18 มี.ค. เวลา 02:50 • ไลฟ์สไตล์

วางแผนลงทุนแบบการจัดทีมฟุตบอล

การลงทุนก็เหมือนกับการจัดทีมฟุตบอลที่ต้องใช้กลยุทธ์ ความสมดุล และการวางแผนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายสูงสุด ทั้งการจัดทีมฟุตบอลและการสร้างพอร์ตการลงทุนต้องอาศัยการคัดเลือกองค์ประกอบที่เหมาะสม ผสมผสานระหว่างความเสี่ยงและผลตอบแทนเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
โดยทีมฟุตบอลที่ดีก็ต้องมีนักเตะที่หลากหลาย ทั้งกองหน้า กองกลาง กองหลัง และผู้รักษาประตู เช่นเดียวกับพอร์ตการลงทุนที่ต้องมีสินทรัพย์ที่สมดุลเพื่อรองรับความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสทำกำไร โดยการจัดทีมที่เหมาะสมควรแบ่งเป็นดังนี้
  • ​กองหน้า (Equity Assets - หุ้นเติบโตสูง)
นักเตะที่ทำประตู เปรียบได้กับหุ้นเติบโตสูง เช่น หุ้นเทคโนโลยี หรือหุ้นขนาดเล็ก ที่ให้ผลตอบแทนดีแต่ก็มีความเสี่ยงที่สูงเช่นกัน ดังนั้นควรมีในพอร์ตในสัดส่วนที่ไม่มากนัก
  • ​กองกลาง (Balance Assets - หุ้นปันผล, กองทุนผสม)
มีบทบาทเชื่อมเกมและสร้างโอกาส เปรียบได้กับหุ้นที่มีความสมดุลระหว่างความเสี่ยงและผลตอบแทน เช่น หุ้นปันผล หรือกองทุนผสม ที่พอรับความผันผวนได้ระดับนึง
  • ​กองหลัง (Defensive Assets - พันธบัตร, ทองคำ, กองทุนตลาดเงิน)
คอยป้องกันไม่ให้เสียประตู เปรียบได้กับสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น พันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้ ทองคำ หรือกองREITs ที่ช่วยลดความผันผวนของพอร์ตได้เป็นอย่างดี จึงควรมีในพอร์ตในสัดส่วนที่มากที่สุด
  • ​ผู้รักษาประตู (Cash -เงินสดและสินทรัพย์สภาพคล่องสูง)
เป็นตัวสุดท้ายที่ช่วยปกป้องทีมจากการเสียประตู เปรียบได้กับเงินสดหรือสินทรัพย์อื่นๆที่เปลี่ยนเป็นเงินสดได้เร็ว เช่น สลากออมสิน , กองทุนตลาดเงิน เพื่อสำรองไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉินหรือรอโอกาสในการลงทุน
นอกจากนี้เรายังต้องเรียนรู้การปรับเปลี่ยนแผนการเล่นและนักเตะตามสถานการณ์การแข่งขัน เช่น เปลี่ยนกองหน้าลงมาเสริม หรือเพิ่มกองหลังเมื่อต้องการป้องกัน เช่นเดียวกับการลงทุนที่นักลงทุนควรปรับพอร์ตเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ หรือเมื่อเป้าหมายการลงทุนเปลี่ยนไป เช่น
ตลาดหุ้นขาขึ้น → อาจเพิ่มสัดส่วนหุ้นเติบโต
ตลาดหุ้นขาลง → อาจลดสัดส่วนหุ้น เพิ่มพันธบัตร หรือ ถือเงินสดแทน
ภาวะเงินเฟ้อสูง → อาจเพิ่มทองคำหรือพันธบัตรชดเชยเงินเฟ้อ (Inflation linked bond)
การปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์จะช่วยให้นักลงทุนสามารถวางแผนพอร์ตการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในระยะยาวต่อไป
โฆษณา