10 ก.พ. เวลา 13:35 • ข่าวรอบโลก
สหรัฐอเมริกา

ทรัมป์แรงไม่ตก ดูสิ...ตอนนี้เขากำลังใช้มาตรการรุนแรงต่อเพื่อนร่วมชาติของเขาเอง

เมื่อทรัมป์ใช้มาตรการเด็ดขาด ลดพนักงานสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (United States Agency for International Development(USAID)) จาก12,000 คนจะถูกคัดออกเหลือ 294 คน
1
9 กุมภาพันธ์ 2568 ข่าว มัสก์ประกาศในเวลาท้องถิ่นครั้งที่ 3 ว่าหลังจากได้รับความยินยอมจากทรัมป์แล้ว
สำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) ซึ่งรับผิดชอบในการให้ความช่วยเหลือต่างประเทศที่ไม่ใช่ทางทหาร จะถูกปิดตัวลงอย่างสมบูรณ์
5
นี่จะ ส่งผลให้ช่องทางการช่วยเหลือต่างประเทศของสหรัฐฯ ถูกปิดกั้นมากยิ่งขึ้น
รายงานจากสำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า มีแหล่งข่าว 4 แหล่งเปิดเผยต่อสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 6 ต.ค. ว่ารัฐบาลทรัมป์มีแผนจะลดจำนวนพนักงานของสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) ทั่วโลกกว่า 10,000 คน ให้เหลือต่ำกว่า 300 คน
เท่าที่ทราบแผนดังกล่าวรายงานว่าจะมีพนักงาน USAID เพียง 294 คนเท่านั้นที่จะสามารถรักษางานของตนไว้ได้ โดย 12 คนอยู่ในสำนักงานแอฟริกาและ 8 คนอยู่ในสำนักงานเอเชีย
ตามข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของรัฐสภาสหรัฐฯ สำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ มีพนักงานมากกว่า 10,000 รายทั่วโลก
โดยสองในสามของพนักงานดังกล่าวทำงานในต่างประเทศ
เป็นเวลานานแล้วที่สำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกาถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในระดับนานาชาติ
เกี่ยวกับการให้ทุนสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ เช่น การแทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่นในนามของความช่วยเหลือต่างประเทศ
รายงานระบุว่านับตั้งแต่ประธานาธิบดีทรัมป์เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 มกราคมปีนี้ USAID ก็ตกเป็นเป้าหมายของแผนการปรับโครงสร้างของรัฐบาล
ซึ่งนำโดยมัสก์ ผู้ประกอบการชาวอเมริกัน ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของทรัมป์
สำนักข่าวรอยเตอร์กล่าวว่ากระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ไม่ขอแสดงความคิดเห็น
รูปถ่ายเอกสารภายในที่ต้องสงสัยถูกแชร์ว่อนบนแพลตฟอร์ม X โดยแสดงให้เห็นว่าสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ (National Institute of Allergy and Infectious Diseases(NIAID)) และ USAID
ซึ่งนำโดยแอนโธนี เฟาซี จัดสรรเงินทุนกว่า 40 ล้านดอลลาร์ให้กับนักวิทยาศาสตร์ในเมืองอู่ฮั่นเพื่อศึกษา "การกลายพันธุ์ของไวรัสโคโรนาในค้างคาว"
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสำนักงานเพื่อการพัฒนาการระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกาได้ออกประกาศเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ โดยระบุว่า
ตั้งแต่เวลา 23:59 น. ตามเวลาตะวันออกของวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568 บุคลากรที่ได้รับการว่าจ้างโดยตรงของหน่วยงานทั่วโลกทั้งหมดต้อง "ลาออก"
โดยมีบุคลากรที่ได้รับการแต่งตั้งเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับยกเว้น
ประกาศดังกล่าวระบุว่า สำหรับบุคลากรของ USAID ที่ประจำการอยู่ภายนอกสหรัฐอเมริกาในปัจจุบันนั้น
หน่วยงานกำลังจัดทำแผนเพื่อจัดเตรียมให้พวกเขาเดินทางกลับสหรัฐอเมริกาภายใน 30 วัน
บุคลากรที่ได้รับมอบหมายที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานต่อจะได้รับแจ้งภายในเวลา 15.00 น. ตามเวลาตะวันออกของวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568
นายมาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ กล่าวว่า
รัฐบาลทรัมป์พยายามปฏิรูปสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ แต่กลับถูกตอบโต้ด้วย "การไม่เชื่อฟังอย่างเห็นได้ชัด" และ "ไม่ให้ความร่วมมือใดๆ"
1
ดังนั้น "จึงสามารถใช้มาตรการ(ยาแรง)ที่สำคัญเท่านั้นเพื่อควบคุมสถานการณ์"
นั่นเป็นเพราะ ผู้คนรวมตัวกันด้านนอกอาคารรัฐสภาในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 เพื่อประท้วงการตัดสินใจของประธานาธิบดีทรัมป์และอีลอน
มัสก์ที่ต้องการปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลาง USAID พนักงานรัฐบาลจึงยื่นฟ้องประธานาธิบดีทรัมป์และสมาชิกในรัฐบาลเมื่อวันพฤหัสบดี (6 กุมภาพันธ์) กลับ
เพื่อป้องกันไม่ให้มีการยุบสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID)
พนักงานรัฐบาลกลางของสหรัฐฯ ยื่นฟ้องประธานาธิบดีทรัมป์และสมาชิกในรัฐบาลของเขา
เพื่อพยายามป้องกันไม่ให้มีการยุบสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ
เพื่อป้องกันมิให้พนักงานของ(USAID)และหน่วยงานต่างๆเกือบ 10,000 รายต้องเผชิญกับการเลิกจ้างก่อนเที่ยงคืนวันศุกร์
แรนดี้ เชสเตอร์ รองประธานสมาคมการบริการต่างประเทศแห่งอเมริกา (The American Foreign Service Association (AFSA)) ซึ่งเป็นองค์กรในเครือของสำนักงานพัฒนาการระหว่างประเทศของสหรัฐฯ กล่าวในการแถลงข่าวว่า
การเลิกจ้างดังกล่าวจะทำให้จำนวนพนักงานทั่วโลกลดลงจาก 10,000 คนเหลือ 294 คน
1
คดีนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อขอให้มีคำสั่งห้ามไม่ให้มีการเลิกจ้าง
“พนักงานที่เหลือจะถูกพักงาน แต่เราคิดว่านี่อาจส่งผลให้ต้องเลิกจ้าง” เขากล่าว
Business Insider อ้างแหล่งข่าวที่ระบุว่าจะมีพนักงานเหลืออยู่เพียง 12 คนหรือน้อยกว่านั้นในแอฟริกาใต้สะฮารา
การเคลื่อนไหวของรัฐบาลทรัมป์ในการตัดหน่วยงานช่วยเหลือต่างประเทศจะทำให้สัญญาที่จัดการโดย USAID ในต่างประเทศหยุดชะงักไปด้วย
ทางหน่วยงานได้ประกาศว่า ยกเว้น “สถานการณ์พิเศษ” พนักงานเกือบทั้งหมดจะถูกพักงาน เริ่มตั้งแต่เวลา 23.59 น.
มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รักษาการผู้อำนวยการ กล่าวว่า
USAID จะทำงานร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อจัดตารางการกลับมาทำงานของพนักงาน(ที่เหลือ)ภายใน 30 วัน
2
สหพันธ์พนักงานรัฐบาลอเมริกัน( American Federation of Government Employees (AFGE) ) ซึ่งเป็นตัวแทนของพนักงานรัฐบาลประมาณ 800,000 คน และสมาคมบริการต่างประเทศอเมริกัน ได้ยื่นฟ้องเมื่อวันพฤหัสบดี
โดยระบุชื่อ หลักๆ คือ ประธานาธิบดีทรัมป์, รูบิโอ, รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสก็อตต์ เบสเซนต์, กระทรวงการต่างประเทศ,USAID และกระทรวงการคลัง เป็นผู้ต้องหา
1
ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้งทรัมป์และอีลอน มัสก์ หัวหน้าฝ่ายประสิทธิผลของรัฐบาลทำเนียบขาว (DOGE) ต่างวิพากษ์วิจารณ์หน่วยงานนี้ว่า
ใช้ทรัพยากรอย่างฟุ่มเฟือยและสนับสนุนวาระฝ่ายซ้ายสุดโต่ง เออ...นั่นสิ อีลอน มัสก์ หลุดจากโพลยื่นฟ้องได้ยังไงเนี่ยยยยย...
1
โฆษกทำเนียบขาว แคโรไลน์ ลีวิตต์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันอังคารว่าเงินทุนของ USAID บางส่วนถูกนำไปใช้
ได้แก่ 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อส่งเสริมความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการรวมกลุ่ม (DEI) ในสถานที่ทำงานในเซอร์เบีย
70,000 เหรียญสหรัฐ เพื่อผลิตละครเพลง(DEI) ในไอร์แลนด์
47,000 เหรียญสหรัฐ เพื่อผลิตโอเปร่าเกี่ยวกับบุคคลข้ามเพศในโคลอมเบีย
และ 32,000 เหรียญสหรัฐ เพื่อจัดพิมพ์หนังสือการ์ตูนเกี่ยวกับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกลุ่ม LGBTQ ในเปรู
วุฒิสมาชิกเอริค ชมิตต์ ได้เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีเช่นกันว่า USAID ได้จัดสรรทุนการศึกษา "ด้านความหลากหลายและการมีส่วนร่วม" มูลค่า 45 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ให้กับเมียนมาร์ .....เฮ้ยยยยยยย จริงดิ!!!
1
เงินทุน 20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ให้กับอิรักเพื่อจัดทำรายการ Sesame Street
เงินทุน 11 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อชี้แนะให้เวียดนามหยุดการเผาขยะ
และเงินทุน 56 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในอียิปต์และตูนิเซีย
นอกจากนี้ มัสก์ยังได้ส่งต่อโพสต์ดังกล่าวบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ โดยระบุว่า
USAID ได้ลงทุน 53 ล้านดอลลาร์ใน EcoHealth Alliance ซึ่งได้นำเงินของผู้เสียภาษีชาวอเมริกันเหล่านี้
ไปใช้สนับสนุนการวิจัยเกี่ยวกับการทำงานของไวรัสโคโรนาของห้องปฏิบัติการในเมืองอู่ฮั่น
การวิจัยครั้งนี้มีแนวโน้มที่จะนำไปสู่การสร้างไวรัส COVID-19
2
โฆษณา