‘จีน’ เหยื่อรายแรก สงครามการค้ารอบใหม่ | #บทบรรณาธิการกรุงเทพธุรกิจ
ขีปนาวุธลูกแรกของ ‘สงครามการค้า’ ในรอบนี้ถูกปล่อยออกมาแล้วโดย ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ประธานาธิบดีคนล่าสุดของสหรัฐ และเหยื่อรายแรกของอาวุธลูกหนี้ก็หนีไม่พ้น ‘จีน’
โดยข้อบังคับการขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐที่เรียกเก็บภาษีนำเข้า 10% จาก ‘จีน’ เริ่มมีผลบังคับใช้แล้วในช่วงเที่ยววันของวานนี้(4ก.พ.) ตามเวลาประเทศไทย แม้ว่าหลายฝ่ายจะลุ้นว่าจีนอาจจะเจรจาต่อรองรับสหรัฐได้เหมือนกับที่ ‘แม็กซิโก’ และ ‘แคนาดา’ รอดพ้นมาอย่างหวุดหวิด
ย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ทรัมป์ ประกาศกร้าวจะขึ้นภาษี ‘แม็กซิโก’ และ ‘แคนาดา’ ในอัตรา 25% และ ขึ้นภาษีกับ ‘จีน’ ในอัตรา 10% โดยให้มีผลในวันที่ 4 ก.พ.นี้ จนกระทั่งผู้นำของทั้ง ‘แม็กซิโก’ และ ‘แคนาดา’ ต้องออกมาตอบโต้ว่าจะแลกกับด้วยการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐในอัตราเดียวกัน
แต่แล้วเกมก็พลิกกลับเมื่ออยู่ๆ ทรัมป์เกิดเปลี่ยนใจภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงถัดมา โดยยอมเลื่อนการเก็บภาษีของทั้ง ‘แม็กซิโก’ และ ‘แคนาดา’ ออกไปอีก 30 วัน โดยให้เหตุผลว่า ทั้ง 2 ประเทศได้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ชายแดนตามคำร้องขอของประธานาธิบดีสหรัฐ
แต่ทว่ากับ ‘จีน’ ทางสหรัฐยังคงให้ข้อบังคับการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าในอัตรา 10% ยังคงมีผลบังคับใช้อยู่ เท่ากับว่า ‘จีน’ จึงเป็นเหยื่อรายแรกของสงครามการค้าในรอบนี้ …แน่นอนว่า ‘จีน’ ย่อมต้องไม่อยู่เฉย ล่าสุดในเวลาเดียวกันกับที่กำแพงภาษีถูกก่อตั้งขึ้นโดยสหรัฐ กระทรวงการคลังของจีนก็ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) จากสหรัฐในอัตรา 15% และยังเรียกเก็บภาษีนำเข้าน้ำมันดิบ อุปกรณ์ด้านการเกษตรและรถยนต์บางประเภทในอัตรา 10% โดยให้เริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 ก.พ.นี้
นอกจากนี้ทางการจีนยังได้ออกคำสั่งควบคุมการส่งออกโลหะสำคัญ 5 ชนิด ได้แก่ ทังสเตน เทลลูเรียม บิสมัท อินเดียม และ โมลิบดีนัม ซึ่งเป็นแร่สำคัญในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ อุตสาหกรรมพลังงานสะอาด และอุตสาหกรรมอื่นๆ กระทรวงพาณิชย์จีนแถลงในเวลาต่อมาว่า มาตรการนี้มีขึ้นเพื่อรักษาผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของชาติ
อย่าลืมว่าข้อบังคับการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในรอบนี้ที่ 10% เป็นเพียงกระสุนนัดแรกที่ ‘สหรัฐ’ ยิงออกมา และ ‘จีน’ เองก็ตอบโต้อย่างทันควัน ไม่มีใครรู้ว่าหลังจากนี้จะมีกระสุนนัดที่สอง นัดที่สาม ตามมาอีกหรือไม่ และยิ่งไม่มีใครรู้ว่า ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ จะหันขีปนาวุธชนิดนี้ไปยังประเทศใดอีกบ้าง
นักวิชาการเชื่อกันว่า กลุ่มประเทศ ‘อาเซียน’ โดยเฉพาะ ‘เวียดนาม’ และ ‘ไทย’ อาจเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ ‘ทรัมป์’ เล็งไว้อยู่ เพราะมียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐค่อนข้างมาก เราเชื่อว่า ‘รัฐบาลไทย’ ทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี เพียงแต่การรับมือจะดีแค่ไหนยังเป็นเรื่องที่ทุกคนในประเทศต้องมาลุ้นกัน!
#กรุงเทพธุรกิจ #InsightforOpportunities #กรุงเทพธุรกิจEconomic
- 6
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
