9 ก.พ. เวลา 12:00 • การตลาด

1 ใน 12 คนของประชากรโลกเป็นผู้ใช้งาน

Spotify ถอดบทเรียนบริษัท 4.2 ล้านล้านกับการผูกขาดตลาดดนตรีแบบยังไม่มีคู่แข่ง (ที่แท้จริง)
1
🎵 Spotify ถือเป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ AI (อย่าง Nvidia, Microsoft, Google, Facebook ฯลฯ)​ ที่เติบโตได้อย่างน่าทึ่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
(ที่บอกว่าไม่เกี่ยวข้องโดยตรงก็เพราะว่าเบื้องหลังของ Spotify ก็ยังมีเทคโนโลยี AI ที่คอยคัดเลือกเพลงและเพลย์ลิสต์ให้ตรงใจของผู้ใช้งานอยู่ และทำได้ดีด้วย)
📈 จากที่เคยลงไปต่ำสุดๆ ราว 71 เหรียญ/หุ้น ในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2022 ผ่านมาถึงตอนนี้สองปีนิดๆ แทบจะเรียกว่าเกือบ 10x ได้แล้ว เพราะขึ้นมายืนอยู่แถวๆ 626 เหรียญ/หุ้น ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2025
และถ้าดูแค่ในช่วง 5 วันที่ผ่านมา ขึ้นมาประมาณ​15% ทำให้มูลค่าของบริษัทแตะ 126,500 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 4.2 ล้านล้านบาทไปเรียบร้อย
เหตุผลหลักๆ มาจากผลประกอบการที่สามารถทำกำไรได้ ‘ทั้งปี’ (4 ไตรมาสติด) เป็นครั้งแรก
“มันใช้เวลา 18 ปี กว่าเราจะมาถึงตรงนี้ แต่เรามาถึงแล้ว” แดเนียล เอ็ก (Danial Ek) ซีอีโอของบริษัทกล่าวในการสัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้
🌟 จากที่เคยขาดทุนกว่า 18,600 ล้านบาทในปี 2023 มาทำกำไรได้เกือบ 40,000 ล้านบาทในปี 2024
ไม่แปลกใจที่หุ้นจะพุ่งขนาดนี้ และที่สำคัญยอดผู้ใช้งานทุบความคาดหวังของนักวิเคราะห์ไปด้วย หากนับประชากรโลกทั้งหมด 8,000 ล้านคน ตอนนี้มีผู้ใช้งาน Spotify ที่เป็น ​Active Users อยู่ 675 ล้านคน
🌍 นั่นหมายความว่า 1 ใน 12 คนของประชากรโลก เป็นผู้ใช้งานของ Spotify อยู่
💰 [ #เกิดอะไรขึ้น? ]
🎯 เมื่อวานทาง Future Trends มีการวิเคราะห์ไปบางส่วนแล้วว่าสาเหตุบางส่วนของการเติบโตผู้ใช้งานมาจาก ‘User-Generated Playlists’ เพลย์ลิสต์ที่สร้างโดยผู้ใช้งาน เฉพาะในปี 2024 ปีเดียว มีเพลย์ลิสต์ใหม่ถูกสร้างขึ้นถึง 725 ล้านรายการ (สามารถอ่านบทความเต็มๆ ได้ในลิงก์อ้างอิง)
ทั้งนี้ทั้งนั้น อยากชวนคิดต่ออีกสักหน่อย
ถ้าถามว่าใครคือคู่แข่งที่ขับเคี่ยวกับ Spotify ในเวลานี้แบบตรงๆ บ้าง?
ชื่อแรกที่จะเข้ามาในหัวเลยคือ Apple Music
แต่ Apple Music ก็มีแค่เพลง ไม่มีพอดแคสต์ หรือหนังสือเสียง (ถ้าจะฟังพอดแคสต์ก็ไป Apple Podcast หรือถ้าจะฟังหนังสือเสียงก็ต้องไป Apple Books)
หรือ Amazon Music? แม้จะไม่มีการรายงานยอดผู้ใช้งาน แต่มีการคาดการณ์ว่าอยู่ที่ราวๆ 80 ล้านคน ซึ่งถือเป็นแค่ 1/8 ของ Spotify เท่านั้น
ที่ใกล้เคียงสุดๆ อาจจะเป็น YouTube ที่มีผู้ใช้งานที่รายเดือนที่จ่ายเงินประมาณ 100 ล้านคน แต่ส่วนใหญ่ยังกระจายอยู่ในประเทศต่างๆ ไม่ได้อยู่ในอเมริกา
พวกแอปดนตรีทางเลือกอื่นๆ อย่าง Sirius XM (ที่ Berkshire Hathaway ของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ถือหุ้นอยู่ประมาณ 35%), Pandora หรือ Tidal ก็ยังเล็กมาก ไม่มีเจ้าไหนที่จะมาแข่งได้อย่างจริงๆจังๆ เลย
พอมองแบบนี้ ดูเหมือน Spotify บริษัท 4.2 ล้านล้านกำลังผูกขาดตลาดดนตรีแบบยังไม่มีคู่แข่งที่แท้จริงมาเทียบได้เลย
🤑 [ #Audio_Monopoly? ]
หลักฐานที่รองรับทฤษฎีการผูกขาดหรือ ‘Monopoly’ ที่ดีที่สุดคืออะไร?
ง่ายที่สุดคือ ‘อิสรภาพในการกำหนดราคาตลาด’ นั่นแหละครับ
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา Spotify ขึ้นค่าสมาชิกรายเดือนไปแล้วสองครั้ง ครั้งแรกในช่วงซัมเมอร์ปี 2023 (ซึ่งเป็นการขึ้นราคาครั้งแรกในรอบ 10 ปี) และต่อมาคือต้นปี 2024
2 ปีที่ผ่านมา ขึ้นราคาไป 20% แต่ผู้ใช้งานที่จ่ายค่าสมาชิกรายเดือนกลับเพิ่มขึ้น (ไม่ได้ลดลง) ถึง 28%!!! 🤯
เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้บริษัทพลิกจากขาดทุน มาทำกำไรได้มหาศาลในปีที่ผ่านมา
🔒 อย่างที่บอกว่าคู่แข่งในตลาดที่เทียบกันได้นั้นยังไม่มีชัดเจนเท่าไหร่ Spotify กำลังผูกขาดตลาดของเสียง (audio) นอกจากนั้นแล้วก็เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ รวมถึงการรัดเข็มขัด ปลดพนักงานพร้อมทั้งตัดงบการตลาดบางส่วนออกไป จนทำให้หุ้นของ Spotify พุ่งขึ้นแรงขนาดนี้
ถ้าเปรียบ Spotify เป็นพนักงานบริษัทก็คงเป็นพนักงานที่รู้แล้วว่าความสามารถของตัวเองคือสิ่งที่บริษัทหาคนมาแทนได้ยาก มีอำนาจต่อรองเงินเดือน ทำงานน้อยชั่วโมงลง แต่มีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณนั้นเลย
เอ็กกล่าวกับนักลงทุนว่าบริษัทตั้งเป้าเร่งพัฒนาบริการใหม่ๆ และส่งมอบผลิตภัณฑ์สู่ตลาดเร็วขึ้น โดยในปีนี้จะมุ่งเน้นที่ธุรกิจดนตรี รวมถึงการเปิดตัวแพ็กเกจพรีเมียมราคาสูงที่มาพร้อมคุณสมบัติ hi-fi streaming และเครื่องมือรีมิกซ์เพลง
💡 "คุณจะได้เห็น Spotify หลากหลายเวอร์ชันมากขึ้นในอนาคต ที่ปรับให้เข้ากับความต้องการของผู้ใช้แต่ละกลุ่ม รวมถึงกลุ่มแฟนเพลงตัวยง" เอ็กกล่าว
⚡ อเล็กซ์ นอร์สตรอม (Alex Norström) ประธานร่วมและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจกล่าวเพิ่มเติมในการแถลงข่าวว่าอัตราการยกเลิกใช้บริการอยู่ในระดับต่ำในตลาดที่มีการปรับขึ้นราคา และมีแนวโน้มจะปรับขึ้นราคาเพิ่มเติมอีกด้วย
ก็ต้องรอดูกันต่อครับว่าจะมีใครมางัดกับ Spotify ได้ไหม หรือ ไม่ก็ต้องใช้บริการกันต่อไป ไม่ว่าราคาอาจจะสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ก็ตาม
- โสภณ ศุภมั่งมี (บรรณาธิการ #aomMONEY)
อ้างอิง :
#MakeRichGeneration #การเงิน #การลงทุน #ธุรกิจ #Spotify #ตลาดหุ้น
โฆษณา