จีนมองสถานการณ์ล่าสุด “สงครามในยูเครน” ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
สถาบันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศร่วมสมัยแห่งประเทศจีน (CICIR) ซึ่งเป็นกลุ่มนักวิจัยชั้นนำชาวจีนภายใต้กระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐของสาธารณรัฐประชาชนจีนได้เขียนเป็นรายงานภาษาอังกฤษที่ชื่อว่า “Global Strategic Challenges and Security Risks in 2025” แปลเป็นไทย “ความท้าทายเชิงยุทธศาสตร์ระดับโลกและความเสี่ยงด้านความมั่นคงในปี 2025”
เครดิตภาพ: CICIR
ขอสรุปถึงประเด็นที่พูดในรายงานฉบับนี้เกี่ยวกับ “สงครามในยูเครน” ดังนี้
1. การระงับความขัดแย้งในยูเครนจะไม่สามารถแก้ไขข้อขัดแย้งที่หยั่งรากลึกมานานได้ สาระสำคัญของความขัดแย้งระหว่าง “รัสเซีย” และ “ยูเครน” อยู่ที่ปัญหาซึ่งมีความซับซ้อนและมีขนาดใหญ่ในการปรับโครงสร้างสถาปัตยกรรมความมั่นคงของยุโรปในทิศทางของรัสเซีย
เห็นได้ชัดว่าแนวทางแก้ไขความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนของอเมริกาคือ “การกดดัน” ให้รัสเซียและยูเครนหยุดยิงทันที ซึ่งจะส่งผลให้ยูเครนกลับไปใช้ “รูปแบบข้อตกลงกรุงมินสค์” และกลายเป็น “ความขัดแย้งที่ถูกแช่แข็ง” ซึ่งจะไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งใดๆ ที่อยู่เบื้องหลังได้ในอนาคตอันใกล้นี้ การเผชิญหน้าระหว่างยุโรปและรัสเซียจะยังคงดำเนินต่อไป
ปูตินตอนเจอเซเลนสกีเป็นครั้งแรก เครดิตภาพ: CBS News
2. แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงได้ แต่โดยพฤตินัยแล้วรัสเซียก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาความมั่นคงที่สำคัญในทิศทางของยุโรปของตนได้ ตรงกันข้ามพบว่าตัวเองอยู่ในตำแหน่งที่ไม่มั่นคงเสียแล้วและอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เสียเปรียบเชิงยุทธศาสตร์มากกว่าก่อนเกิดสงคราม เนื่องจาก “การเข้าร่วมนาโต” ของสวีเดนและฟินแลนด์
3. การนั่งลงที่โต๊ะเจรจาจะเป็นเรื่องยาก เนื่องจากรัสเซียและยูเครนมีจุดยืนที่แตกต่างกันมากเกินไปและมีความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงในประเด็นต่างๆ มากมาย รัสเซียสนับสนุนการเจรจาโดยอิงตามความเป็นจริงของดินแดนใหม่ และเรียกร้องการรับประกันว่ายูเครนจะไม่เข้าร่วมนาโต และรักษาสถานะเป็นกลาง ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ และไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
ส่วนฝั่งยูเครนยืนกรานที่จะต้องการให้รัสเซียถอนทหารออกจากไครเมียและภูมิภาคอื่นๆ เช่น ดอนบาส และหวังว่าจะได้รับการรับประกันความมั่นคงจากฝ่ายตะวันตก ในขณะที่โยนความรับผิดชอบสำหรับสงครามให้กับรัสเซีย ดังนั้น ทรัมป์จึงเปลี่ยนคำพูดของเขา (ไม่ใช่วันเดียวยุติได้แล้ว) โดยกล่าวว่าเขาหวังที่จะแก้ไขความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนได้ภายในหกเดือน
4. มีความเสี่ยงที่ความขัดแย้งจะทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก ทั้งรัสเซียและยูเครนต่างเข้าใจดีว่าสิ่งที่ไม่ได้บรรลุผลในสนามรบจะยากต่อการบรรลุผลบนโต๊ะเจรจา เห็นได้ชัดว่าทั้งสองฝ่ายยังไม่ละทิ้งแนวคิดที่จะยกระดับความขัดแย้งเพื่อให้ได้ “ไพ่เด็ด” มาเพิ่ม ดังนั้นสถานการณ์ในสนามรบจึงมีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้น
5. นี่คือสงครามตัวแทนระหว่างสหรัฐอเมริกาและโลกตะวันตกกับรัสเซียผ่านยูเครน ทรัมป์พยายามยุติความขัดแย้งเพราะเขาไม่อยากเสียยูเครนทั้งหมดและตั้งใจจะปักหลักครอบงำดินแดนที่ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของเคียฟไว้เพื่ออเมริกา
หน้าปกหนังสือชื่อ The Proxy War in Ukraine: A Geopolitical Strategy of the Global Elites
แน่นอนว่า “บทเรียนของยูเครน” ย่อมถูกนำมาใช้ในการวางแผนยุทธศาสตร์ของจีนเพื่อแก้ไขปัญหาไต้หวันแล้ว เมื่อพิจารณาว่าบางครั้งกรณีของยูเครนและไต้หวันมีความคล้ายคลึงกัน โดยมีสัญญาณว่าจีนซึ่งมองไปที่รัสเซียจะเริ่มจัดการกับเกาะที่แข็งข้อแห่งนี้ จีนกำลังมองตัวอย่างไปที่รัสเซียในบริบทที่ใกล้เคียงกัน
เรียบเรียงโดย Right Style
7th Feb 2025
- ■อ้างอิง:
<เครดิตภาพปก: Henry Wong / SCMP>
- 8
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
