2 ชั่วโมงที่แล้ว • หุ้น & เศรษฐกิจ

Google หุ้นร่วง 7% มูลค่าบริษัทหาย 6 ล้านล้าน เพราะงบลงทุนใน AI บวม

วันนี้ Alphabet บริษัทแม่ของ Google และ YouTube ได้ประกาศผลประกอบการไตรมาสล่าสุด (ต.ค. - ธ.ค. 2024)
ซึ่งรายได้ออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ส่วนกำไรออกมาเหนือกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อย
ขณะที่บริษัทใช้เงินลงทุนมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ด้วยเช่นกัน..
ส่งผลให้ราคาหุ้น Alphabet ร่วงลงกว่า -7.3% ในช่วงซื้อขายหลังตลาดปิด
โดยผลประกอบการของ Alphabet ในไตรมาสล่าสุด
- รายได้ 3,253,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12%
- กำไร 894,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28%
โดยถ้าหากแยกรายได้ออกเป็น Segment
- ธุรกิจ Google Services
รายได้ 2,835,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10%
โดยรายได้ส่วนนี้ จะเป็นรายได้ค่าสินค้าและบริการของบริษัท เช่น Android, Chrome, Google Maps, Google Play
ค่าโฆษณาบนแพลตฟอร์ม Google และ YouTube ไปจนถึงค่า Subscription อย่างเช่น YouTube Premium
- ธุรกิจ Google Cloud
รายได้ 403,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30%
รายได้ส่วนนี้มาจากการให้บริการแพลตฟอร์มลูกค้าองค์กรเป็นหลัก ตัวอย่างเช่น Google Workspace และ Google Cloud Platform
และยังมีรายได้อื่น ๆ อีกประมาณ 14,200 ล้านบาท
เช่น รถยนต์อัตโนมัติ Waymo และบริษัทวิจัย Verily
อย่างไรก็ตาม แม้รายได้โดยรวมจะยังเติบโต แต่ก็ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะในขาของธุรกิจ Cloud ซึ่งคาดหวังว่า รายได้จะอยู่ที่ 411,100 ล้านบาท
สำหรับงบลงทุน (CapEx) ในไตรมาสนี้ บริษัทใช้ไปกว่า 472,100 ล้านบาท มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ 6%
Anat Ashkenazi ซีเอฟโอของ Alphabet เปิดเผยว่า ผลประกอบการที่ต่ำคาดนั้น มาจากการลงใช้เงินลงทุนในส่วนของ Server และ Data Center
เพื่อสร้างการเติบโตระยะยาว ทั้งในส่วนของ Google Services, Google Cloud และ Google DeepMind รวมถึงเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้าน AI
นอกจากนี้ Sundar Pichai ซีอีโอของ Alphabet ยังประกาศว่า บริษัทมีแผนใช้เงินลงทุน (CapEx) อีกกว่า 2.5 ล้านล้านบาท ในปี 2025 เพื่อลงทุนด้าน AI
ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.98 ล้านล้านบาท..
ด้วยรายได้ที่ออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ บวกกับแนวโน้มค่าใช้จ่ายลงทุนที่เพิ่มขึ้น
ก็ทำให้นักลงทุนเทขายหุ้น Alphabet ออกมา จนราคาหุ้นร่วง -7.3% ในช่วงซื้อขายหลังตลาดตลาด
คิดเป็นมูลค่าบริษัทที่หายไปถึง 6,200,000 ล้านบาท ภายในวันเดียว..
เพราะการมาของ AI สัญชาติจีนอย่าง DeepSeek ซึ่งมีต้นทุนต่ำกว่า AI ของฝั่งสหรัฐฯ มาก ก็เริ่มทำให้นักลงทุนตั้งคำถามถึงความคุ้มค่าในการใช้เงินลงทุนของบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งของสหรัฐฯ
ที่จนวันนี้ ก็ทุ่มเงินลงทุนไปหลายแสน หลายล้านล้านบาทกันแล้ว
นอกจากนี้ การมาของ Generative AI ทำให้มีความกังวลว่า Search Engine ที่เป็นหนึ่งในรายได้หลัก จะได้รับความนิยมลดลง
โดย Google ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าเป็นเจ้าพ่อ Search Engine เบอร์หนึ่งของโลก ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะได้รับผลกระทบไปด้วย
เพราะจากเมื่อก่อนที่เวลาเราอยากรู้อะไร ก็จะ “Search Google” แต่วันนี้ หลายคนกำลังเลือกไป “ถาม ChatGPT” แทน
ปิดท้ายด้วยคำถามที่อยากให้เราลองถามตัวเองดูว่า
“เรา Search Google ครั้งล่าสุดเมื่อไร ?”
โฆษณา