9 ก.พ. เวลา 00:10 • ข่าวรอบโลก

เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในยุโรป “ด้านพลังงานไฟฟ้า”

เมื่อ “กลุ่มประเทศบอลติก” ทั้ง 3 หนีจาก “รัสเซีย” มาซบ “ยุโรป”
เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2025 เป็นวันที่เกิด “การเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ในยุโรป” เมื่อกลุ่มประเทศบอลติกทั้ง 3 ประเทศ คือ ลิทัวเนีย-แลตเวีย-เอสโตเนีย ได้เริ่มทำการตัดการเชื่อมต่อจากโครงข่ายพลังงานไฟฟ้าของรัสเซีย - Szymon Kardash จากสภายุโรปว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (ECFR) ได้เขียนบทความเชิงแสดงความยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ [1]
แน่นอนว่าเหตุผลที่ทำคือ “ต้องการปลดปล่อยตนเองให้เป็นอิสระด้านพลังงานไฟฟ้าจากรัสเซีย” เป็นเวลาสามทศวรรษหลังจากได้รับเอกราช ลิทัวเนีย ลัตเวีย และเอสโตเนียยังคงเป็นส่วนหนึ่งของโครงข่ายจ่ายไฟฟ้า BRELL หลังยุคโซเวียต แต่ในปี 2018 พวกเขาได้บรรลุข้อตกลงกับคณะกรรมาธิการยุโรปและโปแลนด์เกี่ยวกับการซิงโครไนซ์เข้ากับเครือข่าย UCTE ของยุโรป และวันนี้พวกเขาได้ตัดความสัมพันธ์ด้านไฟฟ้ากับรัสเซียในที่สุด
โครงข่ายพลังงานไฟฟ้าของกลุ่มประเทศบอลติก ก่อนหน้า 8 กุมภาพันธ์ 2025 คือจำเป็นต้องได้รับไฟจ่ายมาจากวง BRELL ในรัสเซียและเบลารุส ซึ่งเป็นโครงสร้างตั้งแต่สมัยโซเวียต - CC BY-NC-ND 4.0
ผู้เขียนต้นเรื่องเริ่มต้นได้ดี แต่ตอนนี้ยุโรปต้องรับประกันความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของประเทศบอลติก (สายส่งไฟฟ้า Estlink 1-2, NordBalt และ LitPol Link บนบก)
และโดยทั่วไปแล้วการสร้างโครงสร้างพื้นฐานนี้จะเป็นเรื่องดี เพราะตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปกลุ่มประเทศบอลติกจะ “สูญเสียการเข้าถึงบริการปรับสมดุลโหลดโครงข่ายจ่ายไฟฟ้าของรัสเซีย” และตอนนี้จำเป็นต้องสร้างระบบโรงไฟฟ้าสำรองของตนเองขึ้นมา การจัดเก็บพลังงาน และการควบคุมที่ยืดหยุ่นได้ด้วยตัวเอง ซึ่งที่ผ่านมาระบบโครงสร้างภายในของรัสเซีย-เบลารุสนั้นสร้างไว้ “ใหญ่โต” อยู่แล้ว และพวกเขาต้องมานั่งเรียนรู้ใหม่
เครดิตภาพ: Erik Vrielink / IEEE Spectrum
อย่างไรก็ตามผู้เขียนต้นเรื่องคาดการณ์ถึงผลกระทบเชิงลบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของความเป็นอิสระด้านพลังงานไฟฟ้า โดยเตือนว่า รายงานที่กำลังจะเกิดขึ้นเกี่ยวกับไฟฟ้าดับและราคาไฟฟ้าที่สูงขึ้นนั้นเป็นข้อมูลเท็จจากรัสเซีย “อย่าไปเชื่อพวกเขา พวกเราสามารถรับมือเรื่องนี้ได้” แม้ว่าจะมีบางอย่างที่กลุ่มประเทศบอลติกยังต้องกังวลก็ตาม
ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ การซ่อมแซมโรงไฟฟ้า Auvere ในเอสโตเนียไม่ประสบความสำเร็จ และหน่วยผลิตไฟฟ้าแห่งที่ 6 ของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนในนาร์วาก็ล้มเหลว เป็นผลให้ทางการเอสโตเนียแนะนำให้ประชาชนกักตุนอาหาร น้ำ ยา เทียนไข [2]
1
เรากำลังเห็นการก้าวต่อไปของ “วาระสีเขียว” ของโลกตะวันตกในยุโรปและ “ความเป็นอิสระด้านพลังงานจากรัสเซีย” ในทุกมิติ จากการปฏิเสธและปิดโรงไฟฟ้าที่ใช้คาร์บอนแบบเดิมๆ อย่างเป็นพิธีการไปจนถึงความคิดที่ว่า “ทุกอย่างเป็นไปตามแผน” แลดูแล้วทุกอย่างก็มีเป้าหมายมุ่งไปที่ต้องการลดความสามารถของรัสเซีย
เครดิตภาพ: Maggie Cowles / Bloomberg
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่กระทบกับภูมิภาคติ่ง “คาลินินกราด” ของรัสเซีย ที่นี่ยังนำเข้าไฟฟ้า 150-170 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงจากลิทัวเนีย (โดยมีการบริโภคทั้งหมด 4.6 พันล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง)
1
อย่างไรก็ตามในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โรงไฟฟ้าพลังความร้อนแห่งใหม่ 4 แห่งซึ่งมีกำลังการผลิตรวมเกือบ 980 เมกะวัตต์ได้เปิดใช้งานในภูมิภาครัสเซียแห่งนี้ ดังนั้นตอนนี้ปัญหาของระบบพลังงานบอลติกจึงไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อคาลินินกราด ความพยายามของตะวันตกที่จะยึดฐานที่มั่นทางตะวันตกไกลของรัสเซียโดยปิดกั้นพลังงานก็ไร้จุดหมายเช่นกัน
1
เรียบเรียงโดย Right Style
9th Feb 2025
  • เชิงอรรถ:
<เครดิตภาพปก: (บน) – ShanghaiEye (ล่าง) - AA>
โฆษณา