Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
TP PODCAST วิทยุรัฐสภา
•
ติดตาม
เมื่อวาน เวลา 14:18 • หุ้น & เศรษฐกิจ
อนาคตประเทศไทย: ความท้าทายและแนวทางรับมือในโลกที่ปั่นป่วน
ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ฉายภาพปัจจัยสำคัญที่ต้องเผชิญ
ในงาน “จุฬา Thailand President Summit 2025” ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ได้วิเคราะห์ถึงอนาคตของประเทศไทย ท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยความปั่นป่วน (Global Disruption) ซึ่งส่งผลต่อภูมิรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจ เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม และสังคมไทย โดยเฉพาะในช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของโลก
บทความนี้จะพาผู้อ่านไปสำรวจว่า **ประเทศไทยกำลังเผชิญกับอะไร และควรปรับตัวอย่างไรเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น**
1. ปัจจัยหลักที่กำหนดอนาคตประเทศไทย
1.1 Disruption ทางเทคโนโลยี
- โลกกำลังก้าวสู่ **ยุค AI เต็มรูปแบบ** โดยมี **Generative AI** เป็นปัจจัยเร่งความเปลี่ยนแปลง
- มหาวิทยาลัยต่างๆ ต้องปรับตัว เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่ตั้ง **“Institute of AI”** และร่วมมือกับ Google เพื่อพัฒนา **Chula Genie** (AI ที่มีจริยธรรมและธรรมาภิบาล)
- ประเทศไทยต้องสร้าง **“Human Ready AI”** และ **“AI Ready Human”** ให้ทันต่อเทคโนโลยี
1.2 Disruption ทางประชากร (Demographic Disruption)
- ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ **สังคมสูงวัย (Aged Society)** โดยมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
- ความท้าทายสำคัญคือ **“การนำแรงงานสูงวัยกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ”** เช่น สิงคโปร์และญี่ปุ่นที่มีโปรแกรมอบรมทักษะใหม่ให้ผู้สูงวัย
- รัฐบาลไทยควรลงทุนใน **Upskilling และ Reskilling** เพื่อให้แรงงานสูงวัยกลับมาทำงานได้ในเศรษฐกิจยุคใหม่
1.3 Disruption ด้านโรคระบาด (Pandemic Disruption)
- โลกยังไม่พร้อมรับโรคระบาดใหม่หลังโควิด-19 โดยเฉพาะในระบบสาธารณสุขและการบริหารจัดการวิกฤติ
- ประเทศไทยใช้เวลานานที่สุดในโลก (4 ปี) กว่าจะฟื้นตัวจากโควิด-19
- จำเป็นต้องมี **กฎหมายและมาตรการฉุกเฉินที่ชัดเจน** สำหรับการรับมือโรคระบาดในอนาคต
1.4 Disruption ด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Disruption)
- ปัญหาสิ่งแวดล้อมรุนแรงขึ้นจาก **ภาวะโลกร้อน (Climate Change) ที่กลายเป็น “Climate Catastrophe”
- ปรากฏการณ์ **PM 2.5, น้ำท่วม, น้ำแล้ง, ไฟป่า, ปะการังฟอกขาว** จะกระทบเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตคนไทยโดยตรง
- ประเทศไทยต้องเร่งพัฒนา **พลังงานสะอาด (Green Energy)** และ **การค้าคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit Trading)
1.5 Disruption ด้านอาชีพและแรงงาน (Job Disruption)
- งานเดิมหลายอาชีพกำลังจะหายไป และงานใหม่ต้องการทักษะที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
- **การศึกษาต้องปรับตัว** ให้รวดเร็วขึ้น เช่น หลักสูตรมหาวิทยาลัยต้องสั้นลง (ไม่เกิน 3 ปี)
- หลักสูตร **Non-Degree, Short Courses และ Lifelong Learning** จะเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนากำลังคนไทย
1.6 Disruption ทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจโลก (Geopolitical Disruption)
- สหรัฐฯ ใช้นโยบาย Bilateral over Multilateral (การเจรจา 2 ฝ่ายแทนการใช้เวทีพหุภาคี) ซึ่งทำให้โลกไม่แน่นอน
- สงครามการค้าและมาตรการภาษีของสหรัฐฯ อาจกระทบไทยโดยตรง เช่น การขึ้นภาษีสินค้าไทย 40,000 ล้านดอลลาร์
- ประเทศไทยต้องมี **ยุทธศาสตร์ต่อรองที่แข็งแกร่ง** และควรจับมือกับอาเซียนเพื่อต่อรองในเวทีโลก
2. แนวทางที่ประเทศไทยต้องปรับตัว
2.1 ปรับกลยุทธ์ทางเศรษฐกิจให้เป็น “Future-Ready Thailand”
- ไทยต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงให้ได้รวดเร็ว (Agility & Resilience)
- การลงทุนใน **R&D (Research & Development) และนวัตกรรม** เป็นทางรอดเดียวสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจ
- ควรส่งเสริม **เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy), การค้าคาร์บอนเครดิต และพลังงานสะอาด
2.2 ปรับโครงสร้างตลาดแรงงาน
- ส่งเสริม **Upskilling และ Reskilling แรงงานทุกช่วงวัย**
- เปิดโอกาสให้ **แรงงานสูงวัย** กลับเข้ามาทำงานในอุตสาหกรรมใหม่ เช่น AI, Digital Economy
- ปรับรูปแบบการศึกษาให้เน้น **Experiential Learning, Action Learning และ Digital Skills
2.3 วางจุดยืนทางการเมืองและเศรษฐกิจโลก
- ไทยต้องมีความสามารถในการ **เจรจาและต่อรอง** โดยเฉพาะกับสหรัฐฯ และกลุ่มอาเซียน
- ควรตั้ง **ผู้แทนพิเศษ (Special Envoy) ในด้านเศรษฐกิจและการค้า** เพื่อทำหน้าที่เจรจาในระดับนานาชาติ
- ศึกษาระบบ **Lob และ Professional Staff** ของสหรัฐฯ เพื่อเพิ่มโอกาสในการต่อรองเชิงนโยบาย
2.4 ปรับตัวเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจยั่งยืน (Sustainable Economy)
- ปรับโมเดลการพัฒนาไปสู่ **ESG (Environmental, Social, and Governance)**
- ใช้แนวคิด **“ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง”** เพื่อเป็นแนวทางในการบริหารความเสี่ยงและความยั่งยืน
- เร่งสร้างระบบ **Green Capital และ Green Financing** เพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน
2.5 การท่องเที่ยวไทยต้องยกระดับเป็น “Value-Based Tourism”
- ส่งเสริม **Medical & Wellness Tourism, Ecotourism และ Cultural Tourism**
- พัฒนา **Safety & Hospitality Standards** เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง
- ใช้ AI และ Big Data ในการวางแผน **Tourism Management**
3. บทสรุป: อนาคตประเทศไทยต้องอาศัย “พลังของความร่วมมือ”
การรับมือกับ **Disruptions ทั้งหมดนี้ต้องใช้ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน** ได้แก่
- **รัฐบาล:** ต้องกำหนดนโยบายที่ยืดหยุ่นและทันสมัย
- **ภาคเอกชน:** ต้องลงทุนใน R&D และพัฒนาแรงงาน
- **สถาบันการศึกษา:** ต้องปฏิรูประบบการศึกษาให้ตอบโจทย์ตลาดแรงงานใหม่
- **ภาคประชาสังคม:** ต้องร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนเพื่อสร้างความเข้มแข็งในระดับท้องถิ่น
ดร.สุรเกียรติ์ สรุปว่า “พลังของความร่วมมือ (Power of Collaboration)” คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทยสามารถฝ่าฟันวิกฤติและพัฒนาไปข้างหน้าได้ 🚀
ข้อมูล
https://www.youtube.com/watch?v=RPiFjZqjZN4
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย