5 ก.พ. เวลา 10:47 • การเมือง

เกียรติภูมิ​ และศักดิ์ศรีของทหารเกณฑ์​ ภาค​ 1

สวัสดีครับท่านผู้อ่านอันทรงเกียรติ​ วันนี้ผมในฐานะอดีตทหารเกณฑ์​ ผลัด​ 1/59​ ขอมาเล่าสู่กันฟังในเรื่องของศักดิ์ศรีความเป็นทหารชั้นผู้น้อย​ น้อยสุด​ ตัวเล็กสุดในกองทัพ​ ว่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน​ ทำไมทหารเกณฑ์ของไทย​ จึงดูเหมือนไม่ค่อยมีเกียรติ​ และไม่ค่อยได้รับเกียรติจาก​ข้าราชการทหาร​ เหมือนที่นายทหารระดับสูงโฆษณา​ เชื้อชวน​ให้มาสมัครเป็นกันเยอะๆ​ วันนี้จะขอเจาะเบื้องลึก​ เบื้องหลัง​ ปัญหาที่ถูกปกปิดไว้หลังกำแพงค่าย​มาช้านาน​ เชิญสดับรับอ่านได้เลยครับ
ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนนะครับ​ ว่าไม่ได้มีเจตนา​ จะทำร้ายหรือทำลายชื่อเสียงของหน่วยงานใด​ แต่เป็นการ​ ติเพื่อก่อ​ เพื่อหวังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญ​ ในการแก้ไขปัญหาเชิงปฏิบัติอย่างจริงจังเสียท
ตั้งแต่อดีต​ จนถึง​ปัจจุบัน​ การเกณฑ์ทหาร​ เพื่อไปรับใช้ชาติ​ เป็นหนึ่งในสิ่งที่ชายชาวพุทธ​ เชื้อชาติไทย​ พยายามหลีกเลี่ยงตลอด​ แต่ก็ยังมีชายไทยที่ยังสมัครใจเป็นทหารเกณฑ์​ เช่นตัวผมเอง​ คุณวุฒิ​ ม.3​ ขณะนั้นสมัครใจหรือไม่​ ก็​ 2​ ปีเต็มกราฟ​ แต่ผมเลือกสมัคร​ เพราะคิดว่า​ อยากจะหา​ประสบการณ์​ หากชอบก็อาจจะสมัครเป็นนายสิบต่อ อะไรก็ว่าไป​ อีกอย่าง​ ยังไม่มีงานประจำ​ และยังโสด​
การมีแฟน​ และแฟนต้องไปเป็นทหารเกณฑ์นี้​ มันบีบหัวใจมากเลยนะครับ​ ต้องห่างกัน​ เป็นห่วงกลัวเขาจะแอบปันใจให้คนอื่นเหมือนที่เราแอบทำมั๊ย​ 😂 จึงไม่แปลกครับที่เราจะเห็นน้ำตาชายไทยในวันคัดเลือกทหารกองเกิน​
ทหารเกณฑ์​ ของไทย​ ในสมัยของผม​ จะมีหลักสูตรการฝึกฝน​ หรือเรียกง่ายๆว่า​ จับพลเรือน​ มาแปลงร่างเป็นทหาร​ จะมีระยะเวลา​ 10​ สัปดาห์​ ไล่ตั้งแต่ห้วงแรกก็จะเป็นการปรับตัว​ให้เขากับเพื่อนๆ​ ปรับการใช้ชีวิตประจำวัน​ การนอน​ การกิน การเร่งรัดเวลา​ เริ่มใช้ระเบียบปฏิบัติประจำ​ ทหารจะเรียกกันติดปากว่า​ รปจ.​ ซึ่งจะครอบคลุมทุกอย่างภายใน​ 1​ วันว่า​ ทหารต้องทำอะไรบ้าง​
ผ่านไปสัก​ 2-3​ สัปดาห์​ หลังจากปรับตัว​ และหันซ้ายขวาหน้าหลัง​ จนคล่องแคล่วแล้ว​ ก็จะเพิ่มความเข้มข้น​ ในการฝึกด้วยวิชาการ​ทางทหาร​ ผมจำแนกได้​ 2​ ประเภทให้จำง่ายๆคือ​ การฝึกแบบบุคคลท่ามือเปล่า​ การฝึกนี้จะมีเยอะมาก​ วิ่ง​ เดิน​ สวนสนาม​ ท่าพัก​ ท่าถอยหลัง​ สารพัด​ ส่วนอีกประเภทจะเป็น​ ฝึกบุคคลท่าอาวุธ​ ก็จะมีปืนยาว​ บางที่ก็​ M16 A1 บางที่ก็เป็น​ HK ก็จะสอนตั้งแต่การถือ​ การเก็บรักษา​ การใช้งาน​ การถอดประกอบ​ จนถึงการยิงด้วยกระสุนจริง
แต่ในระหว่างที่ฝึกที่กล่าวมานี้​ มันจะมีกระบวนการที่ท้าทายระบบประสาท​และสมองของเราอยู่ตลอดเวลา​ ซึ่งทหารจะอ้างเสมอว่าเป็นการฝึกความอดทน​ นั้นก็คือการซ่อม​
การซ่อม​ ในแบบทหารไม่ใช่การทำของเสียให้กลับมาใช้ได้นะ​ แต่เป็นการทำโทษด้วยวิธีการต่างๆ​ ตั้งแต่​ วิดพื้น​ พุ่งหลัง​ กระโดดกบ​ ไปจนถึงท่าพิศดารต่างๆที่เห็นข่าว​ ซึ่งมันมีอยู่จริงและเกิดขึ้นจริง​ ปัจจุบันก็ยังมีอยู่​ แต่น้อยลงมาก​ คนที่สั่งซ่อมนอกรีดนอกวิถี​ จะมีอยู่​ 2​ กลุ่มหลักๆเลยคือ​
1.น้องนายสิบจบใหม่​หมาดๆ​
น้องๆกลุ่มนี้จะมีพลังแฝงอยู่ในตัวสูงมาก​ แสงระยิบระยับออกจากตัว​ รองเท้าจะเงาแว๊บ​ ลักษณะท่าทางจะเป๊ะมาก​ ถ้าเห็นทหารใหม่​ ฝึกหรือทำอะไรที่ขัดหูขัดตากับสิ่งที่น้องๆเขาร่ำเรียนมา ก็จะสั่งซ่อม​ แบบไม่มีเยื้อใย​ เพราะน้องๆเองก็ผ่านการโดนซ่อมมาแบบไม่มีเยื้อใยเหมือนกัน​ สารพัดท่า​ สารพัดจะสรรหามา​ แต่น้องกลุ่มนี้จะเข้าใจผิด​ ลืมคิดไปว่าทหารเกณฑ์​ เขาฝึกเพื่อไปเป็นทหารเกณฑ์​ 2​ ปีเขาก็เลิกเป็น​ ไม่เหมือนน้องๆที่ต้องรับราชการตลอด​ ฝึกเพื่อรบ​ ตามฉบับนายสิบ
2.​ ครูทหารใหม่​ (ทหารเกณฑ์รุ่นพี่)
กลุ่มนี้หยาบเลย​ รุ่นพี่ที่น่ารัก​ จะคอยดูแลเอาใจใส่เราแบบถึงใจ​ถึงไหนถึงกัน​ ดูแลเกือบ​ 24​ ชม.​ ดึกๆก็จะมีการเรียกรวมพลเฉพาะกิจ​ ย่องขึ้นโรงนอนทหาร​ แบบไร้เสียง​ เสมือนแฝงตัวเขาตึก​ CIA เพื่อมาปลุกน้องๆทหารใหม่ให้มาฝึกรอบดึก​ สนองตัณหา​และปลูกฝังส่งต่อความเป็นรุ่นพี่​ รุ่นใหญ่​ จากรุ่นสู่รุ่น​ โดนมาแบบไหน​ จะสนองคืนให้น้องๆ​ แบบเดียวกัน​ ซึ่งบางครั้งการที่ทหารคนนึงได้รับการกระทำอย่างไม่ให้เกียรติ​และ​ไม่เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์​ มันไม่สมควรส่งต่อกัน
เพราะเราเองยังไม่ชอบให้ใครมาหยามเกียรติ​ เราก็ไม่ควรหยามเกียรติคนอื่น​ การกระทำแบบนี้หาได้ตามข่าวทั่วไป​ บางที่เล่นแรงมาก​ บางที่แค่หอมปากหอมคอ​ แต่ปัจจุบัน​ พ.ศ.​ 2568​ นี่ยุค​ AI จะครองโลกแล้ว​ มันน่าจะหมดไปได้แล้วนะระบบนี้​
เอาเป็นว่านี่เป็นน้ำจิ้ม​ ในภาคที่​ 2​ จะมาเจาะลึกลงไปอีกในระบบการอยู่แบบกองร้อย​ และการใช้ชีวิตร่วมกับนายสิบนายทหาร​ ว่ามันเป็นจั๋งใด๋ เหมือนดั่งเขาเล่าขานกันไหมว่า น้องคนสุดท้องของกองทัพ​
สวัสดีครับ​
โฆษณา