4 ก.พ. เวลา 11:45 • หุ้น & เศรษฐกิจ

“ทรัมป์” เขย่าหุ้นทั่วโลกผันผวน แนะซื้อหุ้นแนวรับกลุ่ม Domestic play

ทรีนีตี้ เผย “ทรัมป์” เขย่าตลาดหุ้นทั่วโลกหลังขึ้นภาษีนำเข้า ด้านหุ้นไทยเดือน ก.พ. ผันผวน มองดัชนีแนวรับบริเวณ 1270-1280 จุด แนะซื้อหุ้นแนวรับกลุ่ม Domestic play
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางตลาดหุ้นไทยเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ว่า คาด SET Index มีโอกาสปรับตัวลงในช่วงแรก หลังในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ของสหรัฐฯ ลงนามเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากทั้งแคนาดา เม็กซิโก ในอัตรา 25% และจีน ในอัตรา 10% ตามที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้
ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ ทรีนีตี้
ปัจจัยดังกล่าวทำให้ไม่กี่ชั่วโมงให้หลัง ได้พัฒนากลายมาเป็นสงครามการค้าย่อม ๆ จากการตอบโต้ของประเทศเหล่านี้ ทั้งการเตรียมเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯของทั้งแคนาดา (25%) และเม็กซิโก รวมถึงจีนที่เตรียมจะยื่นคำร้องต่อ WTO ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ปัจจัยดังกล่าวได้ส่งผลกระทบทางอ้อมไปยังราคาน้ำมันดิบให้ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากทั้งแคนาดาและเม็กซิโก ต่างก็เป็นแหล่งนำเข้าทางด้านเชื้อเพลิงที่สำคัญของสหรัฐฯ
อย่างไรก็ดีมองการปรับตัวลงของดัชนี SET ในช่วงแรกของเดือนน่าจะได้รับการประคับประคองบ้างจากกลุ่ม Oil & Gas ที่ได้ Sentiment เชิงบวกจากราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น รวมถึงกลุ่ม Domestic play ที่คาดว่าจะเห็นการรีบาวด์ขึ้นบ้าง หลังราคาลงไปแรงจากผู้นำกลุ่มเช่น CPALL ในช่วงปลายเดือนก่อน ไม่นับรวมกับ Valuation ของดัชนีที่อยู่ต่ำเป็นทุนเดิม ด้วยเหตุนี้จึงเชื่อว่ามีโอกาสที่หุ้นไทยจะปรับตัวแข็งแกร่งกว่าหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับประเทศที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากสงครามการค้าที่เกิดขึ้น.....นายณัฐชาต กล่าว
ประเมินแนวรับสำคัญของ SET Index
เดือนนี้จะอยู่ที่จุดต่ำสุดที่เคยทำไว้แถวบริเวณ 1270-1280 จุด ซึ่งในเชิง Valuation ถือว่าน่าสนใจมาก เนื่องจากเป็นระดับเทียบเท่า PBV 1.22x เท่านั้น ถูกที่สุดเป็นอันดับ 3 นับตั้งแต่วิกฤติซับไพรม์ ในเชิงกลยุทธ์ แนะนำซื้อหุ้นที่บริเวณแนวรับดังกล่าวนี้ โดยเน้นไปที่กลุ่ม Domestic play ที่ค่อนข้างปลอดภัยจากประเด็นสงครามการค้าที่เกิดขึ้นนี้
ปัจจัยเสี่ยงอื่นที่อาจต้องติดตามต่อในเดือนนี้
  • ความเสี่ยงที่สงครามการค้าจะลากยาวจนก่อให้เกิดความกลัวเกี่ยวกับการกลับมาของเงินเฟ้ออีกครั้ง ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง อาจทำให้โอกาสในการปรับลดดอกเบี้ยของธปท.ในเดือนนี้ลดลง
  • การประกาศผลประกอบการ บจ.ไตรมาส 4 ซึ่งหากออกมาแย่กว่าคาด อาจนำมาสู่การปรับลดประมาณการในตลาดอีกครั้ง
  • แรงขายสุทธิของนักลงทุนสถาบันในประเทศที่อาจเกิดขึ้น หากเริ่มมีความชัดเจนว่า ตลท.จะมีการปรับปรุงการคำนวณดัชนีหุ้นไทยรูปแบบใหม่ไปเป็นวิธี Free-float adjusted market cap weighted
  • ความเสี่ยงที่ MSCI อาจปรับลดน้ำหนักหุ้นไทย จนนำมาสู่แรงขายของนักลงทุนต่างชาติในระยะสั้น
กลุ่มหุ้นที่น่าสนใจในเดือนนี้
  • หุ้นกลุ่มค้าปลีกที่ราคาปรับลงมาแรง และได้ประโยชน์จากมาตรการ Easy E-Receipt รวมถึงการเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น CPALL
  • หุ้นขนาดใหญ่ที่ Valuation ลงมาอยู่ในโซน Trough เมื่อเทียบเคียงกับในอดีต เช่น BDMS, LH, MINT, OR
  • กลุ่มธนาคารที่จะได้ประโยชน์ หากดัชนี Free float adjusted market cap weighted index ได้รับความนิยมในตลาดสูงขึ้น ได้แก่ SCB, KBANK, BBL
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ : https://www.pptvhd36.com/wealth/stock-investment/241977
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา