เคยยอมแพ้ แข็งแกร่งในสนามรบ และซื่อสัตย์ในจิตวิญญาณ” นั่นคือนิยามของ “บาติโกล” นักล่าประตูผู้เป็นตำนานตลอดกาล
บาติสตูต้า จารึกตำนานด้วยสถิติ ผลงาน 207 ประตูจาก 333 นัด เป็นนักเตะที่ยิงในลีค เยอะที่สุดไว้ในประวัติศาสตร์ของสโมสร
7.เส้นทางสู่แชมป์ของบาติสตูต้ากับโรม่า และความสัมพันธ์ที่ไม่อาจลืมกับฟิออเรนติน่า 🏆
กาเบรียล บาติสตูต้า ในวัย 31 ปี ยังหวังเติมเต็มความฝัน
ในการสัมผัสแชมป์เซเรีย อา สักครั้งในชีวิต เมื่อมองดูศักยภาพแล้ว ฟิออเรนติน่า น่สฃาเชื่อว่า ไม่สามารถตอบสนองต้องการได้ แม้จะมอบความรักให้ทีมสุดหัวใจ แต่สักครั้งหนึ่งในชีวิตนักฟุตบอล ตัวเขาเองก็อยากได้ซื้อว่า เป็นผู้พิชิต ลีคกัลโซ่ สักครั้ง
ทีมที่ต้องการตัวเขา คือ โรม่า
โรม่า ณ เวลานั้น ไม่ใช่ทีมแถวหน้าของลีกเหมือน ยูเวนตุส หรือ เอซี มิลาน แต่เป็นทีมที่มี ศักยภาพในการก้าวขึ้นเป็นแชมป์ พวกเขามี ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ, วินเชนโซ่ มอนเตลล่า และ คาฟู เป็นกำลังหลัก พร้อมโค้ชระดับตำนานอย่าง ฟาบิโอ คาเปลโล่ เมื่อ ลาซิโอ คู่แข่งร่วมเมืองคว้าแชมป์ เซเรีย อา ฤดูกาล 1999-2000 โรม่าไม่อาจอยู่เฉย พวกเขาต้องการเสริมแนวรุกให้แข็งแกร่งที่สุด และไม่มีใครเหมาะสมไปกว่า บาติสตูต้า
โรม่า ยืนข้อเสนอ จำนวน 23.5 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็น สถิติค่าตัวนักเตะอายุเกิน 30 ปีที่แพงที่สุดในโลก ให้ฟิออเรนติน่า และนั่นก็มากพอที่จะทำให้ฟิออเรนติน่าตอบตกลง
การย้ายทีมของบาติสตูต้า สร้างความเจ็บปวดให้แฟนบอลฟิออเรนติน่าอย่างมาก จนถึงขั้นที่กลุ่มกองเชียร์ Curva Fiesole ทำลายรูปปั้นของเขา ที่ตั้งอยู่ที่สนามอาร์เตมิโอ ฟรังคี่มานานถึง 4 ปี
และเพียงฤดูกาลเดียว บาติสตูต้ายิง 20 ประตู พาโรม่าคว้า สคูเด็ตโต้ เป็นครั้งแรกในรอบ 18 ปี แม้สีเสื้อจะเปลี่ยนจากม่วงเป็นแดงเลือดหมู แต่เขายังคงเป็นนักล่าประตูเช่นเดิม
รวมถึงลูกยิงสุดสวยจากระยะ 25 หลาใส่ ฟิออเรนติน่า ทีมรักของเขาเองด้วย
ในแมทย์ดังกล่าวแฟนบอลโรม่า ในถิ่น โอลิมปิโกจะกู่ร้องชื่อ “บาติโกล! บาติโกล!” คล้ายเป็นการเย้ยหยัน สาวกวิโอล่า กลายๆ แต่กลุ่มกองเชียร์ฟิออเรนติน่าก็ร่วมปรบมือให้กับอดีตฮีโร่ของพวกเขา เพราะเชื่อว่า แม้บาติสตูต้สจะยิงใส่ทีมเก่า แต่หัวใจของเขายังคงเป็นสีม่วง
“ฟลอเรนซ์ทำให้ผมเป็นอย่างที่ผมเป็นในวันนี้ และนั่นคือสิ่งที่ผมไม่มีวันลืม ผมหวังว่าแฟนๆ ฟิออเรนติน่าจะเข้าใจ ผมให้เกียรติพวกเขาเสมอ ผมไม่ได้ต้องการทำร้ายใคร แต่บางครั้ง เราก็ต้องทำสิ่งที่เราไม่อยากทำ” บาติสตูต้า กล่าวหลังเกมส์ ด้วยน้ำตา
8.ความรัก กับเสื้อสีม่วง 💜
หลังจากแขวนสตั๊ด กาเบรียล บาติสตูต้า ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวในอดีต ผ่านบทสัมภาษณ์กับสื่อต่างๆ โดยเล่าถึง ข้อเสนอจากสโมสรยักษ์ใหญ่หลายทีม ที่เคยพยายามคว้าตัวเขาไปร่วมทัพในช่วงที่ค้าแข้งกับ ฟิออเรนติน่า
“ผมไม่เคยสนุกกับการเป็น ‘สตาร์ของทีม’ เพราะทันทีที่คุณกลายเป็นศูนย์กลางของทีม คุณต้องแบกรับความรับผิดชอบที่หนักขึ้น ผมได้รับข้อเสนอมากมายจาก เรอัล มาดริด, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เอซี มิลาน แต่ผมเลือกความสงบสุขที่ฟิออเรนติน่า ถ้าผมไปมาดริด ผมอาจยิงได้เกิน 200 ประตู แต่ผมรู้ว่าผมจะหมดความตื่นเต้น เช่นเดียวกับที่มิลาน
แม้ว่าผมจะไม่เคยคว้าแชมป์รายการใหญ่ แต่ผมมองว่าตัวเองเป็นผู้ชนะ เพราะผมทำให้ฟิออเรนติน่าต่อกรกับทีมยักษ์ใหญ่ได้”
และอีกประโยคที่แสดงถึงความจงรักภักดีของเขาอย่างลึกซึ้ง
“ผมอยากคว้าแชมป์หนึ่งสมัยกับฟิออเรนติน่า มากกว่าคว้า 10 แชมป์กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด”
9. บาติสตูต้าตำนานแห่งฟลอเรนซ์ 🧚‍♀️
บาติสตูต้า ไม่ใช่แค่กองหน้าที่มีฝีเท้าสุดยอดที่มีลูกยิงอันทรงพลัง เพัยงอย่างเดียว แต่เขาคือนักเตะที่เต็มเปี่ยมไปด้วย ความภักดีและหัวใจของนักสู้ แม้ว่าฟิออเรนติน่าจะ ไม่ใช่ทีมลุ้นแชมป์ทุกปี แต่เขายังคงสร้างตำนานให้กับตัวเอง อยู่ร่วมหัวจมท้าย กันถึง 9 ปี
ถึงครั้งหนึ่งเขาจะเคยถูกแฟนบอลบางส่วนมองว่า “ทรยศ” หลังจากย้ายไปคว้าแชมป์ เซเรีย อา กับโรม่า แต่ กาลเวลาทำให้ทุกอย่างกลับคืนสู่จุดสมดุล
ในปี 2014 สโมสรฟิออเรนติน่าได้ บรรจุชื่อของเขาเข้าสู่หอเกียรติยศ และแฟนบอลวิโอล่ากลับมายอมรับเขาอีกครั้ง
สำหรับชาวฟลอเรนซ์ แล้วกาเบรียล บาติสตูต้า ไม่ใช่แค่ตำนาน แต่เขาคือ “สัญลักษณ์จิตวิญญานแห่งฟิออเรนติน่า” 💜
1 กุมภาพันธ์
สุขสันต์วันครบรอบวันเกิด 56 ปี
”บาติโกล“ กาเบรีล บาติสตูต้า
======================
ถัาชอบเริ่องราว อ่านยาวๆ
ฝากกดไลค์ กดติดตามเป็นกำลังใจด้วยนะครับผม ❤️
#ฟุตบอล #football #Fiorentina #บอลสด #กัลโซ่
#Batistuta #บอล #FootballMania
โฆษณา