Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Pichaya Leung-vanich ภิชยะ เรืองวาณิชฯ
•
ติดตาม
4 ก.พ. เวลา 11:03 • ธุรกิจ
ไทยจะร่วงหรือรุ่ง? วิเคราะห์ผลกระทบสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน
เมื่อเร็ว ๆ นี้ จีนได้ตอบโต้การขึ้นภาษีสินค้าจีนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ด้วยมาตรการดังต่อไปนี้:
1. ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ จีนประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ระหว่าง 10-15% ครอบคลุมสินค้าหลายประเภท เช่น พลังงาน (ถ่านหิน, ก๊าซธรรมชาติเหลว, น้ำมัน) และอุปกรณ์การเกษตร
2. สอบสวน Google: รัฐบาลจีนได้สั่งสอบสวนบริษัท Google ในข้อหาละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด ซึ่งเป็นการตอบโต้ต่อมาตรการของสหรัฐฯ
การดำเนินการเหล่านี้สะท้อนถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในอนาคต
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขึ้นภาษีสินค้าจากจีนของประธานาธิบดีทรัมป์ สามารถรับชมได้จากวิดีโอนี้
การตอบโต้ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนล่าสุดอาจส่งผลกระทบต่อประเทศไทยทั้งในด้านบวกและด้านลบ ดังนี้
ผลกระทบด้านลบ
การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองประเทศมหาอำนาจอาจทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย เนื่องจากความต้องการสินค้าจากต่างประเทศลดลง
การแข่งขันที่เพิ่มขึ้น สินค้าจีนที่เผชิญกับภาษีสูงขึ้นในสหรัฐฯ อาจถูกส่งออกไปยังตลาดอื่น ๆ รวมถึงอาเซียนและไทย ทำให้ผู้ผลิตไทยต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในตลาดภายในประเทศ
ผลกระทบด้านบวก
โอกาสในการส่งออก การที่สหรัฐฯ ลดการนำเข้าสินค้าจากจีนอาจเปิดโอกาสให้สินค้าจากไทยเข้าไปแทนที่ในตลาดสหรัฐฯ โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าเช่น เซมิคอนดักเตอร์ เหล็กและอะลูมิเนียม และถุงมือยาง
การย้ายฐานการผลิต ความไม่แน่นอนทางการค้าอาจทำให้บริษัทต่างชาติพิจารณาย้ายฐานการผลิตจากจีนมายังประเทศที่มีเสถียรภาพมากขึ้น เช่น ไทย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและการจ้างงานในประเทศ
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทย ได้กล่าวว่า ไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทั้งสหรัฐฯ และจีน และไม่จำเป็นต้องเลือกข้าง ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อไทยในสถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้านี้
ดังนั้น ไทยควรเตรียมความพร้อมและปรับตัวเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น ทั้งในด้านการเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย และการเปิดรับโอกาสใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงทางการค้าโลก
ไทยควรรับมือกับสถานการณ์นี้โดยใช้กลยุทธ์เชิงรุกใน 4 ด้านหลัก ได้แก่
(1) การปรับตัวทางการค้า
(2) การเสริมสร้างขีดความสามารถของอุตสาหกรรม
(3) การบริหารความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ และ (4) การขยายตลาดและการลงทุน
1. การปรับตัวทางการค้า
หาตลาดใหม่: ลดการพึ่งพาสหรัฐฯ และจีนโดยขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศอื่น ๆ เช่น อินเดีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา
ใช้ประโยชน์จาก FTA: ไทยมีข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับหลายประเทศ ควรใช้สิทธิพิเศษทางภาษีเพื่อกระตุ้นการส่งออก
กระจายแหล่งนำเข้า: ลดความเสี่ยงจากสงครามการค้าโดยกระจายแหล่งนำเข้าวัตถุดิบและสินค้าเทคโนโลยี
2. การเสริมสร้างขีดความสามารถของอุตสาหกรรม
พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม สนับสนุนอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูง เช่น อิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และอุตสาหกรรมดิจิทัล
ดึงดูดการย้ายฐานการผลิต ใช้ประโยชน์จากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีน เพื่อดึงดูดบริษัทที่ต้องการย้ายฐานจากจีนมายังไทย
สนับสนุน SMEs ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กพัฒนาสินค้าคุณภาพสูงและใช้เทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุน
3. การบริหารความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ
ควบคุมอัตราแลกเปลี่ยน: ธนาคารแห่งประเทศไทยควรบริหารค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพเพื่อไม่ให้กระทบต่อการส่งออก
กระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ: ส่งเสริมการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ เพื่อลดผลกระทบจากการส่งออกที่อาจลดลง
สร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน: ใช้มาตรการช่วยเหลือธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ เช่น ลดภาษีและให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ
4. การขยายตลาดและการลงทุน
พัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล: ผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าอิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce Hub) ของภูมิภาค
เร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน: เช่น รถไฟความเร็วสูง ท่าเรือ และเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (EEC) เพื่อดึงดูดนักลงทุน
ส่งเสริมการท่องเที่ยวใช้จุดแข็งของไทยในการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและดึงเม็ดเงินจากต่างชาติ
ไทยควรมองสงครามการค้าเป็นโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศ พร้อมปรับตัวเพื่อแข่งขันในตลาดโลกอย่างยั่งยืน การปรับตัวที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพจะช่วยให้ไทยได้รับประโยชน์จากความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกมากกว่าการได้รับผลกระทบเพียงอย่างเดียว
ไทยควรรับมืออย่างไรกับสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน
ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยทั้งทางบวกและลบ ไทยจึงต้องปรับตัวเชิงรุกเพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้
แนวทางรับมือหลัก ได้แก่
1. ปรับตัวทางการค้า – หาตลาดใหม่ ลดการพึ่งพาจีนและสหรัฐฯ ใช้ประโยชน์จาก FTA และกระจายแหล่งนำเข้า
2. เสริมขีดความสามารถอุตสาหกรรม – พัฒนาเทคโนโลยี ดึงดูดการย้ายฐานการผลิต และส่งเสริม SMEs
3. บริหารความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ – ควบคุมค่าเงินบาท กระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ และออกมาตรการช่วยเหลือธุรกิจ
4. ขยายตลาดและการลงทุน – ผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัล ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และส่งเสริมการท่องเที่ยว
ไทยสามารถใช้โอกาสจากความขัดแย้งครั้งนี้เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งขึ้น หากปรับตัวได้ดี ไทยอาจกลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจที่สำคัญของภูมิภาค
การเงิน
เศรษฐกิจ
สหรัฐจีน
บันทึก
3
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย