Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ลงทุนแมน
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
5 ชั่วโมงที่แล้ว • หุ้น & เศรษฐกิจ
เกือบ 100 ปีก่อน อเมริกา เคยเจ็บตัวหนัก เพราะสงครามการค้า จนกระทบไทย
ดอนัลด์ ทรัมป์ ไม่ใช่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรก
ที่ประกาศทำสงครามการค้ากับประเทศต่าง ๆ
แต่เป็นชายที่ชื่อว่า เฮอร์เบิร์ต ฮูเวอร์ ที่ประกาศสงครามการค้าในปี 1930 ด้วยการขึ้นภาษีนำเข้า จนทำให้สหรัฐฯ เจ็บตัวหนักจากเศรษฐกิจตกต่ำ
และเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำไปทั่วโลก
ที่เราเรียกกันว่า Great Depression จนกระทบมาถึงไทย
เกิดเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอีกด้วย
เรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร ?
ไทยกระทบเรื่องอะไรบ้าง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ ก็คงต้องย้อนกลับไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี 1914-1918
เวลานั้น สมรภูมิในยุโรปกำลังสู้รบกันอย่างหนัก
ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อสงครามเกิดขึ้น
โรงงานที่คอยผลิตสินค้าอุตสาหกรรม และไร่นา ที่คอยผลิตสินค้าเกษตร ต่างถูกทำลายจนเสียหายหนัก
ข้าวของต่าง ๆ
ก็ผลิตในประเทศยุโรปได้ยากกว่าเดิม
พอเป็นแบบนี้ ก็เปิดช่องให้สหรัฐฯ ที่ตอนนั้นไม่ได้เข้าร่วมสงคราม และไม่ได้เป็นสมรภูมิรบ ที่มีโรงงานเสียหาย สามารถเพิ่มกำลังการผลิต และกลายมาเป็นผู้ส่งออกสินค้าคนสำคัญ
ซึ่งถ้าเราไปดูมูลค่าการส่งออกจากสหรัฐฯ ไปยังยุโรป
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 จะพบว่า
- ปี 1914 มูลค่าการส่งออก 78,557 ล้านบาท
- ปี 1916 มูลค่าการส่งออก 144,094 ล้านบาท
- ปี 1918 มูลค่าการส่งออก 196,915 ล้านบาท
เห็นได้ชัดว่า ในช่วงนี้แค่ 4 ปี สหรัฐฯ ส่งออกสินค้าไปยังยุโรปได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า
โดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่เพิ่มขึ้นถึง 7 เท่า และสินค้าอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นราว 3 เท่า
เกษตรกรและธุรกิจอเมริกัน ต่างเติบโตต่อเนื่อง
เศรษฐกิจประเทศเฟื่องฟู จนตลาดหุ้นเติบโต ด้วยความหวังว่า เศรษฐกิจจะดีอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ
แต่ช่วงเวลาที่ดีต่อเนื่อง ไม่เคยเกิดขึ้นจริง..
หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 สิ้นสุดลง ยุโรปที่เคยเจ็บหนัก
ก็เริ่มฟื้นตัว ทั้งโรงงานอุตสาหกรรมและไร่นา กลับมาผลิตสินค้าได้ตามปกติ
สินค้าที่เกษตรกรและธุรกิจอเมริกันผลิตออกมา ก็เริ่ม
ล้นตลาด เพราะความต้องการสินค้าของชาวยุโรปลดลง
สุดท้ายก็ทำให้สหรัฐฯ เริ่มส่งออกสินค้าไปยุโรปได้
น้อยลงต่อเนื่อง
- ปี 1918 สหรัฐฯ ส่งออกไปยุโรป 129,898 ล้านบาท
- ปี 1925 สหรัฐฯ ส่งออกไปยุโรป 87,676 ล้านบาท
- ปี 1929 สหรัฐฯ ส่งออกไปยุโรป 78,922 ล้านบาท
1
สวนทางกับยุโรป ที่สามารถส่งออกสินค้ามายังสหรัฐฯ
เพิ่มขึ้นต่อเนื่องแทน
- ปี 1918 ยุโรป ส่งออกไปสหรัฐฯ 10,707 ล้านบาท
- ปี 1925 ยุโรป ส่งออกไปสหรัฐฯ 41,683 ล้านบาท
- ปี 1929 ยุโรป ส่งออกไปสหรัฐฯ 44,882 ล้านบาท
ผลที่ตามมาคือ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เคยเฟื่องฟูก็ค่อย ๆ ตกต่ำลง คนว่างงานมากขึ้น แถมตลาดหุ้นที่เคยเติบโต กลับฟองสบู่แตก ราคาหุ้นร่วงหนัก ซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจถดถอย เข้าไปอีก
ในช่วงนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ชื่อว่า เฮอร์เบิร์ต ฮูเวอร์ ก็แก้ปัญหา ด้วยการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมจากยุโรป สูงสุดถึง 60% ในปี 1930
โดยกฎหมายนั้นถูกเรียกว่า Smoot-Hawley Act
แต่แทนที่จะช่วยแก้ปัญหาได้ กลับทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง..
เพราะฝั่งยุโรปเองก็ตอบโต้ทันที ด้วยการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เช่นกัน
1
สุดท้าย เศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็เจ็บหนักมากกว่าเดิม เนื่องจากส่งออกได้น้อยลง แถมยังทำให้การค้าระหว่างประเทศลดน้อยลง จนส่งผลร้ายต่อทุกประเทศไปทั่วโลก
เป็นการซ้ำเติมเหตุการณ์ที่เราเรียกว่า Great Depression หรือวิกฤติเศรษฐกิจที่รุนแรงสุดในประวัติศาสตร์ ที่ลามไปทั่วโลก
ผลกระทบที่ตามมา ก็แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ
แต่ที่หนักสุดคือ ประเทศผู้แพ้สงครามโลกครั้งที่ 1
อย่างเยอรมนี ที่มีหนี้สินต้องจ่ายคืนประเทศผู้ชนะ
เมื่อไม่สามารถพึ่งพารายได้จากการส่งออกได้ เพราะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก บวกกับหลาย ๆ ปัจจัยที่เข้ามากดดัน
ในที่สุดก็บีบให้เยอรมนี มีผู้นำเผด็จการ เกิดเป็นการขึ้นสู่อำนาจของฮิตเลอร์ ซึ่งจุดชนวนเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 ในเวลาต่อมา
และนอกจากประเทศในยุโรปกับสหรัฐฯ
ประเทศไทย ซึ่งพึ่งพาการส่งออกสินค้าต่าง ๆ โดยเฉพาะสินค้าเกษตร ก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกเช่นกัน
เพราะส่งออกได้น้อยลง
ส่งผลให้เศรษฐกิจไทย ก็เจอปัญหาตามมา จนกลายเป็นหนึ่งในแรงส่งสำคัญ ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 1932 หรือปี 2475 ในไทย ตามมา
ถึงตรงนี้ ก็เรียกได้ว่า เศรษฐกิจไทยกับเศรษฐกิจโลก
เชื่อมโยงกันมานาน ไม่ว่าเหตุการณ์บนโลกนี้ จะเกิดขึ้นห่างจากประเทศไทยมากแค่ไหนก็ตาม
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศหนึ่ง สามารถส่งผลกระทบต่อประเทศอื่น ๆ ได้ทั่วโลก
เราก็อาจเรียกปรากฏการณ์แบบนี้ได้ว่า มันคือ Butterfly Effect
ที่การกระทำของสิ่งหนึ่ง แม้ดูเป็นเรื่องเล็ก ๆ หรือไม่เกี่ยวข้องกัน แต่มันจะส่งผลกระทบต่อสิ่งอื่นเป็นทอด ๆ ต่อกันไป
และผลลัพธ์สุดท้าย มันอาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ใหญ่ขนาดที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน หรือจินตนาการได้
เหมือนอย่างเรื่องนี้ ที่แม้เกิดขึ้นไกลถึงสหรัฐฯ และยุโรป
แต่สุดท้ายก็สามารถขยายผลมากระทบกับไทยได้เช่นกัน..
References
-Historical Statistics of the United States 1789 - 1945 by US Census Bureau
-Exports from the United States Before and After Outbreak of the War by federal reserve
-
https://www.britannica.com/topic/Smoot-Hawley-Tariff-Act
-
https://www.investopedia.com/terms/s/smoot-hawley-tariff-act.asp
3 บันทึก
17
4
3
17
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย