6 ก.พ. เวลา 11:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ถ้าซื้อของเพื่อลดหย่อนภาษีในมาตรการ Easy E-Receipt 2.0 จะได้เงินคืนภาษีกี่บาท?

"Easy E-Receipt 2.0" เป็นรายการลดหย่อนภาษีที่ประกาศเพิ่มในปีนี้ ซึ่งในปีก่อนก็เคยมี Easy E-Receipt แล้วเช่นกัน
สำหรับเงื่อนไข Easy E-Receipt ในปีนี้มีความแตกต่างจากครั้งก่อน คือ สามารถใช้ลดหย่อนภาษีตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 50,000 บาท
โดยส่วนที่ 1 จำนวน 30,000 บาท จะใช้กับการใช้จ่ายในร้านค้าทั่วไป และส่วนที่ 2 จำนวน 20,000 บาท ใช้กับวิสาหกิจชุมชน ร้าน OTOP
ซึ่งวงเงินส่วนที่ 2 (สินค้า OTOP) สามารถใช้สิทธิได้สูงสุด 50,000 บาท แต่วงเงินส่วนที่ 1 (ค่าใช้จ่ายทั่วไป) สามารถใช้สิทธิได้สูงสุด 30,000 บาทเท่านั้น
คนที่ได้รับประโยชน์จากโครงการนี้มากสุด คือ คนที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปี 2568 โดยเฉพาะคนที่ฐานภาษีสูงๆ แต่สำหรับคนที่รายได้ไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษีเงินได้ หรือไม่มีรายได้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้สิทธินี้เลย เพราะรายได้ไม่เกิน 150,000 บาทต่อปี ได้รับการยกเว้นภาษีอยู่แล้ว ไม่ต้องลดหย่อนใดๆ เพิ่มเติม
การซื้อสินค้าและบริการเพื่อเข้าร่วมมาตรการนี้ แต่ละคนจะได้เงินภาษีคืนไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับฐานภาษีของแต่ละคนด้วย ยิ่งคนที่รายได้มาก (ฐานภาษีสูง) จะได้เงินภาษีเงินมากกว่าคนที่รายได้น้อย
วันนี้เราเลยมาสรุปให้ว่า ถ้าซื้อสินค้าเท่านี้ จะได้เงินภาษีคืนกี่บาท เพื่อนๆ จะได้ลองเอาตัวเลขไปชั่งใจดูว่าควรซื้อสินค้าประมาณเท่าไหร่ดี
สุดท้ายนี้ มาตรการ Easy E-Receipt 2.0 เป็นมาตรการลดหย่อนภาษีที่ดี เพราะทุกคนมีการจับจ่ายใช้สอยสินค้าหรือบริการกันอยู่แล้ว จึงถือเป็นรายการลดหย่อนภาษีที่เราได้เอาค่าใช้จ่ายส่วนตัวบางส่วนมาลดหย่อนภาษีเพิ่มได้
สิ่งสำคัญที่สุด อย่าลืมประเมินสภาพคล่องทางการเงินของตัวเองและวางแผนใช้จ่ายกันด้วยนะ เดี๋ยวจะซื้อของเพลินจนกลายเป็นสร้างหนี้ก้อนโตแทน สำหรับคนที่สภาพคล่องน้อย อาจจะซื้อของใช้ส่วนตัวที่ต้องใช้เป็นประจำก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องซื้อให้เต็มวงเงินลดหย่อนภาษี
โฆษณา