7 ก.พ. เวลา 06:30 • ข่าว

ทอท.ขี่ช้างจับตั๊กแตน ขอสร้าง "ห้องสูบบุหรี่" ในอาคารสนามบินสุวรรณภูมิ

พบตัวเลขลักลอบสูบ 69 คน จาก 48 ล้านคน มีจุดสูบภายนอกนั่งรถไฟแค่ 1 นาที
หลังจากบริษัท ท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.เสนอขอทำห้องสูบบุหรี่ในอาคารสนามบินสุวรรณภูมิ จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเหมาะสมหรือไม่ จะกระทบผู้โดยสารโดยรวมหรือไม่ ทั้งที่มีกฎหมายยกเลิกห้องสูบบุหรี่มาแล้ว 5 ปี
เมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2568 เงลา 09.00 น. ในการประชุมคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2568 มีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธาน ได้พิจารณาในเรื่องนี้เป็นวาระสุดท้าย โดยมีรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. และผู้แทนเข้าร่วมเพื่อแจงข้อเสนอ ซึ่งใช้เวลาค่อนข้างนาน โดยมีการพักเบรก และกลับมาหารืออีกครั้ง
ต่อมาเวลา 11.30 น. นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า ตนตั้งคณะทำงานขึ้นมาชุดหนึ่ง เพื่อศึกษาหาทางออก และดูข้อเท็จจริงตามข้อเสนอของ ทอท. ว่าเพราะอะไรถึงต้องสร้างห้องสูบบุหรี่ในอาคาร และห้องสูบบุหรี่ที่มีอยู่ภายนอกอาคารอยู่แล้วเพียงพอหรือไม่ มีกลิ่นเหม็นหรือไม่ เพื่อให้ข้อแนะนำ หรืออย่างการเดินทางเพื่อไปห้องสูบบุหรี่ภายนอกใช้เวลาเพียง 1 นาทีเพียงพอหรือไม่อย่างไร
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน
กรรมการที่ตั้งขึ้นมี 5 คน ได้แก่
1.ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในบอร์ดฯ
2.ศ.ดร.อิสรา ศานติศาสน์ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในบอร์ดฯ
3.นางฐาณิษา สุขเกษม และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในบอร์ดฯ
4.นพ.ชยนันท์ สิทธิบุศย์ ผอ.กองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ เป็นผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข
5. ผู้แทนบริษัท AOT
นอกจากนี้ กำลังพิจารณาว่าค่าปรับของผู้กระทำผิดให้เจ้าหน้าที่ของ ทอท.สามารถทำได้หรือไม่ ได้มอบหมายให้กรมควบคุมโรคไปดู เนื่องจากยังมีผู้โดยสารบางส่วนดื้อ ไม่มีห้องสูบบุหรี่ก็ยังสูบ โดยยอมจ่ายค่าปรับ เพื่อแก้ปัญหาถาวร หากจำเป็นต้องเพิ่มอำนาจให้เจ้าหน้าที่ ทอท. ก็ควรทำภายใต้กฎหมาย
ถามว่าที่ประชุมไม่เห็นชอบสร้างห้องสูบบุหรี่ในอาคารสนามบินใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ยังสร้างภายในอาคารสนามบินไม่ได้ เพียงแต่ตอนนี้ให้ผู้ทรงคุณวุฒิไปดูร่วมกัน ว่า ห้องสูบบุหรี่ภายนอกเพียงพอหรือไม่
ถามว่ามีการพูดถึงว่าให้ทดลองก่อน หมายถึงภายนอกอาคารใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ใช่ หากทุกอย่างได้ ก็อาจจะจบ ไม่ต้องมาแก้กฎหมาย แก้ระเบียบอะไร
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน
ถามต่อว่ายืนยันหรือไม่ว่า สนามบินในประเทศไทยยังควรเป็นพื้นที่ปลอดบุหรี่ 100% นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ภายนอกสูบได้ แต่ภายในก็ควรเป็นแบบนั้น ซึ่งก็ต้องไปดูว่ามีปัญหาอะไรถึงมาขอทำลักษณะนี้ หรือเพราะทางวิศวกรรม เจาะอาคารไม่ได้ หรืออะไร
“เรื่องนี้เราจะไม่ยืนพิงเสา หรือยืนบังเสาคุยกัน แต่จะไปดูให้เห็น Learning by Doing” นายสมศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามว่ามีกรอบระยะเวลาหรือต้องเสนอที่ประชุมครั้งหน้าหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ถ้ามีอะไรคืบหน้าก็เสนอมา
ด้าน ศ.นพ.ประกิต กล่าวว่า ประเทศไทยอยู่ในสารบบสนามบินปลอดบุหรี่ 100% โดยมีการออกกฎหมายยกเลิกห้องยกเลิกห้องสูบหรี่ภายในอาคารสนามบิน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ต้นปี 2562 ทำให้ที่เคยมี 6 ห้องในสนามบินถูกยกเลิกไปทั้งหมด
ข้อมูลที่ท่าอากาศยานนำเสนอในการประชุมคณะกรรมการฯ วันนี้ ถึงสาเหตุขอให้จัดสร้างห้องสูบบุหรี่ภายในอาคารสนามบิน ได้อ้างข้อมูลว่าตั้งแต่ปี 2561-2567 ระบุว่า
มีผู้โดยสารทั้งหมดกว่า 48 ล้านคน แต่มีเพียง 165 คนที่มีความประสงค์ให้หน่วยงานดำเนินการจัดห้องสูบบุหรี่ภายในอาคารผู้โดยสาร และระหว่างปี 2561-2566 เจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเข้าระงับเหตุผู้ฝ่าฝืนสูบบุหรี่ภายในอาคาร 69 คน เป็นชาวต่างชาติ 63 คน และชาวไทย 6 คน ถือเป็นจำนวนที่น้อยมากหากเทียบผู้โดยสารที่เดินทางทั้งหมดกว่า 48 ล้านคน
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ
ทั้งนี้ ย้ำว่าสนามบินสามารถจัดพื้นที่สูบบุหรี่นอกอาคารได้ ซึ่งเราเคยไปสำรวจสนามบินสุวรรณภูมิ และแนะนำจุดที่สามารถจัดสูบบุหรี่นอกอาคารได้ ทราบว่าก็อยู่ระหว่างทำสถานที่สูบบุหรี่นอกอาคาร 3 แห่ง
ส่วนที่มายื่นขอแก้กฎหมายเพื่อจัดสถานที่สูบในอาคาร จะเป็นอีกอาคารคือ อาคาร SAT1 โดยอ้างว่าไม่สามารถเจาะอาคารออกไปภายนอกได้ แต่จริงๆ สามารถนั่งรถไฟจาก SAT1 ย้อนกลับมายังจุดที่สูบบุหรี่ที่อาคารหลักได้ ใช้เวลา 1 นาทีเท่านั้น เพียงแต่ทำป้ายแนะนำให้ชัด
"เรื่องนี้เหมือนขี่ช้างจับตั๊กแตน เพราะคนที่ลักลอบสูบมีน้อยมาก ก็ต้องไปเข้มเอาผิด ที่อ้างว่าเจ้าหน้าที่ไม่มีอำนาจไปดำเนินการเอาโทษผู้กระทำผิด ซึ่งก็ควรจะไปปรับแก้ระเบียบให้อำนาจ ไม่ใช่เหตุผลที่จะมาเสนอให้จัดห้องสูบบุหรี่ภายในอาคารเพิ่มขึ้น ซึ่งโทษของการลักลอบสูบสูงสุดคือ 5,000 บาท" ศ.นพ.ประกิตกล่าว
นอกจากนี้ ข้อมูลจากสภาวิศวกรรมระบบระบายอากาศของสหรัฐอเมริกา ได้ศึกษาข้อมูลยืนยันว่าการมีห้องให้คนเข้าไปสูบบุหรี่ไม่สามารถจัดการควันบุหรี่มือสองได้ อีกทั้งยังพบค่าฝุ่น PM 2.5 สูงถึง 500 มคก./ลบ.ม.
ที่สำคัญแนวปฏิบัติข้อ 8 ของกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก ระบุชัดว่า ไม่มีระดับที่ปลอดภัยจากการได้รับควันบุหรี่ และมีหลักฐาน แน่ชัดว่ามาตรการด้านวิศวกรรม เช่น การระบายอากาศ การกรองอากาศ ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีระบบระบายอากาศแยกกัน ก็ไม่สามารถป้องกันอันตรายจากการได้รับควันบุหรี่ได้
ศ.นพ.ประกิตกล่าวว่า ยืนยันว่าต้องคงเป็นสนามบินปลอดบุหรี่ 100% เราทำกฎหมายมาอย่างดีแล้ว ไม่ควรถอยหลังลงคลอง และไทยเราก็เป็นผู้นำระดับโลกในเรื่องนี้ ทั่วโลกปัจจุบันก็มีสนามบินปลอดบุหรี่ประมาณ 100 กว่าแห่ง และยืนยันการมีห้องสูบในสนามบินไม่มีผลศึกษาว่ากระตุ้นนักท่องเที่ยวเข้ามาได้
ด้าน ผศ.ดร.นพ.วิชช์ เกษมทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า หนึ่งในการแก้ปัญหาให้ผู้ที่อยากสูบบุหรี่ในสนามบินที่ไม่มีห้องสูบบุหรี่ คือการจัดให้มียาอดบุหรี่ขายในสนามบิน เช่น หมากฝรั่ง หรือแผ่นแปะนิโคติน เพื่อให้คนที่อยากสูบบุหรี่มากจริงๆ ซื้อไปใช้เพื่อลดอาการอยากบุหรี่
ผศ.ดร.นพ.วิชช์ เกษมทรัพย์
วิธีนี้น่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่าการกลับไปสร้างห้องสูบบุหรี่ ที่ต้องลงทุนไม่น้อย และเป็นภาระในการบำรุงรักษาอุปกรณ์และความสะอาดของห้อง อีกทั้งยังสร้างมลพิษในอากาศให้แก่สนามบิน สวนทางกับนโยบายของ ทอท. ที่ต้องการให้สนามบินสุวรรณภูมิเป็นสนามบินสีเขียว มีสิ่งแวดล้อมที่ดี และปลอดภัยต่อสุขภาพของทุกคนที่มาใช้บริการของสนามบิน
โฆษณา