6 ก.พ. เวลา 11:56 • นิยาย เรื่องสั้น

เสียงหัวใจที่ไม่มีใครได้ยิน • เรื่องสั้น

แสงตะวันค่อยๆลับขอบฟ้าลงเรื่อย ๆ ในช่วงฤดูหนาวมันทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ต่างกลับที่พักกันในช่วงเย็น เพราะคงจะไม่อินกับการมานั่งดูพระอาทิตย์ตกดินในสวนสาธารณะใจกลางเมืองในฤดูที่หนาวเย็นแบบนี้
ในมุมเล็กๆของสวนสาธารณะที่ไม่ค่อยมีใครเข้ามานั่งเล่นกันถึงแม้จะมีที่นั่งสำหรับผู้คนที่ผ่านไปมาก็ตาม มีเพียงชายหนุ่มคนหนึ่ง ธันวา ที่มักจะมาใช้เวลาในช่วงเย็นไปกับการนั่งอ่านหนังสือในมุมเล็ก ๆ ของสวนสาธารณะ...
สายตาของเขาที่จดจ่อกับตัวอักษรที่อยู่ในหนังสืออยู่ในโลกที่ถูกสร้างขึ้นและเขาเองก็ยังคงติดอยู่ในนั้น...บางครั้งการต้องยอมรับความจริงในชีวิตจริงมันดูโหดร้ายสำหรับเขาถึงจะมีใครเคยพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่เขาก็มีความสุขดีกับคอมฟอร์ทโซนของตัวเอง
มือหนาของธันวาค่อยๆเลื่อนมาจับดวงตาทั้งสองข้างที่พยายามหลับตาลงเพราะความเหนื่อยล้าจากการอ่านหนังสือเป็นเวลานานๆ
เขาค่อยๆลืมตาและมองสิ่งรอบข้างที่มีสิ่งแวดล้อมที่สวยงามของต้นไม้ใบหญ้าเผื่อจะช่วยให้เขาได้สบายตามากขึ้น
สายตาของเขาที่มองไปรอบๆกายกลับไปสดุดตากับผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอ่านหนังสือในฝั่งตรงข้ามห่างแค่เพียงไม่กี่เมตร สายตาของเธอที่จดจ่อกับตัวอักษรที่อยู่ในหนังสือโดยไม่รู้เลยว่าเขายังแอบมองเธออยู่ ไม่คิดว่าจะมีใครมานั่งอ่านหนังสือในช่วงเย็นฤดูที่หนาวเหมือนกันกับเขา
แต่เขาเองก็กลับสงสัยว่าเธอพึ่งจะมาที่นี่หรือเป็นเขาเองที่พึ่งจะสังเกตุเห็นเธอ เพราะปกติเขาก็ไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งรอบข้างเลยแม้แต่น้อยเพราะเมื่อเขาเข้าไปอยู่ในโลกแห่งตัวหนังสือต่อให้ผู้คนมายืนอยู่ตรงหน้าเขาก็คงมองไม่เห็น
รอยยิ้มเล็กๆของเธอค่อยๆเผยให้เห็นบนใบหน้าที่จับจ้องไปที่หนังสือที่เธออ่านราวกับว่าเธอมีความสุขและอินกับเนื้อเรื่องในหนังสือเล่มนั้นโดยไม่รู้เลยว่ามีใครคนหนึ่งกำลังแอบมองเธออยู่ไม่ห่างด้วยความเอ็นดู และรอยยิ้มนั้นก็พลอยทำให้เขายิ้มตามเธอไปด้วยโดยไม่รู้ตัว
สิ่งที่เขาคิดมาเสมอว่าชีวิตจริงมันดูโหดร้ายสำหรับเขามาตลอดเบื่อกับผู้คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตทั้งช่วงเวลาทำงานและสังคมรอบข้างที่ทำให้ความสุขในชีวิตของเขาลดน้อยลง
เพราะในการใช้เวลากับหนังสือหลังเลิกงานในพื้นที่ของตัวเองมันมีความสุขมากๆสำหรับเขา แต่เพราะอะไรเขาถึงต้องยิ้มให้กับผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้ด้วย ที่เธอเองก็อาจจะไม่ได้สนใจกับสิ่งรอบข้างเหมือนกันกับเขาเช่นกัน
ธันวากลับมาโฟกัสหนังสือที่ตัวเองอ่านในบทถัดไปพร้อมรอยยิ้มของเขาที่ยังคงหลงเหลืออยู่บนใบหน้า ก่อนที่พระอาทิตย์จะเริ่มลับขอบฟ้าลงเรื่อย ๆ และมืดลงในที่สุด
...
วันต่อมาเธอคนนั้นยังคงมานั่งอ่านหนังสืออยู่ที่มุมเดิมในช่วงเวลาเดิมเหมือนกันกับเขาที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่มุมตรงข้ามเธอ เขาไม่ได้สังเกตุว่าเธอเข้ามาตอนไหนแต่เธออาจจะมาก่อนเขาก็ได้
ทุกๆวันเขายังคงเห็นเธอที่มุมเดิมกับหนังสือเล่มเดิมไม่เคยเปลี่ยน รอยยิ้มของเธอยังเผยให้เห็นบนใบหน้าทุกๆวันพลอยทำให้เขารู้สึกมีความสุขที่ได้เห็นใครสักคนที่มีหลงไหลในตัวอักษรเหมือนกันกับเขา
แต่เย็นวันนี้ทุกอย่างกลับไม่เป็นเหมือนเดิม รอยยิ้มที่เคยเห็นบนดวงหน้าของเธอกลับเปลี่ยนเป็นความหม่นหมอง
มือเล็กๆของเธอค่อยๆพลิกหน้ากระดาษหนังสือไปยังหน้าถัดไป พร้อมน้ำตาของเธอค่อยๆไหลลงมาทั้งสองข้างแก้มพลอยทำให้เขารู้สึกเศร้าไปกับเธอด้วย เป็นเพราะหนังสือที่เธออ่านหรือเป็นเพราะตัวเธอเองมีเรื่องทุกข์ใจบางอย่างที่พยายามเก็บซ่อนมันไว้หรือเปล่า
เขาตัดสินใจจะเข้าไปทำความรู้จักกับเธอสักครั้ง ถ้าเธอเศร้าเสียใจร้องไห้เพราะหนังสือที่เธออ่านแปลว่าเธอคงอินกับเนื้อหาที่อยู่ในนั้น แต่ถ้าเธอเศร้าเพราะมีเรื่องที่ทุกข์ใจส่วนตัว บางทีเธออาจจะต้องการใครสักคนที่สามารถรับฟังปัญหาของเธอได้...
ธันวาค่อยๆเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ พร้อมรอยยิ้มของเขาที่ส่งให้ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า หวังว่าเธอคงจะไม่ว่าอะไรถ้าเขาจะขอนั่งเป็นเพื่อนเธอ
ร่างแกร่งของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มของเขาที่ส่งมาให้เธอมันน่าอายที่เธอจะต้องให้คนอื่นมาเห็นน้ำตาที่ยังคงหลงเหลือที่สองข้างแก้มบางๆของเธอ ได้แค่คิดว่าเขาคงจะเข้าใจว่าเธอเสียน้ำตาให้กับตัวอักษรที่อยู่บนหนังสือเล่มโปรดของเธอ
“ขอโทษนะครับ...ถ้าไม่ว่าอะไร ผมขอนั่งด้วยคนนะครับ?”
ร่างเล็กที่ยังคงแหงนมองใบหน้าผู้ชายที่ยื่นอยู่ตรงหน้าพร้อมหนังสือของเขาที่ถืออยู่ในมือข้างซ้ายบ่งบอกว่าเขาคงมีความชอบที่เหมือนกันกับเธอ เธอได้แค่ส่งรอยยิ้มเล็กๆกลับไป บ่งบอกว่าอนุญาตให้เขานั่งข้างๆเธอได้ผ่านแววตาคู่นั้น
เขานั่งลงข้างๆเธอพร้อมกับเว้นระยะห่างของพื้นที่เพื่อให้เธอไม่อึดอัดเขาจนเกินไป แต่นั่นกลับเป็นเขาเองที่เกร็งเธอมากเกินไป ช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยมีโอกาสได้เข้ามาพูดคุยกับเธอด้วยซ้ำทำได้แค่เพียงแอบมองเธอในมุมๆหนึ่งเท่านั้น...
“ว่าแต่...คุณชื่ออะไรหรอครับ?”
สายตาของเธอค่อยๆหันมามองเขาและส่งยิ้มให้เขาจางๆพร้อมกับหยิบปากกาและสมุดโน้ตเล่มเล็กๆของเธอมาเขียนอะไรสักอย่าง โดยที่เขาก็ยังคงมองเธออยู่ไม่ห่างด้วยความสงสัย...
สมุดโน้ตเล่มเล็กที่เขียนด้วยปากกาถูกยื่นมาให้ธันวาอ่านทำให้รู้ว่า เธอชื่อกัลยาณี ทันทีที่เขาทำสีหน้าที่แปลกใจในตัวเธอ...กัลยาณีกลับเขียนข้อความเพิ่มเติมให้เขาอ่าน ...ทำให้เขารู้ว่าเธอ ไม่สามารถพูดได้
หลังจากที่เขาได้อ่านข้อความของเธอแล้ว เธอก็ทำได้เพียงหันหน้ากลับไปอ่านหนังสือของเธอต่อ แม้เขาจะตกใจนิดหน่อย แต่เขาเองไม่ได้มองเธอเป็นตัวประหลาดหรือไม่อยากที่จะพูดคุยกับเธอ แต่ถ้าเขาชวนเธอคุยอีก เธอก็คงต้องละหนังสือที่อยู่ในมือ และมาเขียนที่สมุดโน้ตของเธออีกแน่นอน...
“ผมชื่อธันวานะครับ”
รอยยิ้มเล็กๆนั้นยังคงถูกส่งมาให้เขา แต่ครั้งนี้เขากลับรู้สึกว่ารอยยิ้มที่อยู่บนดวงหน้าเธอแฝงไปด้วยความเศร้าที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ไม่อยากให้ใครได้รับรู้ถึงความเศร้าของเธอ
เขาเหลือบมองที่เธออีกครั้งที่ตอนนี้เธอยังคงจดจ่อกับหนังสือที่อยู่ในมือจนเขาสดุดตากับหนังสือที่เธออ่าน
‘แสงสว่างในความมืด’
หนังสือที่เกี่ยวกับการเผชิญกับปัญหาในชีวิต ความล้มเหลว ความไม่สมหวัง ความมืดมิด
ตอนนี้เขาเริ่มเข้าใจมากขึ้นแล้วว่าสิ่งที่โหดร้ายที่สุดในชีวิตคือการเผชิญหน้ากับปัญหานั้นๆ แต่ไม่ใช่เลยถ้าเราเองไม่ยอมเปิดใจให้กับสิ่งรอบข้างที่สวยงามเช่นนี้...ถึงแม้อาจจะมีเรื่องที่โหดร้ายอยู่บ้าง แต่สักวันเราจะพบใครคนหนึ่งที่สามารถนำพาเราออกจากฝันร้ายนั้นได้...
“คุณกัลยาณีจะว่าอะไรไหม...ถ้าผมจะขอมานั่งเป็นเพื่อนคุณตลอด?”
โฆษณา