8 ก.พ. เวลา 05:40 • ข่าว

กัวเตมาลา ประเทศที่จะกลายเป็นแหล่งทิ้งมนุษย์ ของทรัมพ์

ต้องยอมรับว่า นโยบายเรือธง ที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนทิศทางของรัฐบาลทรัมพ์ 2 มากที่สุด ต้องยกให้แผนการ Mass Deportation การเนรเทศ ผลักดันผู้ย้ายถิ่นผิดกฎหมาย ออกไปให้พ้นจากดินแดนสหรัฐ
4
ที่นำไปสู่ปมประเด็นความขัดแย้ง และ แตกหัก กับประเทศเพื่อนบ้านมากมาย เพราะเชื่อว่า มีประชากรแทบทุกชาติในโลกเคยมาอยู่สหรัฐจนเกินอายุวีซ่าโดยตั้งใจ หรือ ไม่ตั้งใจก็ตาม หรือนาทีนี้ ต่อให้มีวีซ่าถูกต้อง แต่ถ้าทำผิดกฎหมายตั้งแต่คดีอาญา ลักเล็ก ขโมยน้อย ไปจนถึงการเปิดเผยอุดมการณ์ ความเชื่อที่ขัดแย้งกับรัฐบาลสหรัฐ ไม่ว่าจะ เหยียดยิว เหยียดผิว(ขาว) เหยียดชนชาติ เหยียดศาสนา ก็มีสิทธิ์ถูกเพิกถอนวีซ่า และขับไล่ออกนอกประเทศได้ทั้งนั้น
และทรัมพ์ก็ไม่ได้บอกว่า เขาจะจัดตัวชาวโรบินฮู้ด แล้วส่งกลับให้ถึงประเทศบ้านเกิดทุกคน เพราะล่าสุด มีความเป็นไปได้ว่า ผู้อพยพผิดกฎหมายจะถูกผลักดันไปอยู่ประเทศอื่น ที่ไม่ใช่บ้านตัวเอง แบบไปตายเอาดาบหน้า
1
โดยล่าสุด มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ได้เดินทางไปเยือนกลุ่มประเทศแถบอเมริกากลาง เพื่อหารือเกี่ยวกับแผนส่งตัวผู้อพยพผิดกฎหมายโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นภารกิจต่างแดนครั้งแรกของรัฐบาลทรัมพ์ 2
และ รูบิโอก็ได้ทำข้อตกลงกับ เบร์นาร์โด อาเรบาโล ผู้นำกัวเตมาลาไว้เรียบร้อยแล้วว่า กัวเตมาลา จะรับผู้อพยพผิดกฎหมายจากสหรัฐ เพิ่มขึ้นอีก 40% ที่สำคัญคือ ไม่เกี่ยงด้วยว่าคนที่รัฐบาลสหรัฐจับส่งมา จะเป็นชาวกัวเตมาลาหรือไม่ จะเป็นคนชาติใดๆ ก็ได้ทั้งนั้น
ผู้นำกัวเตมาลา กล่าวว่า ยินดีที่จะสนับสนุนแผนกำจัดอาชญากรข้ามชาติของสหรัฐ และ จะรับเครื่องบินขนส่งต่างด้าวข้ามแดนผิดกฎหมายที่ส่งมาโดยเครื่องบินของอเมริกาไม่ว่าจะเป็นชาติใดก็ตาม โดยคนต่างชาติที่ถูกส่งมา ทางรัฐบาลกัวเตมาลาจะหาทางส่งตัวกลับประเทศของพวกเขาในภายหลัง แต่ทั้งนี้สหรัฐ "จะต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้"
1
และข้อตกลงนี้ มีเงื่อนไขว่า รัฐบาลสหรัฐ จะต้องเข้ามาลงทุนในกิจการโครงสร้างพื้นฐานในกัวเตมาลา รวมถึงสิทธิพิเศษอื่นๆ นอกเหนือจากสัญญาชุดเก่า
เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่กัวเตมาลา ทำข้อตกลงรับต่างด้าวผิดกฎหมายจากสหรัฐ ก่อนหน้านี้ ในสมัยรัฐบาลไบเดน ก็เคยมีการทำสัญญาส่งต่างด้าวนอกกฎหมายมายังกัวเตมาลา มาแล้ว โดยจะมีเที่ยวบินขนคนมาลงให้สัปดาห์ละ 7-8 ลำ แต่ในครั้งนั้น รับเฉพาะชาวกัวเตมาลากลับประเทศเท่านั้น
มาคราวนี้ ถือเป็นข้อตกลงครั้งที่ 2 ของสหรัฐ ที่จะรับผู้อพยพผิดกฎหมายเพิ่มขึ้นถึง 40% และ จะรับทุกชาติด้วย หากเป็นคนชาติอื่นที่ต้องถูกส่งไปยังประเทศปลายทางที่ 3 จะกลายเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่จะเรียกเก็บจากรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งหมายความว่า ถ้ารัฐบาลสหรัฐไม่จ่าย ทางกัวเตมาลาก็จะไม่ส่ง ก็ต้องค้างอยู่ยาวในกัวเตมาลา หรือไม่ก็ต้องหาทางกลับบ้านเอาเอง เช่นนั้นหรือ??
3
เรียกว่าเอามาทิ้งกันดีๆนี่เอง
แต่ทริปของรัฐมนตรีต่างประเทศของทรัมพ์ ไม่ได้จบแค่ที่กัวเตมาลา
นอกจากกัวเตมาลาแล้ว ยังมีอีกประเทศที่ตอบรับแผนผลักดันผู้อพยพของสหรัฐ นั่นก็คือ เอล ซัลวาดอร์ ด้วยเงื่อนไขที่จูงใจยิ่งขึ้นไปอีกเหมือนแย่งลูกค้ากัน
โดย นายิบ บูเคเล ผู้นำเอล ซัลวาดอร์ บอกว่า ยินดีรับเครื่องบินขนต่างด้าวทุกชาติจากสหรัฐเหมือนกัน แต่พิเศษกว่าตรงที่ ทางเอล ซัลวาดอร์ พร้อมรับแม้กระทั่งนักโทษ หรือผู้ที่ต้องคดี ที่เป็นพลเมืองอเมริกัน หรือ ชาวต่างชาติที่ถือวีซ่าถูกต้อง แต่ต้องการให้มาจำคุกในเอล ซัลวาดอร์ ก็รับได้เช่นกัน Add-on benefits เข้าไปอีก
1
แม้ทางเอล ซัลวาดอร์ เปิดประตูคุกไว้ให้พร้อมแล้ว แต่ถ้าเป็นกรณีพลเมืองอเมริกันแท้ๆ ยังไม่สามารถทำได้ทันที เพราะติดข้อกฎหมายตามรัฐธรรมนูญสหรัฐอยู่ มาร์โก รูบิโอ จึงต้องถอยมาปรึกษาทรัมพ์ กับทีมกฎหมายของรัฐบาล เพื่อหาช่องทางว่าทำได้หรือไม่
แต่ถ้าเป็นคุกพิเศษของสหรัฐ ที่อ่าวกวนตานาโม ในคิวบา สามารถเปิดรับได้ทันที จากเดิมที่รัฐบาลชุด ก่อนๆ ของสหรัฐพยายามที่จะลดขนาดเพื่อจะปิดคุกกวนตานาโมอันอื้อฉาวลงจนเหลือนักโทษแค่หลักร้อยในสมัยของไบเดน
แต่ทรัมพ์ ได้ปลุกผีกวนตานาโมขึ้นมาใหม่ และได้ทยอยส่งผู้อพยพไร้เอกสารไปยังคุกกวนตานาโมแล้ว แหล่งข่าวสหรัฐเชื่อว่า ทรัมพ์มีแผนการที่จะส่งต่างด้าวผิดกฎหมายไปขังรออยู่ที่กวนตานาโมกว่า 30,000 คนทีเดียว
และแน่นอนว่า นโยบายจับคนต่างด้าวไม่มีวีซ่า แล้วส่งกลับประเทศ หรือ ขนไปทิ้งยังประเทศที่ 3 ต้องใช้เงินมหาศาล ซึ่งทีมกฎหมายของพรรครีพับลิกันได้นำเสนองบประมาณสำหรับนโยบายกวาดล้างต่างด้าว และ เสริมกองกำลังป้องกันประเทศอยู่ที่ 3.4 แสนล้านดอลลาร์ ที่ยังไม่รู้ว่าจะบานปลายหรือไม่ เพราะงบก้อนนี้ รวมถึงการเดินหน้าโครงการสร้างกำแพงเม็กซิโกด้วย
1
ซึ่งหมายถึงว่า รัฐบาลสหรัฐต้องหาทางตัดงบประมาณจากส่วนอื่น มาลงให้กับนโยบายไล่ล่าต่างด้าวสุดขอบฟ้าของทรัมพ์ เช่น ขูดรีดกำแพงภาษีต่างชาติเยอะขึ้น หรือยุบหน่วยงานที่ขัดหู ขัดตามานาน อาทิ หน่วยงานส่งเสริมความหลากหลาย (DEI) หรือ USAID เป็นต้น
1
ส่วนใครจะมองมา สหรัฐใช้ประเทศอื่นเป็นที่ทิ้งมนุษย์ หรือ การใช้เครื่องบินขนส่งผู้อพยพนอกกฎหมายนับพัน นับหมื่นเที่ยวต่อจากนี้ จะเป็นการเผาผลาญพลังงานฟอสซิล เพิ่มคาร์บอนในอากาศ หรือไม่นั้น อยู่นอกเหนือจากขอบเขตของ America First ที่ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ😎
2
****************
ติดตามบทความของ "หรรสาระ" เพิ่มเติมได้ที่
Facebook - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
Twitter - @HunsaraByJeans
Blockdit - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
แพลทฟอร์มคุณภาพ ไม่ปิดกั้นการมองเห็นเนื้อหา
****************
1
แหล่งข้อมูล
โฆษณา