6 ก.พ. เวลา 01:05 • การเมือง
เมื่อเราเป็นจิตน้อยๆ มาอาศัยกาย กายกเป็นของๆโลกชั่วขณะหนึ่ง ให้จิตเราได้อาศัย โลกที่มีการเปลี่ยนแปลงไปไม่หยุดนิ่ง ดินฟ้าอากาศก็เปลี่ยนแปลง ขันธ์ทั้งห้าที่เราอาศัยก็เปลี่ยนแปลง ..เรามีโอกาส ได้เรียนรู้ ไตร่ตรอง ใครครวญ ..กายนี้ ยังไงมันก็ต้องหยุด ลงไปนอนตาย
..กายมันแก่ไปเรื่อย สิ่งรอบกายเราก็บีงคับไม่ได้ อากาศเป็นพิษ ฝุนละออง เราก็สูดดมเข้าไป อารมณ์ต่างๆ เราก็ดูดเมเข้าไป เราก็ไม่รู้ว่าเป็นพิษต่อกายที่อาศัย ..ถึงเวลากายมันก็หนัก ธาตุดินน้ำลมไฟในกาย ที่สะสมมา ก็แปรสภาพ ..ทำให้กายนี้เจ็บป่วย กายเฒ่าชร จิตก็แก่เฒ่า ไม่อยากขยับเขยื้อน อยากทำนั้นนี้ เหมือนกายหนุ่มสาว
การที่ได้ หมั่นพิจารณา เป็นนิสิตในชีวิตที่ไม่เที่ยง หมั่นพิจารณา เรื่องความยึดถือ เรื่องราวเสื้อผ้าที่สวมใส่กาย ก็เป็นเรื่องราว ของอารมณ์ที่ปรุงแต่งกาย การที่ได้เรียนรู้จัก สร้างบุญกุศลนั้น จพาจ้ตไปทางไหน สร้างกรรมไปทางไหน ..
สมมุติว่า วันหนึ่ง เราสร้างแต่กรรม สร้างอารมณ์ ..เกิดสังขารมันหมดลม ..จิตเราก็จมอยู่กับ อารมณ์กรรมตัวกระทำที่เป็นกรรม .ไปหนึ่งวัน ..จิตไม่มีกาย ก็ต้องไปยึดทุกข์หนึ่งวัน หนึ่งวันในนรกเท่ากับร้อยปีโลกมนุษย์ หากเราทำจิต อยู่กับบุญกุศล นั่งสมาธิ ..ไม่มีอารมณ์ ..เกิดกายนั้นหมดลมไป จิตเราก็ไปอยู่ในสถานที่สุข .ไปอยู่หนึ่งวัน ..ในสถานที่ที่มีความสุข มีสุขวันหนึ่ง เท่ากับร้อยปีโลกมนุษย์
เพราะฉะนั้น วันหนึ่งๆ เราก็สะสมในคำว่า สร้างบุญกุศล .สะสมเสบียงอาหารพร้อมจะเดินออกจากกายนี้ไป .เวลาที่กายมันเสื่อมสลาย ธาตในกายแบกกรรมไม่ไหว เพราะใช้มาด้วยอารมณ์กรรม กุสลาธัมมา อกุศลาธัมมา สะสมกันมา อนิจจา สังขารที่ใช้มา..เมื่อถึงเวลา ตาย ..มันก็มีเหตุ สิ่งที่สะสมมา ธาตุทั้งสี่ ก็นำพา .ให้ไม่มีกายให้อาศัย
โฆษณา