3 ก.พ. เวลา 11:34 • หนังสือ

“การทำบุญที่มีผลมาก.. แต่อานิสงฆ์น้อย..”

การทำบุญด้วยการ บริจาคทรัพย์สิ่งของ.. ให้ความรู้.. ให้กำลังกายแก่บุคคลอื่น.. เรียกว่า.. ให้ทาน..
การทำทานจะให้ผลบุญมาก หรือน้อย.. ขึ้นกับทิฐิและจิตใจเราขณะให้.. ความบริสุทธิ์ของทรัพย์ที่ให้.. และความดีงามของผู้รับ..
พระไตรปิฏก กล่าวถึงเหตุปัจจัยที่ทำให้ทานที่ให้แล้ว มีผลมาก แต่ไม่มีอานิสงส์มาก.. และเหตุที่ให้ทานแล้วมีผลมากและมีอานิสงส์มากด้วย..
เช่น คนที่ให้ทานทำบุญเพราะกิเลส.. ให้ทานเพื่ออวดความรวย.. อวดว่าตนเป็นคนดีใจมีบุญ.. ให้เพื่อแข่งขันเอาชนะกับคนอื่น.. ให้เพราะกลัวเสียชื่อ กลัวอาย..
แบบนี้ จะได้บุญ ได้กุศลไม่มาก เพราะเจตนาในการให้ทานไม่เป็นกุศล..
ส่วนคนที่ให้ทานไปด้วยความหวังว่า..
1) เมื่อตนตายไปแล้ว จักได้รับผลของทานนี้..
2) เพราะหวังว่าการทำทานจะได้บุญกุศล..
3) ทำทานตามประเพณี ที่พ่อแม่เคยทำมาก่อน..
4) ทำเพราะสงสารพระภิกษุที่หาเลี้ยงตนเองไม่ได้..
5) ทำเพราะเห็นว่าเป็นการแจกจ่ายทานให้แก่คนทั่วไป..
6) ทำเพราะคิดว่า จิตจะเลื่อมใส เป็นปิติ..
คนเหล่นนั้นเมื่อตายไป.. จะไปเกิดเป็นเทวดาในสวรรค์ทั้ง 6 ชั้นตามลำดับ ได้แก่..ชั้นจาตุมหาราชิก.. ชั้นดาวดึงส์.. ชั้นยามา..
ชั้นดุสิต.. ชั้นนิมมานรดี.. และชั้นปรนิมมิตวสวัตดี..
การทำทานแบบนี้ ได้กุศล ผลบุญมาก.. จึงทำให้ไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์..
แต่ทานที่ให้ผลมากแบบนี้ ยังมีอานิสงส์ ในการกำจัดกิเลสน้อย.. เมื่อเทวดาหมดบุญลง.. ก็ต้องจุติลงมาเกิดเป็นมนุษย์ใหม่อีก..
 
มีบุคคลบางคนในโลกนี้.. ไม่ได้ทำทานเพราะเหตุผลที่กล่าวแล้วทั้ง 6 อย่างนั้น..
แต่ทำทาน.. เพื่อปรุงแต่งขัดเกลาจิตใจ จากกิเลส.. ลอความตระหนี่ลง.. ด้วยสมถะและวิปัสสนา.. จนได้ฌานและกิเลสเกือบหมด.. ได้บรรลุเป็นพระอนาคามีบุคคล..
พระอนาคามีนั้น.. เมื่อตายแล้วได้ไปเกิดเป็นพรหมชั้นสุทธาวาส.. ในพรหมโลก.. พรหมชั้นนี้ มีไว้ให้แก่พระอนาคามีเท่านั้น..
คนธรรมดาที่สำเร็จฌาณมีเมตตามาก.. แต่กิเลสยังไม่หมด.. ตายแล้วจะไปเกิดเป็นพรหมประเภทต่างๆ.. ยกเว้น สุทธาวาสพรหม..
พระพรหมที่เป็นพระอนาคามีในชั้นสุทธาวาสนี้.. เมื่อสิ้นบุญแล้ว..ไม่ต้องกลับมาเกิดในโลกนี้อีก..
ก็ดับชั้นพรหมแล้ว ไปนิพพานได้เลย..
พระพุทธเจ้าจึงยกย่องว่า.. ทานชนิดนี้เป็นทานที่มีผลมาก และมีอานิสงส์มากด้วย..
พระองค์สอนให้คนชั่ว.. เป็นคนดี ด้วยการละกรรมชั่ว.. ไม่ต้องตกอบายภูมิ.. จะได้เกิดเป็นมนุษย์ได้อีก..
ท่านสอนให้คนทำดีแล้ว.. เป็นคนดียิ่งขึ้น.. เพื่อให้ได้เกิดใหม่ดีกว่ามนุษย์.. คือเกิดเป็นเทพเทวดา..
ท่านสอนให้คนทำดียิ่งขึ้นนั้น ให้ดีกว่าเทวดา.. ให้จิตผ่องใส.. จนกิเลสไม่แสดงอาการด้วยความมีเมตตา และทำฌานสมาธิ.. คือได้เกิดเป็นพรหม..
และท่านสรรเสริญ บุคคลที่ทำตามคำสอน.. จนละทิ้งอบายภูมิ.. เทวดาภูมิ.. พรหมภูมิ.. ละกิเลสที่ฝังอยู่หมดสิ้น.. จิตผ่องใส มีความสุขตลอดกาลได้..
นั่นคือ.. พระนิพพาน.. ไม่ต้องเกิดอีกเลย..
(พระไตรปิฎก ในทานสูตร.. อังคุตตรนิกาย.. สัตตกนิบาต ข้อ ๔๙ )
โฆษณา