13 ก.พ. เวลา 12:20 • สุขภาพ

ยาที่คุณทานทุกวัน... อาจเป็น "เพื่อน" หรือ "ศัตรู" ของสมองในระยะยาว

ทุกคนเคยสงสัยไหมครับว่า ยาที่เรากินเข้าไปทุกวัน มันเดินทางไปไหนในร่างกายเราบ้าง? หลายคนอาจจะคิดว่ายาก็แค่ช่วยรักษาอาการป่วยที่เราเป็นอยู่ แต่จริงๆ แล้ว ยาแต่ละเม็ดที่เรากลืนลงไป มันเหมือนนักเดินทางตัวน้อยๆ ที่เข้าไปสำรวจอวัยวะต่างๆ ในร่างกายเรา และหนึ่งในอวัยวะสำคัญที่นักเดินทางเหล่านี้อาจแวะเวียนไปเยี่ยมเยือนก็คือ "สมอง" ของเรานั่นเอง
ผมเองเป็นเภสัชกรที่คลุกคลีกับเรื่องยามานาน และช่วงหลังๆ มานี้ ผมเริ่มสนใจประเด็นที่ว่า "ยาที่เรากินเพื่อรักษาโรคต่างๆ มันอาจส่งผลกระทบต่อสมองของเราในระยะยาวได้เหมือนกันนะ" เรื่องนี้มันจุดประกายความสงสัยในใจผมอย่างมาก จนผมต้องไปค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติม และในที่สุด ผมก็ได้ไปเจองานวิจัยชิ้นหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ เป็นงานวิจัยที่เหมือนเปิดโลก ให้ผมได้เห็นมุมมองใหม่ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้เลยครับ
งานวิจัยที่ผมพูดถึงนี้ เป็นเหมือนการ "สืบสวน" ขนาดยักษ์ ที่รวบรวมข้อมูลจากคน กว่า 139 ล้านคนทั่วโลก นักวิจัยกลุ่มนี้เขาไม่ได้มานั่งเทียนเขียนทฤษฎีนะครับ แต่เขาลงมือวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์จริงๆ เพื่อดูว่ามียาอะไรบ้างไหมนะ ที่มันอาจจะเกี่ยวพันกับการเกิดภาวะสมองเสื่อมในอนาคต?
จุดเริ่มต้นของการเดินทาง ทำไมต้อง "ยา" กับ "สมองเสื่อม"?
ก่อนจะไปต่อ ผมอยากจะชวนทุกคนมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ทำไมเราถึงต้องมาสนใจเรื่องยากับสมองเสื่อมด้วย มันเกี่ยวข้องกันตรงไหน
ลองนึกภาพตามนะครับ ร่างกายของเราเหมือนบ้านหลังใหญ่ แต่ละส่วนของบ้านก็ทำหน้าที่แตกต่างกันไป สมองก็เหมือน "ห้องควบคุม" ของบ้านหลังนี้ คอยสั่งการและดูแลทุกอย่างให้เป็นไปอย่างราบรื่น แต่เมื่อเวลาผ่านไป บ้านก็อาจจะเริ่มเก่า ห้องควบคุมก็อาจจะเริ่มมีปัญหา "ภาวะสมองเสื่อม" ก็เหมือนกับห้องควบคุมที่เริ่มรวน เริ่มทำงานผิดปกติ ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเรา
ทีนี้ยาที่เรากินเข้าไป มันก็เหมือน "แขก" ที่มาเยี่ยมบ้านของเรา แขกบางคนมาดี มาช่วยซ่อมแซมบ้าน แต่แขกบางคนอาจจะมาพร้อมกับผลกระทบที่เราไม่ได้คาดคิด ยาบางชนิดที่เราทานเพื่อรักษาโรคหนึ่ง มันอาจจะส่งผลกระทบต่อส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้ และสมองของเราก็เป็นส่วนหนึ่งที่อาจได้รับผลกระทบจากยาบางชนิดเช่นกัน
งานวิจัยชิ้นนี้ จึงเหมือนเป็นการเปิดประตูบ้านต้อนรับนักวิจัยให้เข้ามาสำรวจ ว่ามียาชนิดไหนบ้างไหมนะ ที่เป็นเหมือน "แขกที่ไม่ได้รับเชิญ" ที่อาจจะส่งผลเสียต่อห้องควบคุมของเราในระยะยาว
เปิดแฟ้ม "ลับ" ยาตัวไหนบ้างที่อาจเป็น "เพื่อน" หรือ "ศัตรู" ของสมอง?
หลังจากที่นักวิจัย "แกะรอย" ข้อมูลมหาศาล พวกเขาก็เริ่มเห็นเงื่อนงำบางอย่าง ปรากฏว่ามียาบางกลุ่ม ที่เหมือนจะมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงในการเกิดสมองเสื่อม แต่ต้องย้ำอีกครั้งนะครับว่า "ความสัมพันธ์" ไม่ใช่ "สาเหตุ" มันเหมือนเราเห็นคนสองคนเดินมาด้วยกัน เราบอกได้แค่ว่าเขาเดินมาด้วยกันแต่เรายังไม่รู้ว่าเขาเป็นเพื่อนกัน เป็นญาติกัน หรือแค่บังเอิญเดินมาทางเดียวกัน
กลุ่มยาที่เหมือนจะเป็น "เพื่อน" ของสมอง (อาจช่วยลดความเสี่ยงสมองเสื่อม)
ยาปฏิชีวนะ และ วัคซีน งานวิจัยพบว่ายาปฏิชีวนะและวัคซีนบางชนิด เหมือนจะเป็น "องครักษ์พิทักษ์สมอง" ช่วยลดความเสี่ยงสมองเสื่อมได้ โดยเฉพาะวัคซีนป้องกัน ไวรัสตับอักเสบเอ, วัคซีนไทฟอยด์, และวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ รวมถึงยาปฏิชีวนะบางชนิด เช่น เซฟไตรอะโซน (Ceftriaxone), อะม็อกซีซิลลิน (Amoxicillin), อะซิโทรมัยซิน (Azithromycin), และ ดอกซีไซคลิน (Doxycycline)
เหตุผลที่เป็นไปได้ อาจจะเพราะวัคซีนและยาปฏิชีวนะเหล่านี้ช่วยเสริมเกราะป้องกันร่างกายจากการติดเชื้อ ซึ่งการติดเชื้อบางชนิด อาจจะส่งผลเสียต่อสมองในระยะยาวได้
ยาแก้อักเสบ ยาแก้อักเสบก็เป็นอีกกลุ่มที่น่าสนใจ เหมือนจะเป็น "ผู้ช่วย" ลดความเสี่ยงสมองเสื่อมได้ โดยเฉพาะยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen), โทลเฟนามิก แอซิด (Tolfenamic acid) และ เมทิลเพรดนิโซโลน (Methylprednisolone) เพราะวิจัยเชื่อว่าการอักเสบในร่างกาย อาจเป็นเหมือนไฟไหม้เล็กๆ ในสมอง ที่ค่อยๆ ทำลายเซลล์สมองไปเรื่อยๆ ยาแก้อักเสบก็เหมือน "น้ำ" ที่เข้าไปช่วยดับไฟ ลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
ยาลดไขมันในเลือด ยาลดไขมันในเลือดบางชนิด โดยเฉพาะกลุ่ม สแตติน (Statins) เช่น อะทอร์วาสแตติน (Atorvastatin) ก็มีงานวิจัยที่บอกว่าอาจจะช่วยลดความเสี่ยงสมองเสื่อมได้ แต่ก็มีบางงานวิจัยที่ผลออกมาไม่สอดคล้องกัน ดังนั้นเรื่องนี้ยังต้องศึกษาเพิ่มเติม
กลุ่มยาที่เหมือนจะเป็น "ศัตรู" ของสมอง (อาจเพิ่มความเสี่ยงสมองเสื่อม)
ยาสำหรับโรคเบาหวาน ยาเบาหวานบางชนิด เหมือนจะเป็น "ดาบสองคม" อาจจะช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด แต่ก็อาจจะ "แอบซ่อน" ความเสี่ยงสมองเสื่อมไว้ด้วย โดยเฉพาะยา เมตฟอร์มิน (Metformin) และ ไพโอกลิทาโซน (Pioglitazone) แต่เรื่องนี้ยังต้อง "สืบสวน" กันต่อ เพราะบางงานวิจัยก็บอกว่ายาเบาหวานบางชนิด อาจจะช่วยลดความเสี่ยงได้ ดังนั้นอย่าเพิ่งด่วนสรุปนะครับ
วิตามินและอาหารเสริม วิตามินและอาหารเสริม ที่เราทานกันเป็นประจำ ผลการศึกษา "ยังไม่ชัดเจน" ครับ บางงานวิจัยบอกว่าอาจจะเพิ่มความเสี่ยง
โดยเฉพาะวิตามินและแร่ธาตุบางชนิดที่ทานในปริมาณมากเกินไป เช่น วิตามินเอ, วิตามินดี 3 (Cholecalciferol), สังกะสี (Zinc), ซีลีเนียม (Selenium), แมกนีเซียม (Magnesium), ไบโอติน (Biotin), ลูทีน (Lutein), และ โครเมียม พิโคลิเนต (Chromium Picolinate) บางงานวิจัยก็บอกว่าไม่เกี่ยว ดังนั้นก่อนจะทานวิตามินอะไร ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนดีที่สุดครับ
ยาต้านโรคจิต ยาต้านโรคจิต เหมือนจะเป็น "ผู้ร้าย" ที่อาจจะเพิ่มความเสี่ยงสมองเสื่อมได้ โดยเฉพาะยา เควทิอะปีน (Quetiapine) และ โซเทปีน (Zotepine) แต่ต้องระวังเรื่อง "ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อน" เพราะคนที่มีปัญหาทางจิตเวช อาจจะมีความเสี่ยงสมองเสื่อมสูงกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว ความสัมพันธ์ที่เจอ อาจจะไม่ได้เป็นเพราะยา แต่เป็นเพราะโรคที่เป็นอยู่
ยานอนหลับและยาคลายกังวล ยานอนหลับและยาคลายกังวลบางชนิด เช่น กาบาเพนติน (Gabapentin), เอสซิตาโลแพรม (Escitalopram), มีร์ทาซาปีน (Mirtazapine), เซอร์ทราลีน (Sertraline), ทราโซโดน (Trazodone), และ เวนลาฟาซีน (Venlafaxine) ก็พบว่ามีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงสมองเสื่อมที่เพิ่มขึ้น ควรใช้ยาเหล่านี้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
กลุ่มยาที่ยัง "ลูกผีลูกคน" (ผลการศึกษายังไม่ชัดเจน)
ยาลดความดันโลหิต และ ยาแก้ซึมเศร้า
ยาลดความดันและยาแก้ซึมเศร้า ผลการศึกษา "ตีกัน" ครับ บางงานวิจัยบอกว่ายาลดความดันอาจจะช่วยลดความเสี่ยง โดยเฉพาะกลุ่มยา แอนจิโอเทนซิน-คอนเวอร์ติง เอนไซม์ อินฮิบิเตอร์ (Angiotensin-converting enzyme inhibitors - ACE inhibitors) และ แอนจิโอเทนซิน รีเซพเตอร์ บล็อกเกอร์ (Angiotensin II receptor blockers - ARBs) เช่น โลซาร์แทน (Losartan) บางงานวิจัยก็บอกว่าไม่เกี่ยว ยาแก้ซึมเศร้าก็เหมือนกัน
เรื่องนี้ต้อง "ตามสืบ" กันต่อยาวๆ ครับ
"ข้อคิด" จากการเดินทาง เราได้อะไรจากงานวิจัยนี้?
งานวิจัยนี้ เหมือนเป็นการ "เปิดแผนที่" ให้เราเห็นเส้นทางใหม่ๆ ที่เราอาจไม่เคยรู้มาก่อน มันบอกเราว่ายาที่เราทาน มันอาจจะส่งผลต่อสมองของเราได้นะ ถึงแม้ว่าผลการศึกษายังไม่ชัดเจนในหลายๆ เรื่อง แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่ทำให้เราต้องหันมาใส่ใจเรื่องนี้มากขึ้น
สิ่งที่ผมอยากจะฝากไว้ให้ทุกคน
1. อย่าเพิ่งตกใจ ผลการศึกษาเหล่านี้ เป็นแค่ข้อมูลเบื้องต้น อย่าเพิ่งคิดว่ายาที่คุณทานอยู่ จะทำให้เกิดสมองเสื่อม ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เกี่ยวกับยาที่คุณทาน และความเสี่ยงสมองเสื่อมของคุณ เป็นสิ่งสำคัญที่สุด
2. ทานยาตามหมอสั่ง ถ้าหมอสั่งยาให้ทาน "อย่าหยุดยาเอง" การหยุดยาเอง อาจจะอันตรายกว่าที่คุณคิด
3. ดูแลสุขภาพองค์รวม การดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ทั้งร่างกายและจิตใจ เป็น "เกราะป้องกัน" ที่ดีที่สุด ทานอาหารดีๆ ออกกำลังกาย พักผ่อนให้พอ ลดเครียด และฝึกสมองบ่อยๆ
4. ตามข่าวสาร วงการแพทย์และวิทยาศาสตร์ พัฒนาไปข้างหน้าตลอดเวลา "อัปเดต" ข่าวสารงานวิจัยใหม่ๆ เกี่ยวกับสมองเสื่อม และยาต่างๆ เพื่อให้เรามีความรู้ที่ทันสมัย
ผมหวังว่าเรื่องราวที่ผมเล่าวันนี้ จะเป็นประโยชน์ให้ทุกคนหันมาดูแลสมองของเราให้ดีขึ้นนะครับ "สมอง" เป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุด ดูแลสมองวันนี้ เพื่อชีวิตที่ดีในวันหน้าครับ
เอกสารอ่านเพิ่มเติม
โฆษณา