8 ก.พ. เวลา 03:02 • หุ้น & เศรษฐกิจ

อ่านเกม เทรดวอร์ สหรัฐจาก 'โรเบิร์ต ไลท์ไฮท์เซอร์' ผู้วางนโยบายภาษีให้ทรัมป์

หากย้อนกลับไปวันที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐกล่าวสปีชสาบานตนเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 ม.ค. ที่ผ่านมา นักวิชาการส่วนใหญ่เห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า “วิลเลียม แมคคินลีย์” ประธานาธิบดีคนที่ 25 ของสหรัฐอเมริกา คือต้นแบบการดำเนินนโยบายการค้าของทรัมป์
ด้วยนโยบายสำคัญสองประการคือ การขยายดินแดนและการเก็บภาษีศุลกากร แมคคินลีย์เป็นผู้นำในยุคที่สหรัฐอเมริกามีความมั่งคั่งสูงสุดระหว่างปี 1880-1913 โดยรายได้หลักของรัฐบาลมาจากภาษีนำเข้าถึงร้อยละ 80 ก่อนที่จะเริ่มมีการจัดเก็บภาษีเงินได้ในปี 1913 ช่วงเวลาเดียวกับการเริ่มต้นสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
1
การสูญเสียความมั่งคั่งของสหรัฐอเมริกาเริ่มต้นจากการเข้าร่วมข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) การให้สถานะการค้าถาวรกับจีน และการยอมให้จีนเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) ส่งผลให้ภาคการผลิตของสหรัฐอเมริกาได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยเฉพาะการสูญเสียงานในภาคการผลิตกว่า 5-7 ล้านตำแหน่ง
จีนคือศัตรูหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกา เนื่องจากสามารถท้าทายสหรัฐอเมริกาได้ทั้งด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และการทหาร ต่างจากญี่ปุ่นในทศวรรษ 1980 ที่ท้าทายเพียงด้านเศรษฐกิจ หรือสหภาพโซเวียตที่ท้าทายเพียงด้านการทหาร นอกจากนี้ยังชี้ว่าสหรัฐอเมริกาเป็นผู้จ่ายเงินให้จีนแข็งแกร่งขึ้น โดยเศรษฐกิจจีนเติบโตจาก 1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2001 เป็น 18 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปัจจุบัน
ความไม่เป็นธรรมปรากฏชัดในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่บริษัทรถยนต์ย้ายฐานการผลิตจากสหรัฐไปยังเม็กซิโกและแคนาดาเพื่อใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) โดยเม็กซิโกมีโรงงานผลิตรถยนต์สัญชาติอเมริกันถึง 26 แห่ง ผลิตรถยนต์ 4 ล้านคันต่อปีและส่งออกไปสหรัฐฯ 76% ขณะที่แคนาดามีโรงงานสัญญาติอเมริกัน 7 แห่ง ผลิต 1.5 ล้านคันและส่งออกไปสหรัฐฯ ถึง 90% โดยใช้ประโยชน์จากค่าแรงที่ต่ำกว่าและภาษีนำเข้าที่เป็นศูนย์
นอกจากนี้ ยังมีความไม่สมมาตรในการเข้าถึงตลาด โดยจีนสามารถส่งสินค้าผ่านช่องทาง De minimis ของสหรัฐฯ ที่ยกเว้นภาษีนำเข้าสำหรับสินค้ามูลค่าไม่เกิน 800 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าประเทศอื่นๆ มาก เช่นออสเตรเลีย 673 ดอลลาร์สหรัฐ สหภาพยุโรป 166 ดอลลาร์สหรัฐ ญี่ปุ่น 71 ดอลลาร์สหรัฐ เม็กซิโก 50 ดอลลาร์สหรัฐ และจีนเพียง 7 ดอลลาร์สหรัฐ ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือทำให้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจากจีนอย่าง SHEIN สามารถส่งสินค้าเข้าสหรัฐฯ โดยไม่ต้องเสียภาษี
2
ในด้านการเข้าถึงตลาด บริษัทอเมริกันไม่สามารถเข้าถึงตลาดการเงินและเทคโนโลยีของจีนได้อย่างเสรี ในขณะที่ UnionPay ของจีนสามารถให้บริการในสหรัฐฯ ได้ เช่นเดียวกับแอปพลิเคชัน TikTok และ WeChat ที่สามารถเข้าถึงผู้ใช้ชาวอเมริกันได้ ในขณะที่ Facebook Google และ Instagram ถูกบล็อกในจีน นอกจากนี้ สหภาพยุโรปก็มีการกีดกันทางการค้าผ่านมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี เช่น มาตรฐานสินค้า การคุ้มครองภาคเกษตร และการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 21%
โฆษณา