5 ก.พ. เวลา 11:04 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 206 พระแม่ส่องทาง

อู้หยันถ่งจวินนั่งอยู่ในค่าย ทหารรายงานว่า แม่ทัพหน้าซ่งส่งทูตมาขอพบ จึงเรียกให้เข้ามา
ทูตจากซ่งเจียงแจ้งว่า “ท่านแม่ทัพหน้าซ่งของเราคำนับมายังท่านผู้บัญชาการทหาร บัดนี้เราได้เตรียมนำท่านแม่ทัพน้อยมาเพื่อแลกตัวกับนายทหารฝ่ายเรา ขณะนี้ ดินฟ้าอากาศช่างหนาวนัก ทหารได้ความลำบากยิ่ง ทั้งสองฝ่ายสมควรสงบศึกเสีย รอกระทั่งวสันตฤดู ทหารและม้าไม่ต้องทนหนาวจนแข็งตาย จึงค่อยคิดการกันใหม่ ขอท่านผู้บัญชาการได้มีบัญชา”
อู้หยันถ่งจวินฟังจบตวาดลั่น “ลูกไม่เอาไหน ถูกพวกเจ้าจับเป็นเชลย ถึงจะรอดมาได้ ก็ไม่มีหน้ามาพบข้า ไม่ต้องแลกตัวกัน จับตัวประหารแทนข้าที หากต้องการสงบศึก ให้ซ่งเจียงมัดมือมาคุกเข่าให้ข้า จะไว้ชีวิตให้ มิเช่นนั้น ทัพข้าไปถึง หญ้าต้นเดียวก็ไม่ให้เหลือ”
แล้วตะคอกว่า “ออกไป”
ทูตเผ่นหนีกลับมารายงานซ่งเจียง ซ่งเจียงเกรงว่าจะช่วยหลี่ขุยไม่ทัน จึงรีบนำตัวแม่ทัพน้อยอู้หยัน มายังหน้าค่ายทัพเหลียว ตะโกนเสียงดังว่า
“ปล่อยตัวคนของข้ามาแลกตัวแม่ทัพน้อย ไม่สงบศึกก็ไม่เป็นไร คงได้รบกัน”
สักพักหนึ่ง ทหารเหลียวก็นำตัวหลี่ขุยขี่ม้าออกมาหน้าค่าย ซ่งเจียงให้นำตัวแม่ทัพน้อยขี่ม้าไปแลกเปลี่ยน หลี่ขุยขี่ม้ามา แม่ทัพน้อยขี่ม้าไป วันนั้นจึงไม่มีการรบกัน ซ่งเจียงนำหลี่ขุยและทหารกลับค่าย
ซ่งเจียงกลับมาถึงค่ายเรียกประชุมเหล่าขุนทหารว่า
“ทัพเหลียวกล้าแข็งนัก ยังไม่มีวิธีหักค่าย ทำให้ข้าร้อนใจยิ่งนัก ผ่านวันดังปี พวกท่านพอจะมีแผนการดีใดบ้าง”
ฮูหยันจว๋อว่า “พรุ่งนี้ เราจัดทัพสิบทัพ ใช้สองทัพสกัดทัพหนุน อีกแปดทัพบุกเข้าตีทัพใหญ่ให้รู้ผลแพ้ชนะกันไป”
ซ่งเจียงว่า “ต้องอาศัยเหล่าพี่น้องร่วมแรงร่วมใจ พรุ่งนี้คงสัมฤทธิผล”
อู๋ย่งว่า “เราบุกไปสองครั้งแต่ทำอะไรเขาไม่ได้ ควรตั้งรับรอเขาเป็นฝ่ายบุก”
ซ่งเจียงว่า “รอเขาบุกก็ไม่ใช่วิธีที่ดี ขอเพียงเหล่าพี่น้องพร้อมใจ คงไม่พ่ายแพ้ติดต่อกัน”
วันรุ่งขึ้น ทัพซ่งจัดเป็นสิบทัพ สองทัพเข้าสกัดทัพหนุนซึ่งไปอยู่ด้านหลัง อีกแปดทัพตรงเข้าตีพยุหะอัมพร ในพยุหะเกิดเสียงก้องดังฟ้าคำราม ประตูดาวทั้งเจ็ดสี่ยี่สิบแปดแปรขบวนมาเรียงต่อกันเป็นรูปพยุหะหนึ่งเดียวอสรพิษ 一字长蛇阵 หัวท้ายฉกถึงกัน ทัพซ่งเจียงรับมือไม่อยู่ แตกพ่ายหนีกลับค่าย ถูกตามตีเสียหายอย่างหนัก ซ่งเจียงสั่งให้ปิดประตูค่ายตั้งรับอย่างแน่นหนา
กล่าวทางด้านเจ้าซูมี่ 赵枢密 ทำหนังสือถวายรายงานไปหลายครั้ง ทั้งขอพระราชทานเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มเนื่องด้วยเข้าสู่ฤดูหนาว ทางราชสำนักจึงทรงโปรดให้ครูฝึกทหารองครักษ์แปดสิบหมื่น ปัจจุบันรั้งตำแหน่งถวนเลี่ยนสื่อเมืองเจิ้งโจว 郑州团练使 ชื่อว่า 王文斌 หวางเหวินปิน นำคนหนึ่งหมื่นคนพร้อมขบวนรถขนส่งเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มห้าแสนชุดนำมาส่งมอบให้แม่ทัพหน้าซ่ง พร้อมกับเร่งรัดให้เผด็จศึกนำชัยกลับมาโดยไว
หวางเหวินปินมีความสามารถทั้งบุ๋นและบู๊ มีชื่อเสียงพอตัวในราชสำนัก อัญเชิญพระราชสาส์น นำขบวนรถขนส่งสองร้อยคันปักธงเหลืองเขียนว่า “อาภรณ์พระราชทาน 御赐衣袄” มุ่งหน้ามาทางสถานีเฉินเฉียว 陈桥驿 โดยไม่ได้ล่าช้าแม้สักวันเดียวจนมาถึงชายแดน เข้าพบเจ้าซูมี่นำพระราชสาส์นส่งมอบให้
เจ้าอันฝู่ 赵安抚 ยินดียิ่งนักว่า “ท่านขุนพลมาได้จังหวะพอดี ขณะนี้ท่านแม่ทัพหน้าซ่งมีปัญหาอยู่กับค่ายพยุหะอัมพรของอู้หยันถ่งจวินแม่ทัพเหลียว เข้าตีหลายครั้งมีแต่แพ้ นายทหารบาดเจ็บกันหลายนาย ส่งตัวมาให้อันเต้าเฉวียนรักษาอยู่ที่นี่ ท่านแม่ทัพซ่งได้แต่ตั้งรักษาค่ายอยู่ที่อำเภอหย่งชิง ไม่กล้าออกรบ จนปัญญาอยู่”
หวางเหวินปินว่า “ราชสำนักให้ข้าน้อยมาเร่งรัดการทัพ ชำนะศึกกลับไปโดยไว เมื่อเป็นเช่นนี้ คงมิอาจกลับไปทูลรายงานได้ เหวินปินแม้จะด้อยความสามารถ แต่พอได้ศึกษาพิชัยสงครามมาตั้งแต่เล็ก ค่ายกลพยุหะพอรู้อยู่บ้าง ใคร่ขอไปยังแนวหน้า ช่วยท่านแม่ทัพหน้าซ่งคลี่คลายปัญหาค่ายพยุหะดูบ้าง ขอท่านซูมี่ได้โปรดอนุญาต”
เจ้าซูมี่ชอบใจยิ่งนัก จัดสุราอาหารเลี้ยงดู แล้วให้หวางเหวินปินนำเครื่องนุ่งห่มไปส่งซ่งเจียงยังแนวหน้า โดยเจ้าอันฝู่ให้คนไปแจ้งซ่งเจียงให้ทราบล่วงหน้าก่อน
ซ่งเจียงออกมาต้อนรับ แล้วเชิญเข้าไปในกระโจม หวางเหวินปินสอบถามถึงสถานการณ์ศึก
ซ่งเจียงว่า “ผู้แซ่ซ่งนับแต่รับพระบัญชายกทัพมาทำการศึก ได้อาศัยพระบารมียึดได้สี่หัวเมืองใหญ่ แต่พอมาถึงอิวโจวนี้ อู้หยันถ่งจวินแม่ทัพคนเถื่อนระดมทัพใหญ่พรั่งพร้อมแม่ทัพนายกองสองแสนคน ตั้งค่ายกลพยุหะอัมพรพร่างดาว 混天象阵 วางกำลังตามระบบดาวบนฟากฟ้า ทั้งยังเชิญหลางจู่เสด็จมาเอง ซ่งเจียงออกรบพ่ายแพ้หลายครั้งยังอับจนหนทางแก้ไข ได้แต่รักษาค่ายมั่นไว้ โชคดีวันนี้ท่านขุนพลมาถึง จะได้ช่วยชี้แนะ”
หวางเหวินปินว่า “พยุหะอัมพรพร่างดาวนี้ จะพิศดารปานใดเชียว ผู้แซ่หวางด้อยความสามารถ แต่ก็ขอชมให้เห็นกับตาสักคราก่อน”
ซ่งเจียงให้ตุลาการหน้าเหล็กเผยเซวียนนำเครื่องนุ่งห่มออกแจกจ่ายเหล่าทหาร หันหาทิศใต้กราบขอบพระมหากรุณาธิคุณ แล้วให้จัดสุราอาหารเลี้ยงต้อนรับหวางเหวินปิน
วันรุ่งขึ้น หวางเหวินปินสวมเกราะซึ่งตนนำมาด้วยขึ้นม้ามากับซ่งเจียงยังหน้าค่าย ฝ่ายทัพเหลียวเห็นทัพซ่งมีความเคลื่อนไหวจึงรัวกลองตีม้าล่อโห่ร้องขึ้น ทัพตระเวนทั้งหกยกออกมาประชิดก่อน ซ่งเจียงจัดทัพยกไปขับไล่ให้ถอยไป
หวางเหวินปินขึ้นหอไปดูค่ายพยุหะให้เห็นกับตาเอง แล้วลงบันไดเมฆมาบอกว่า “ค่ายพยุหะนี้ธรรมดาสามัญ ไม่พิศดารอันใด” แท้จริงแล้วหวางเหวินปินดูไม่ออก ได้แต่พูดกลบเกลื่อน แล้วสั่งให้ทหารลั่นกลองรบ
ทางฝ่ายทัพเหลียวได้ยินเสียงกลองศึกก็รัวกลองรบตอบโต้ ซ่งเจียงตวาดเสียงดังว่า “อย่ามัววางท่าดีแต่เห่า กล้าจริงก็ออกมารบ”
ประตูที่สี่ในทัพธงดำพลันเปิดออก ขุนพลใหญ่ผู้หนึ่ง สยายผม ผ้าคาดหน้าผากสีเหลือง สวมมงคลทอง เสื้อไม่มีแขนสีดำ เกราะเงินเคลือบสีดำชักเงา ใช้ง้าวดำสามปลาย ขี่ม้ากาดำพันลี้ปรากฏตัวขึ้น ธงประจำตัวสีดำปักอักษรเงินเขียนว่า “แม่ทัพใหญ่ชวีลี่ชูชิง 大将曲利出清”
หวางเหวินปินคิดว่า “หากข้าไม่แสดงฝีมือตอนนี้ จะรอเมื่อไร”
ไม่พูดพล่ามทำเพลง หวางเหวินปินควงทวนควบม้าเข้ารบกับชวีลี่ชูชิง สู้กันได้ไม่ถึงยี่สิบเพลง แม่ทัพเถื่อนชักม้าหนี หวางเหวินปินไล่กวด แม่ทัพคนเถื่อนแค่ถอยหลอกล่อ พอได้ทีเล็งแล้วพลิกตัวกลับสับง้าวใส่หวางเหวินปินขาดสะพายแล่งเป็นสองท่อน
ซ่งเจียงรีบสั่งให้ทหารถอยทัพหนี ถูกทหารเหลียวไล่ตามตี ยับเยินไปอีกครึ่ง พอกลับถึงค่ายก็ทำหนังสือรายงานเจ้าซูมี่ว่า
“หวางเหวินปินอาสาออกรบถึงแก่ชีวิต บรรดาผู้ติดตามขอส่งกลับเมืองหลวง”
เจ้าซูมี่รับรายงานแล้วหนักใจ จำต้องทูลรายงานราชสำนัก มอบเงินทองปลอบขวัญผู้ติดตามหวางเหวินปิน
แล้วส่งกลับกรุง
赵括徒能读父书,文斌殒命又何愚。
平时夸口千人有,临阵成功一个无。
ศิษย์เจ้าคว่อคล่องตำราบิดาสอน
เหวินปินมาม้วยมรณ์โง่งมไฉน
ปกติเที่ยวอวดโอ่ต่อใครใคร
ยามศึกไซร้ไร้ท่าราคาคุย
(เจ้าคว่อ 赵括 ยุครณรัฐ บุตรของเจ้าเซอ 赵奢 แม่ทัพผู้เคยชนะทัพฉิน เจ้าคว่ออ่านพิชัยสงครามจนทะลุปรุโปร่ง โต้กับใครไร้ใครเทียม พอออกรบจริงกับทัพฉิน ถูกไป๋ฉี่ 白起 ทำลายสิ้นทั้งทัพ)
ซ่งเจียงนั่งกลัดกลุ้มมึนงงอยู่ในค่าย อับจนหนทางแก้ค่ายกลทัพเหลียว คืนนั้นอากาศหนาวเย็นสาหัส ซ่งเจียงปิดหน้าต่าง จุดเทียนนั่งอยู่จนหลับไปกับโต๊ะทั้งเสื้อผ้า
ล่วงเวลายามสอง เกิดพายุหมุนขึ้นในค่าย หนาวเหน็บเข้ากระดูก ซ่งเจียงพลันตื่น ลืมตาแลเห็นกุมารีในชุดเขียว เดินมาทำมือค้อมหัวคารวะ
ซ่งเจียงถามว่า “ท่านกุมารีมาด้วยกิจธุระอันใด”
กุมารีว่า “ข้าน้อยรับบัญชาพระแม่เจ้ามาเชิญท่านขุนพล ขอโปรดตามมา”
ซ่งเจียงว่า “พระแม่เจ้าอยู่หนใด”
กุมารีว่า “อยู่ห่างจากที่นี่ไม่ไกล”
ซ่งเจียงก้าวตามกุมารีออกมานอกกระโจม ฟ้าดินกลืนเป็นสีมรกตฉาบทอง เมฆมงคลลอยละล่อง สายลมอ่อนหอมจาง บรรยากาศอย่างเดือนสาม เดินมาไม่ถึงสามลี้ แลเห็นป่าละเมาะมีต้นสนต้นไป่เขียวครึ้ม กล้วยไม้ชัยพฤกษ์ออกดอกแทรม สองข้างทางมีทิวไผ่และต้นหลิ่วลู่ลม ข้ามสะพานหินผ่านประตูหลิงซิง 棂星门 (ซุ้มประตูหลายช่องหลังคาลดหลั่นกัน) เข้าในเขตกำแพง แลเห็นหมู่ตำหนักประตูแดงหมุดทองกระเบื้องเขียวเสาเขียนคานสลัก
กุมารีนำทางซ่งเจียงมาตามระเบียงด้านตะวันออก ถึงตำหนักหลังหนึ่ง ผลักประตูแดงเข้าไป แล้วบอกให้ซ่งเจียงนั่งรอ กุมารีเข้าไปด้านใน สักครู่ก็กลับออกมาว่า
“พระแม่เจ้าขอเชิญท่านประมุขดาวเข้าด้านใน”
ซ่งเจียงเข้าด้านใน เซียนสตรีสองนางนำทางต่อมาหน้าแท่นมีมู่ลี่ ก้าวขึ้นแท่นทางตะวันออกแหวกมูลี่เข้าไป ให้ซ่งเจียงคุกเข่าลงเบื้องหน้าบัลลังก์เก้ามังกรที่ประทับพระแม่เจ้าจิ่วเทียนเสวียนหนวี่ 九天玄女娘娘
พระแม่เจ้าตรัสว่า “ข้ามอบหนังสือฟ้าแก่เจ้าไปได้หลายปี เจ้ายังมั่นคงในคุณธรรมความภักดีมิเปลี่ยนแปลง บัดนี้โอรสสวรรค์บัญชาเจ้าปราบเหลียว สถานการณ์เป็นเช่นไร”
ซ่งเจียงกราบทูลว่า “นับแต่กระหม่อมรับประทานหนังสือฟ้าจากพระแม่เจ้า ก็หาได้แพร่งพรายข้อความแก่ผู้ใด บัดนี้รับพระราชโองการจากองค์โอรสสวรรค์ให้ปราบเหลียว มาพบกับค่ายกลพยุหะอัมพรพร่างดาวของอู้หยันถ่งจวิน พ่ายแพ้ไปหลายครั้ง จนปัญญาแก้ไข สถานการณ์คับขันยิ่งนัก”
พระแม่เจ้าตรัสถามว่า “เจ้ารู้จักพยุหะอัมพรพร่างดาวหรือไม่”
ซ่งเจียงว่า “กระหม่อมเป็นเพียงปุถุชนบนโลกหล้า หารู้จักศาสตร์แห่งฟ้า ขอพระแม่เจ้าทรงโปรดชี้แนะ”
พระแม่เจ้าตรัสว่า “พยุหะนี้ชุมนุมหมู่ดารา เข้าตีไม่มีเคล็ด มิอาจทำลายลง จะเข้าตีโดยหวังผล ต้องเข้าใจกฏกำเนิดและพิฆาต
เฉกเช่นทัพธงดำเบื้องหน้าตั้งตามดาวพุธธาตุน้ำแห่งทิศเหนือ จงคัดขุนพลเจ็ดนายใช้ธงเหลืองเกราะเหลืองเสื้อเหลืองม้าเหลือง เข้าตีประตูธงดำทั้งเจ็ด ให้ขุนพลอีกผู้หนึ่งสวมชุดเหลืองเข้ารับมือแม่ทัพดาวพุธ นึ่คือหลักแห่งดินพิฆาตน้ำ
ใช้ทัพชุดขาว คัดขุนพลแปดนาย เข้าตีทัพธงเขียวด้านซ้าย นี่คือหลักแห่งทองพิฆาตไม้
ใช้ทัพชุดแดง คัดขุนพลแปดนาย เข้าตีทัพธงขาวด้านขวา นี่คือหลักแห่งไฟพิฆาตทอง
ใช้ทัพชุดดำ คัดขุนพลแปดนาย เข้าตีทัพธงแดงด้านหลัง นี่คือหลักแห่งน้ำพิฆาตไฟ
ใช้ทัพชุดเขียว คัดขุนพลเก้านาย เข้าตีทัพธงเหลืองของแม่ทัพใหญ่ตรงกลาง นี่คือหลักแห่งไม้พิฆาตดิน
ส่วนอีกสองทัพ ทัพหนึ่งใช้ธงปักหลากสี ทหารสวมชุดลายดอก แต่งเป็นราหู เข้าตีทัพดาวสุริยัน
ทัพหนึ่งใช้ธงขาว สวมเกราะเงิน แต่งเป็นดาวเกตุ เข้าตีทัพดาวจันทรา
จัดเตรียมรถฟ้าคะนอง 雷车 ยี่สิบสี่คัน ตามหลักยี่สิบสี่สภาวะอากาศ บรรทุกเชื้อไฟให้เต็ม เข็นเข้าสู่ทัพกลาง ให้กงซุนเสิ้งใช้มนต์เฟิงเหลยเทียนกัง 风雷天罡正法 เรียกลมพายุเข้าจู่โจมประมุขแห่งเหลียว
ด้วยอุบายนี้จึงจักได้ชัย มิอาจจู่โจมในเวลากลางวัน ให้ลงมือในราตรีมืดมิด ตัวเจ้าจักต้องนำทัพหลวงไปด้วยตนเอง ที่ข้ากล่าวมา เจ้าจักต้องเก็บเป็นความลับ นับจากวันนี้ เราจักไม่พบกันอีก จนกระทั่งวันหวนคืนสู่ตำแหน่งแห่งที่ ตอนนี้เจ้าจงรีบกลับไป อย่าได้ชักช้า”
แล้วให้นางกำนัลนำน้ำชามาประทานให้ดื่ม และส่งประมุขดาวกลับมายังค่าย
ซ่งเจียงกราบอำลา นางกำนัลนำลงแท่นทางทิศตะวันตก พาออกจากประตูหลิงซิงข้ามสะพานศิลามาสู่ทางเดิม เอามือชี้ไปแล้วกล่าวว่า “ทัพเหลียวอยู่ทางนั้น ท่านจงไปตีเถิด”
ซ่งเจียงหันไปมอง นางกำนัลใช้มือผลักหลัง ซ่งเจียงตกใจ ตื่นขึ้นมาในกระโจม ที่แท้ฝันไป
ซ่งเจียงฟังเสียงกลองยาม เป็นเวลายามสี่จึงให้ตามเสธ.อู๋มาทำนายฝัน ซ่งเจียงว่า “ข้าฝันว่า พระแม่เสวียนหนวี่ทรงชี้แนะเคล็ดทำลายพยุหะอัมพรพร่างดาว จึงตามท่านเสนาธิการมาหารือ”
动达天机施妙策 摆开星斗破迷关
ล่วงรู้ความลับสวรรค์พลันแยบคาย
วางอุบายดาราทำลายกล
ตอนก่อนหน้า : ศึกหมู่ดาว
ตอนถัดไป : อัมพรถล่ม

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา