[BETTERCM] 🌀ทำไมถึงหัวใจวาย🌀 ผมเข้าใจความกังวลของคุณเกี่ยวกับภาวะหัวใจวาย สาเหตุหลักๆ ของโรคหัวใจวายมีดังนี้:

สำรวจ
ลงทุน
คำถาม

มีบัญชีอยู่แล้ว?หรือ

BETTERCM

•

9 ก.พ. เวลา 06:00 • สุขภาพ

🌀ทำไมถึงหัวใจวาย🌀

ผมเข้าใจความกังวลของคุณเกี่ยวกับภาวะหัวใจวาย สาเหตุหลักๆ ของโรคหัวใจวายมีดังนี้:

1. หลอดเลือดหัวใจตีบหรืออุดตัน ทำให้เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่เพียงพอ

2. พฤติกรรมเสี่ยง เช่น:

- สูบบุหรี่

- รับประทานอาหารที่มีไขมันสูง

- ขาดการออกกำลังกาย

- ความเครียดสะสม

3. โรคประจำตัวที่ไม่ได้รับการควบคุม:

- ความดันโลหิตสูง

- เบาหวาน

- ไขมันในเลือดสูง

4. ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้:

- พันธุกรรม

- อายุที่มากขึ้น

การป้องกันที่ดีที่สุดคือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ และตรวจสุขภาพประจำปี

📚อ่านเพิ่มเติม

หัวใจวายคืออะไร

https://www.theptarin.com/th/article/detail/53

ภาวะหัวใจวาย อันตรายแค่ไหน ที่คุณต้องระวัง

https://www.phyathai.com/th/article/heart-attack-ptp

3 อาการต้องสังเกตก่อนหัวใจวาย

https://www.bangkokhearthospital.com/content/3-symptoms-to-look-out-for-before-a-heart-attack

❤️ บทความ 'your heart is in your hand' ♥️

**Your Heart is in Your Hand: การดูแลหัวใจด้วยตัวเอง**

หัวใจเป็นอวัยวะสำคัญที่ทำหน้าที่สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงทุกส่วนของร่างกาย การดูแลหัวใจให้แข็งแรงจึงเป็นเรื่องที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ เพราะหัวใจที่แข็งแรงไม่เพียงแต่ช่วยให้เรามีสุขภาพที่ดี แต่ยังส่งผลต่อคุณภาพชีวิตโดยรวมด้วย คำว่า "Your Heart is in Your Hand" หรือ "หัวใจของคุณอยู่ในมือคุณ" เป็นคำกล่าวที่สะท้อนถึงความรับผิดชอบของเราที่มีต่อสุขภาพหัวใจของตัวเอง

1. **การเลือกรับประทานอาหาร**

อาหารเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพหัวใจ การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด ปลา และไขมันดี เช่น น้ำมันมะกอก ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ ในทางตรงกันข้าม การรับประทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง อาหารแปรรูป และน้ำตาลมากเกินไป อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด

2. **การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ**

การออกกำลังกายเป็นวิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในการดูแลหัวใจ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอช่วยให้หัวใจแข็งแรง ลดความดันโลหิต และควบคุมระดับคอเลสเตอรอล ไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายหนักหน่วง แค่การเดินเร็ว วิ่งเหยาะๆ หรือปั่นจักรยานวันละ 30 นาที ก็เพียงพอที่จะช่วยให้หัวใจของคุณแข็งแรงขึ้น

3. **การจัดการความเครียด**

ความเครียดเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพหัวใจโดยตรง เมื่อเราเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น และอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพในระยะยาว ดังนั้น การเรียนรู้วิธีจัดการความเครียด เช่น การฝึกโยคะ การนั่งสมาธิ หรือการทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยปกป้องหัวใจของคุณ

4. **การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง**

การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปเป็นพฤติกรรมที่ทำลายสุขภาพหัวใจ การสูบบุหรี่ทำให้หลอดเลือดตีบและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ในขณะที่การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปอาจทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น การลดหรือเลิกพฤติกรรมเหล่านี้จึงเป็นสิ่งที่ควรทำเพื่อสุขภาพหัวใจที่ดี

5. **การตรวจสุขภาพเป็นประจำ**

การตรวจสุขภาพเป็นประจำช่วยให้เราทราบถึงความเสี่ยงและปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นกับหัวใจ การตรวจความดันโลหิต ระดับคอเลสเตอรอล และน้ำตาลในเลือดเป็นประจำ ช่วยให้เราสามารถป้องกันและจัดการกับปัญหาสุขภาพได้ทันท่วงที

สรุป

หัวใจของคุณอยู่ในมือคุณ การดูแลหัวใจไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องอาศัยความสม่ำเสมอและความตั้งใจ การเลือกรับประทานอาหารที่ดี ออกกำลังกายเป็นประจำ จัดการความเครียด หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง และตรวจสุขภาพเป็นประจำ จะช่วยให้คุณมีหัวใจที่แข็งแรงและมีคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว เริ่มต้นดูแลหัวใจของคุณตั้งแต่วันนี้ เพราะหัวใจของคุณคือชีวิตของคุณเอง

❓# แบบทดสอบความรู้เรื่องภาวะหัวใจวาย

## คำชี้แจง: เลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว

1. อาการใดที่เป็นสัญญาณเตือนของภาวะหัวใจวายที่ควรรีบไปพบแพทย์?

a) ปวดกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย

b) เหนื่อยง่ายผิดปกติ แม้ทำกิจกรรมเบาๆ

c) ง่วงนอนหลังรับประทานอาหาร

d) ปวดหัวเล็กน้อย

2. พฤติกรรมใดช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจวาย?

a) นอนดึกแต่ตื่นสาย

b) ดื่มเครื่องดื่มชูกำลังเพื่อให้มีแรง

c) ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน

d) รับประทานอาหารมื้อใหญ่ก่อนนอน

3. อาหารประเภทใดควรหลีกเลี่ยงเพื่อป้องกันภาวะหัวใจวาย?

a) ผักใบเขียว

b) ปลา

c) อาหารรสเค็มจัด

d) ธัญพืช

4. เมื่อพบคนที่มีอาการหัวใจวายเฉียบพลัน สิ่งแรกที่ควรทำคือ?

a) ให้ดื่มน้ำเย็น

b) โทรเรียก 1669 ทันที

c) ให้วิ่งออกกำลังกาย

d) ให้นอนพักผ่อน

5. ข้อใดไม่ใช่ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดภาวะหัวใจวาย?

a) ความดันโลหิตสูง

b) การออกกำลังกายสม่ำเสมอ

c) การสูบบุหรี่

d) โรคเบาหวาน

6. การสังเกตอาการผิดปกติของหัวใจวาย ควรทำอย่างไร?

a) รอให้มีอาการรุนแรงก่อนไปพบแพทย์

b) สังเกตน้ำหนักตัวและอาการบวมเป็นประจำ

c) ไม่ต้องสนใจอาการผิดปกติเล็กน้อย

d) รักษาด้วยตนเองโดยซื้อยามารับประทาน

7. เมื่อเป็นโรคหัวใจวาย ควรออกกำลังกายอย่างไร?

a) งดออกกำลังกายทุกชนิด

b) ออกกำลังกายหนักๆ เพื่อให้หัวใจแข็งแรง

c) ออกกำลังกายเบาๆ ตามคำแนะนำของแพทย์

d) ออกกำลังกายเฉพาะวันหยุด

8. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับการรับประทานยาในผู้ป่วยโรคหัวใจวาย?

a) หยุดยาได้เมื่อรู้สึกดีขึ้น

b) รับประทานยาเฉพาะเวลามีอาการ

c) รับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ

d) เพิ่มขนาดยาเองเมื่อมีอาการมาก

9. การนอนหลับที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจวายควรทำอย่างไร?

a) นอนราบเท่านั้น

b) นอนตะแคงซ้ายตลอดคืน

c) หนุนหมอนสูงหากมีอาการเหนื่อย

d) นอนคว่ำเท่านั้น

10. ข้อใดเป็นสัญญาณอันตรายที่ต้องรีบไปโรงพยาบาลทันที?

a) รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อยหลังเดินออกกำลังกาย

b) เจ็บหน้าอกรุนแรง หายใจลำบาก เหงื่อออกมาก

c) ปวดกล้ามเนื้อหลังทำงานบ้าน

d) ง่วงนอนหลังรับประทานอาหารมื้อใหญ่

เฉลย:

1. b) เหนื่อยง่ายผิดปกติ แม้ทำกิจกรรมเบาๆ

2. c) ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน

3. c) อาหารรสเค็มจัด

4. b) โทรเรียก 1669 ทันที

5. b) การออกกำลังกายสม่ำเสมอ

6. b) สังเกตน้ำหนักตัวและอาการบวมเป็นประจำ

7. c) ออกกำลังกายเบาๆ ตามคำแนะนำของแพทย์

8. c) รับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ

9. c) หนุนหมอนสูงหากมีอาการเหนื่อย

10. b) เจ็บหน้าอกรุนแรง หายใจลำบาก เหงื่อออกมาก

❓❓# แบบทดสอบความรู้เรื่องภาวะหัวใจวาย

## คำชี้แจง: เลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว

1. ยาในกลุ่มใดที่เป็น first-line drugs สำหรับผู้ป่วย Heart Failure with reduced Ejection Fraction (HFrEF)?

a) ACEIs/ARBs, Beta-blockers, MRAs

b) CCBs, Digoxin, Hydralazine

c) Dobutamine, Milrinone, Dopamine

d) Ivabradine, Ranolazine, Nicorandil

2. ข้อใดเป็นผลข้างเคียงที่สำคัญที่สุดที่ต้องติดตามในผู้ป่วยที่ได้รับยา ACE inhibitors?

a) Hyperkalemia

b) Hypoglycemia

c) Thrombocytopenia

d) Hepatotoxicity

3. ผู้ป่วยที่ได้รับยา Spironolactone ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเสริมชนิดใด?

a) Vitamin C

b) Calcium

c) Potassium

d) Magnesium

4. การปรับขนาดยา Beta-blockers ในผู้ป่วย Heart Failure ควรทำอย่างไร?

a) เริ่มขนาดสูงและค่อยๆ ลดลง

b) เริ่มขนาดต่ำและค่อยๆ เพิ่มขึ้นทุก 2 สัปดาห์

c) ให้ขนาดคงที่ตลอดการรักษา

d) ปรับตามค่าความดันโลหิตเท่านั้น

5. ยาขับปัสสาวะชนิดใดที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ป่วย Acute Heart Failure ที่มีอาการรุนแรง?

a) Hydrochlorothiazide

b) Furosemide

c) Spironolactone

d) Indapamide

6. การให้คำแนะนำเรื่องการใช้ยาในผู้ป่วย Heart Failure ข้อใดไม่ถูกต้อง?

a) หลีกเลี่ยงการใช้ NSAIDs

b) งดการดื่มแอลกอฮอล์

c) หยุดยาทุกชนิดเมื่อรู้สึกดีขึ้น

d) จำกัดการบริโภคเกลือ

7. ผู้ป่วยที่ได้รับ Digoxin ควรได้รับการติดตามระดับอิเล็กโทรไลต์ใดมากที่สุด?

a) Sodium

b) Potassium

c) Calcium

d) Chloride

8. อันตรกิริยาระหว่างยาที่สำคัญในผู้ป่วย Heart Failure คือข้อใด?

a) ACEIs + Spironolactone

b) Beta-blockers + Calcium

c) Furosemide + Vitamin C

d) Digoxin + Vitamin D

9. การติดตามผลการรักษาด้วยยาในผู้ป่วย Heart Failure ข้อใดสำคัญที่สุด?

a) การชั่งน้ำหนักทุกวัน

b) การวัดความดันโลหิตสัปดาห์ละครั้ง

c) การตรวจ BNP ทุกเดือน

d) การตรวจ ECG ทุก 6 เดือน

10. ผู้ป่วย Heart Failure ที่ได้รับยา Furosemide ควรได้รับคำแนะนำเพิ่มเติมในเรื่องใดมากที่สุด?

a) การจำกัดน้ำดื่มและเกลือ

b) การออกกำลังกายอย่างหนัก

c) การรับประทานอาหารเสริมโปรตีน

d) การนอนราบขณะพักผ่อน

เฉลย:

1. a) ACEIs/ARBs, Beta-blockers, MRAs

2. a) Hyperkalemia

3. c) Potassium

4. b) เริ่มขนาดต่ำและค่อยๆ เพิ่มขึ้นทุก 2 สัปดาห์

5. b) Furosemide

6. c) หยุดยาทุกชนิดเมื่อรู้สึกดีขึ้น

7. b) Potassium

8. a) ACEIs + Spironolactone

9. a) การชั่งน้ำหนักทุกวัน

10. a) การจำกัดน้ำดื่มและเกลือ

📶ขยายความคำถามในข้อที่ 9

ผู้ป่วยโรคหัวใจล้มเหลว การติดตามผลการรักษาด้วยยาเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้แน่ใจว่ายาที่ใช้มีประสิทธิภาพและผู้ป่วยไม่มีอาการแย่ลง การติดตามผลการรักษาที่สำคัญที่สุดคือ:

a) การชั่งน้ำหนักทุกวัน

การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัวอย่างรวดเร็วเป็นสัญญาณสำคัญของภาวะหัวใจล้มเหลวที่อาจแย่ลง การชั่งน้ำหนักทุกวันจะช่วยให้ผู้ป่วยและแพทย์สามารถสังเกตการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักได้ตั้งแต่เนิ่นๆ หากน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจเป็นสัญญาณว่าร่างกายกักเก็บน้ำไว้มากเกินไป ซึ่งเป็นอาการของภาวะหัวใจล้มเหลวที่กำเริบ

เหตุผล:

* ความสำคัญของการชั่งน้ำหนัก: การชั่งน้ำหนักทุกวันเป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการติดตามภาวะของร่างกายผู้ป่วย หากน้ำหนักเพิ่มขึ้น 1-2 กิโลกรัมภายใน 1-2 วัน อาจเป็นสัญญาณว่ามีน้ำคั่งในร่างกายมากเกินไป ซึ่งเป็นอาการสำคัญของภาวะหัวใจล้มเหลว

* การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก: การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักอาจบ่งบอกถึงประสิทธิภาพของยาที่ใช้ หากน้ำหนักลดลง อาจเป็นสัญญาณว่ายาที่ใช้ได้ผลดี แต่ถ้าน้ำหนักเพิ่มขึ้น อาจต้องปรับยาหรือเพิ่มขนาดยา

* การติดตามอาการอื่นๆ: นอกจากการชั่งน้ำหนักแล้ว ผู้ป่วยควรสังเกตอาการอื่นๆ เช่น อาการบวม หายใจลำบาก หรืออ่อนเพลีย หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์

ข้อควรระวัง:

* ความสม่ำเสมอ: ควรชั่งน้ำหนักเวลาเดียวกันทุกวัน โดยใช้เครื่องชั่งน้ำหนักที่ได้มาตรฐาน

* การจดบันทึก: ควรจดบันทึกน้ำหนักที่ชั่งได้ทุกวัน เพื่อนำไปปรึกษาแพทย์ในการนัดหมาย

คำแนะนำเพิ่มเติม:

* ผู้ป่วยโรคหัวใจล้มเหลวควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีการติดตามผลการรักษาด้วยยาที่เหมาะสมกับตนเอง

* ผู้ป่วยควรเรียนรู้เกี่ยวกับยาที่ใช้ อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น และวิธีการปฏิบัติตัวเมื่อมีอาการผิดปกติ

* ผู้ป่วยควรเข้ารับการตรวจติดตามกับแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แพทย์สามารถประเมินผลการรักษาและปรับยาได้ตามความเหมาะสม

คำตอบอื่นๆ:

* b) การวัดความดันโลหิตสัปดาห์ละครั้ง: การวัดความดันโลหิตเป็นสิ่งสำคัญ แต่ไม่สำคัญเท่าการชั่งน้ำหนักในการติดตามผลการรักษาด้วยยาในผู้ป่วย Heart Failure

* c) การตรวจ BNP ทุกเดือน: การตรวจ BNP (B-type natriuretic peptide) เป็นการตรวจเลือดที่ช่วยประเมินการทำงานของหัวใจ แต่ไม่ได้มีความสำคัญเท่าการชั่งน้ำหนักในการติดตามผลการรักษาด้วยยา

* d) การตรวจ ECG ทุก 6 เดือน: การตรวจ ECG (electrocardiogram) เป็นการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ซึ่งช่วยประเมินการทำงานของหัวใจ แต่ไม่ได้มีความสำคัญเท่าการชั่งน้ำหนักในการติดตามผลการรักษาด้วยยา

📕อ่านเพิ่มเติม

คู่มือการดูแลผู้ป่วยหัวใจล้มเหลวเรื้อรัง แบบบูรณาการ

รพ.มหาราช นครเชียงใหม่

http://www.thaiheart.org/images/column_1291454908/CMU%20HF%20Clinic.pdf

แนวทางการดูแลและจัดการผู้ป่วยโรคหัวใจล้มเหลวเรื้อรัง updated ตามแนวทางของ ESC 2021

สมาคมเภสัชกรรมการตลาด (ประเทศไทย)

โดย ภก.กฤติน บัณฑิตานุกูล Pharm.D, BCPS.

https://ccpe.pharmacycouncil.org/showfile.php?file=1110

❓❓❓# แบบทดสอบความรู้เรื่องภาวะหัวใจวาย

## คำชี้แจง: เลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว

1. ผู้ป่วยชาย อายุ 65 ปี มาด้วยอาการเหนื่อยง่าย บวมที่ขาทั้งสองข้าง นอนราบไม่ได้ มี JVP สูง ตรวจพบ S3 gallop ข้อใดเป็น New York Heart Association (NYHA) Functional Classification ที่เหมาะสมที่สุด?

a) Class I

b) Class II

c) Class III

d) Class IV

2. ข้อใดไม่ใช่ภาวะที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด Acute Decompensated Heart Failure?

a) การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ

b) การรับประทานอาหารเค็มมากเกินไป

c) การออกกำลังกายเบาๆ สม่ำเสมอ

d) ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ

3. ข้อใดเป็น first-line drug ในการรักษา Heart Failure with reduced Ejection Fraction (HFrEF)?

a) ACE inhibitors

b) Calcium channel blockers

c) Digoxin

d) Dobutamine

4. การตรวจทางห้องปฏิบัติการใดที่มีความสำคัญน้อยที่สุดในการวินิจฉัย Acute Heart Failure?

a) BNP หรือ NT-proBNP

b) Chest X-ray

c) Complete blood count

d) ASO titer

5. ผู้ป่วยหญิง อายุ 75 ปี มาด้วย acute heart failure ผล Echo พบ EF 65% ข้อใดเป็นสาเหตุที่เป็นไปได้มากที่สุด?

a) Dilated cardiomyopathy

b) Hypertensive heart disease

c) Myocardial infarction

d) Valvular heart disease

6. อาการใดที่ไม่ใช่ลักษณะของ Right-sided heart failure?

a) Peripheral edema

b) Orthopnea

c) Hepatomegaly

d) Ascites

7. ในผู้ป่วย Acute Heart Failure ข้อใดเป็นข้อบ่งชี้ในการใช้ Inotropic drugs?

a) Hypertensive emergency

b) Cardiogenic shock

c) Mild congestion

d) Stable blood pressure

8. การรักษาผู้ป่วย Heart Failure with preserved Ejection Fraction (HFpEF) ข้อใดถูกต้องที่สุด?

a) เน้นการให้ยา beta-blockers เป็นหลัก

b) ควบคุมความดันโลหิตและ volume status

c) ให้ยา ACE inhibitors เป็นอันดับแรก

d) หลีกเลี่ยงการใช้ยาขับปัสสาวะ

9. ข้อใดเป็นข้อห้ามในการใช้ beta-blockers ในผู้ป่วย Heart Failure?

a) Bradycardia (HR < 50)

b) Mild renal dysfunction

c) Type 2 Diabetes

d) Stable angina

10. การติดตามผู้ป่วย Heart Failure ควรประเมินสิ่งใดเป็นอันดับแรก?

a) การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัว

b) ระดับ BNP

c) Chest X-ray

d) Exercise capacity

เฉลย:

1. c) Class III

2. c) การออกกำลังกายเบาๆ สม่ำเสมอ

3. a) ACE inhibitors

4. d) ASO titer

5. b) Hypertensive heart disease

6. b) Orthopnea

7. b) Cardiogenic shock

8. b) ควบคุมความดันโลหิตและ volume status

9. a) Bradycardia (HR < 50)

10. a) การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัว

ข้อมูล Claude Ai

Gemini Ai

BETTERCM 25.02.09

โฆษณา

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน

🌀ทำไมถึงหัวใจวาย🌀

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน