Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องเล่า เล่าเรื่อง
•
ติดตาม
3 ก.พ. เวลา 21:54 • สุขภาพ
สุขภาพกาย และสุขภาพจิต เรื่องใกล้ตัวหรือไกลตัว?
ส่วนนี้จะยังไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่จะเล่า แต่จะขอเกริ่นไว้ก่อนว่าเรื่องที่จะเล่าเป็นประสบการณ์ของผู้เขียนโดยตรง
ซึ่งต้องการใช้บทความในการยกความรู้สึกของผู้เขียน ณ ขณะนี้มาไว้ในบทความนี้ และในบทความนี้ ผู้เขียนจะขอแทนตัวเองว่า "ผู้เขียน" เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจได้ตรงกันกับสิ่งที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อ บทความนี้เป๋นบทความแรกในชีวิตที่ตั้งใจเขียนขึ้นมา หากมีผู้อ่านท่านใดมีโอกาสได้อ่าน และอยากให้ปรับปรุงพัฒนาในจุดใด สามารถแสดงความคิดเห็นได้ตามสะดวก
ย้อนไปเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว ผู้เขียน ณ ขณะนั้นอายุ 26 ปี ได้เริ่มตัดสินใจที่จะไปโรงพยาบาล ซึ่งผู้เขียนไม่เคยตัดสินใจไปโรงพยาบาลเองเลย นอกจากไปเยี่ยมผู้ป่วย เนื่องจากตั้งแต่เด็กจนช่วงจบมหาวิทยาลัยผู้เขียนเป็นนักกีฬา และออกกำลังกาย ทำให้มีสุขภาพแข็งแรงมาโดยตลอด? หลังจากที่เริ่มตัดสินใจที่จะไปโรงพยาบาล ก็เริ่มจะสังเกตตัวเอง เนื่องจากนิสัยลักษณะของผู้เขียนขอใช้คำจำกัดความง่ายๆ คือ "ไม่รักตัวเอง"
การสังเกตตัวเองจึงเริ่มเป็นจุดที่หันมาสนใจตัวเองมากขึ้น และผลจากนั้นคืออาการที่ทำให้ต้องไปโรงพยาบาลบ่อยครั้งในระยะเวลาตั้งแต่เริ่ม จนถึงปัจจุบัน ส่วนใหญ่คืออาการตัวชา ซึ่งในช่วงแรกอาการยังเล็กน้อย โดยนิสัยแล้วผู้เขียนจึงปล่อยให้หายไปเองหรือถ้าอาการรุนแรงขึ้นจึงไปพบแพทย์ วนไปแบบนี้ จนกระทั่งอาการรุนแรงขึ้นมากและส่งผลกระทบกับชีวิตประจำวัน สภาพจิตใจและด้านการงานของผู้เขียนเอง ณ ขนะนั้นในช่วงปีที่แล้ว ซึ่งอาการชาตอนนั้นจะเกิดหลังจากตื่นนอน ซึ่งผู้เขียนไม่สามารถขยับตัวได้ระยะเวลาหนึ่ง
อีกหนึ่งอาการที่ผู้เขียนมีมาตลอดตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นจนถึงปัจจุบัน คือ สายตาสั้น และมีภาพซ้อนเพิ่มเข้ามาเล็กน้อยในช่วงมาหาวิทยาลัย ซึ่งในตอนนั้นคิดว่าสายตาสั้นทั่วไป ผู้เขียนไม่เคยใส่แว่นมาก่อนจนกระทั่งอายุ 26 ปี และการใส่แว่นของผู้เขียน ณ ตอนนั้นไม่สามารถช่วยเรื่องภาพซ้อนได้ แต่ผู้เขียนก็ได้มีการปล่อยผ่าน จนมีคนในครอบครัวทักว่า "ตาเข" ในช่วงปีที่แล้ว ถึงจะไม่ได้เป็นตลอด แต่ตรงนี้เป็นเหตุผลแรกที่ทำให้ผู้เขียนตัดสินใจไปโรงพยาบาลจริงจัง และทำให้หลายๆ อย่างเปลี่ยนไป
ถ้าผู้อ่าน อ่านมาถึงตรงนี้แล้วอาจจะเห็นได้ว่าทั้ง 2 อาการที่กล่าวมาข้างต้นมาประจวบกันช่วงปีที่แล้ว และด้วยอาการตัวชาที่หนักขึ้น แถมอาการนอนไม่หลับ ทำให้ผู้เขียนได้ตัดสินใจออกจากงานเพื่อรักษาอย่างเต็มที่ และไม่ให้กระทบต่อเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ
หลังจากนี้ผู้เขียนจะลงรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องการรักษา เรื่องสภาพจิตใจ เรื่องการสังเกตตัวเอง เรื่องความรู้สึกและพฤติกรรมของผู้เขียน ณ ขณะนั้น *มีอาการอื่นเพิ่มมาด้วย*
●
อาการตัวชา (ช่วงแรก) ได้เป็นวิตามิน B รวม คำแนะนำเกี่ยวกับการนอน และแนะนำให้ออกกำลังกาย
●
อาการตัวชา (ช่วงหลัง) หมอแจ้งว่าเป็นปลายประสาทอักเสบ ณ ขณะนั้นผู้เขียนอายุ 28 ปี ได้เป็นยารักษาปลายประสาทอักเสบ
●
อาการนอนไม่หลับ ได้รับยานอนหลับ
●
อาการภาพซ้อน ผู้เขียนจำชื่อทางการแพทย์ไม่ได้โดยรวมเป็นที่กล้ามเนื้อตา จะต้องได้รับการผ่าตัด ครั้งที่ 1 หมอให้ยารักษากล้ามเนื้ออ่อนแรงมาทดลองกิน เพราะกังวลว่าถ้าผ่าตัดเลยอาจจะกลับมาเป็นซ้ำอีก ครั้งที่ 2 หมอรีเควสขอให้มีการเจาะเลือด และหยุดยาที่เคยจ่ายมาในครั้งก่อน
●
อาการไขมันในเลือดสูง ทราบหลังจากผลเลือดออก ได้รับยาลดไขมันในเลือด แนะนำให้คุมอาหาร และออกกำลังกาย
●
สภาพจิตใจ ยังไม่เคยพบแพทย์
การสังเกตตัวเอง ความรู้สึกและพฤติกรรม
★
อาการตัวชา เนื่องจากงานของผู้เขียนเลิกเที่ยงคืน ตื่นมาก็ไปทำงาน หลังจากออกจากงาน กินยา ทำตามคำแนะนำ และนอนหลับพักผ่อนได้ปกติ อาการถึงดีขึ้น
★
อาการนอนไม่หลับ เปลี่ยนสภาพแวดล้อม สภาพแวดล้อมที่ก่อให้เกิดความเครียด ผู้เขียนไม่เคยกินยานอนหลับที่ได้รับมา *ทั้งอาการตัวชา และนอนไม่หลับ หลังจากสภาพจิตใจดีขึ้น ทั้ง 2 อาการปัจจุบันไม่มีอาการ **ความเครียด บางครั้งผู้เขียนก็ไม่รู้สึกตัวว่ากำลังเครียด หลังจากเปลี่ยนสภาพแวดล้อมก็เห็นผลชัดเจน
★
อาการภาพซ้อน ค่อนข้างกระทบกับการใช้ชีวิตทั่วไป สามารถใส่แว่นที่เพิ่มปริซึมเข้าไป ระหว่างการรักษา *หลังได้กินยา ผลข้างเคียงยาค่อนข้างรุนแรงสำหรับผู้เขียน ทำให้สภาพจิตใจแย่ ส่งผลให้อาการตัวชากลับมา และเริ่มมีอาการนอนไม่หลับ ผู้เขียนจึงตัดสินใจหยุดยาเองก่อนพบหมอครั้งต่อไป หลังจากพบหมอครั้งที่ 2 หมอจึงสั่งหยุดยาตัวนี้
★
ไขมันในเลือดสูง ทราบผลจากแพทย์ที่รักษาอาการภาพซ้อน ให้รีบรักษาเนื่องจากผลออกมาสูงเกินปกติ 2-3 เท่า ซึ่งโดยปกติจะพบในผู้สูงอายุ *ผู้เขียนสูง 168 ซม. หนัก 50.6 กิโลกรัม ณ ขณะนั้น
★
สภาพจิตใจ ตั้งแต่ช่วงหลังโควิดก็รับรู้ถึงความไม่ปกติของจิตใจตัวเอง ซึ่งโดยส่วนใหญ่ผู้เขียนใช้ชีวิตอยู่แต่กับที่ทำงาน *มีครั้งนึง เพื่อนชวนไปเที่ยว แต่ด้วยความหิว ผู้เขียนจึงลงรถไฟฟ้าที่สยามพารากอน ซึ่งตอนนั้นผู้เขียนรู้สึกไม่ดีตั้งแต่บนรถไฟฟ้าพอลงไฟฟ้าก็เจอกับคนจำนวนมากทำให้ผู้เขียนรู้สีกวิตกกังวลรุนแรง เหงื่อออกทั่วตัว พยามยามหนีจากผู้คนเพื่อพักหายใจ และตัดสินใจกลับบ้านหลังจากนั้น ผู้เขียนตัดสินใจที่จะออกจากบ้านบ่อยขึ้น อาการตรงนั้นจึงดีขึ้นเรื่อยๆ
★
สภาพจิตใจ (ต่อ) เนื่องด้วยปัญหาต่างๆ ที่เข้ามาทำให้ผู้เขียนรู้สึกโอเคขึ้นเมื่ออยู่ที่ทำงาน เพราะมีอะไรทำตลอด ทำให้ผู้เขียนทำงานอย่างหนัก จนกระทั่งทั้งสภาพจิตใจ และสุขภาพกาย ทำให้ทุกอย่างดิ่งลง จนเป็นเหตุให้ผู้เขียนตัดสินใจเปลี่ยนสภาพแวดล้อม ปรับพฤติกรรมทั้งหมด จึงเริ่มดีขึ้น แต่กลับมาแย่อีกหลังกินยาเพื่อรักษาภาพซ้อน (พ.ย. 67) และแย่ลงไปอีกหลังทราบผลไขมันในเลือดสูง (ม.ค. 68)
ภาพรวม ณ ปัจจุบัน (4 ก.พ. 68)
ตอนนี้ผู้เขียนกำลังรักษาอาการภาพซ้อน และไขมันในเลือดสูงต่อ สภาพจิตใจดีขึ้น โดยการเริ่มทำอะไรใหม่ ๆ เยอะมาก อะไรที่ไม่เคยทำก็ลองทำ รวมถึงการเขียนบทความด้วย ก็สนุกไปอีกแบบ และจะทำหลายๆ อย่างต่อไปเรื่อยๆ พยายามรักตัวเองมากขึ้น ดูแลตัวเองดีขึ้น ออกกำลังกาย พยายามพูดคุยกับคนอื่น (แต่ยังไม่ค่อยกล้าเล่าให้ฟังโดยตรงหรือขอความช่วยเหลือ) สังเกตตัวเองมากขึ้น
พยายามมองสิ่งรอบตัว และออกจากบ้านมากขึ้น
ถ้ายังมีผู้อ่าน อ่านถึงตรงนี้ จะรู้สึกเหมือนได้รับฟังผู้เขียนกำลังระบายสิ่งต่างๆ อยู่ ซึ่งถูกต้องแล้ว 55 ตอนนี้ผู้เขียนรู้สึกโล่งมาก (น้ำตาจะไหล) ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่อ่านถึงตรงนี้ และหวังว่าประสบการณ์ของผู้เขียนจะมีประโยชน์ต่อใครสักคนไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
สุดท้ายนี้ขอแนบรูปที่ผู้เขียนออกจากบ้านเดินออกกำลังกาย และหันไปมองรอบๆ ตัว เห็นแล้วอยากถ่ายรูปเก็บไว้มาให้ชมกันครับ
ลองๆ หันดูรอบๆ กันบ้างนะครับ
สุขภาพ
ความรู้รอบตัว
พัฒนาตนเอง
1 บันทึก
2
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย