เมื่อวาน เวลา 11:00 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

The Day of the Jackal | 7.7/10

เราคงรู้จักตัวละคร เจสัน บอร์น (Jason Bourne) ดีเพราะสร้างมาหลายตอน และตอนนี้หลายคนก็คงได้ดูหนังซีรีส์ The Day of the Jackal แล้ว รู้ไหมว่าสองเรื่องนี้มีอะไรที่ตรงกัน?
มีสามข้อ
ข้อ 1 ทั้งสองเรื่องมีตัวละครหลักเป็นนักฆ่าเหมือนกัน
ข้อ 2 ทั้งสองเรื่องมีตัวละครคนร้ายคือ The Jackal เหมือนกัน
ข้อ 3 ทั้งสองเรื่องเขียนในยุค 70-80 แบบ old school และถูกแปลงเป็นหนังปัจจุบันจนกลายเป็นหนังคนละม้วน
รอเบิร์ต ลัดลัม เปิดตัว เจสัน บอร์น ในนวนิยายเรื่อง The Bourne Identity (1980) นิยายเรื่องนี้สนุกมาก ตัวเอก เจสัน บอร์น ตามล่าคนร้ายฉายา The Jackal
แต่เป็นคนละ Jackal กับในเรื่อง The Day of the Jackal
Jackal ใน The Bourne Identity เป็นผู้ก่อการร้ายชื่อ Ilich Ramírez Sánchez ฉายา Carlos the Jackal
Carlos the Jackal มีตัวตนจริง เป็นผู้ก่อการร้ายชาวเวเนซูเอลาที่ดังมากสมัยผมเป็นหนุ่ม เขาทำงานโดยได้รับความคุ้มครองจากเคจีบีและตำรวจลับเยอรมนีตะวันออก ตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่ในคุกฝรั่งเศส
ส่วน The Day of the Jackal (1971) เป็นนวนิยายเขียนโดย เฟรเดอริก ฟอร์ไซธ์ นักเขียนชาวอังกฤษ สนุกมากเช่นกัน
ตัวเอกเป็นนักฆ่าอาชีพ ฉายา The Jackal เรื่องนี้เน้นการลอบสังหารเป้าหมายรายเดียวคือนายพลชาร์ลส์ เดอ กอลล์ ประธานาธิบดีของฝรั่งเศส
The Day of the Jackal ฉบับนวนิยายเขียนดี กระชับ สนุก เรื่องการตามล่านักฆ่าแบบชิงไหวชิงพริบ (cat-and-mouse game)​ ให้รายละเอียดของการสร้างปืนพิเศษสำหรับการลอบสังหาร ฯลฯ
ปีนี้ The Day of the Jackal กลายเป็นซีรีส์ 10 ตอน (และกำลังจะต่อซีซัน 2)
ในการการแปลงเรื่องเก่ายุค 70-80 (ที่ยังไม่มีสมาร์ทโฟน) มาเป็นหนังร่วมสมัยที่สู้กันด้วยข้อมูลดิจิตัล หนังชุด Jason Bourne ฉบับ Paul Greengrass ทำได้ดีกว่า The Day of the Jackal ฉบับซีรีส์ กระชับกว่า แต่ที่สำคัญที่สุดพล็อตเรื่องชัดเจนกว่า
The Day of the Jackal ฉบับซีรีส์เป็นหนังคนละม้วนกับฉบับหนังสือ แทบจะเอามาแต่ชื่อตัวละครกับการทำปืน เพราะเมื่อเรื่องต้นฉบับสั้นกระชับ เมื่อขยายเป็นซีรีส์ 10 ตอน ก็ไม่มีทางเลือกคือเติมน้ำเข้าไป
ผู้เขียนบทก็เพิ่มตัวละครครอบครัวฝั่งนักฆ่า ฝั่งนักล่า ฝั่งเหยื่อ
สำหรับนักฆ่าที่ต้นฉบับเด่นเพราะถึงตอนจบก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร ทิ้งไว้เป็นปริศนา ในฉบับซีรีส์ใส่ลูก ใส่เมีย ใส่แม่ยาย ใส่น้องเขยเข้ามาในเรื่อง บวกดรามาเข้าไป จนนึกว่าเป็นหนังชิงมรดกเจ้าคุณไปเสียแล้ว
นักอ่านที่ไม่เคยอ่านงานของ เฟรเดอริก ฟอร์ไซธ์ จะไม่รู้ว่าคุณลักษณ์เฉพาะของงานของเขาคือ plot-based เน้นที่พล็อต ไม่สนใจดรามาหรือ emotion ว่ากันที่ความสนุกของพล็อตล้วนๆ (แนวทางเดียวกับ ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน) เมื่อใส่เมโลดรามาเข้าไป มันก็หลุดจากคอนเส็ปต์ และไม่แตกต่างจากงานทริลเลอร์ชุดอื่นๆ ในตลาด
หนังยุคนี้เป็นอย่างนี้ไปหมด ต้องใส่ดรามา ใส่ปม ใส่เหตุผลว่าทำไมต้องฆ่า โดนบีบคั้นมาอย่างไร ทะเลาะกับคู่ยังไง ฯลฯ
มันจึงกลายเป็น The Day of the Jackal and Family
นี่ไม่ได้บอกว่า The Day of the Jackal ฉบับซีรีส์ไม่ดี แต่หากวิจารณ์ในแง่พล็อตอย่างเดียว เรื่องก็เลอะเทอะไป ใส่ดรามามากมายจนกลายเป็นละคร พล็อตกระจัดกระจาย More is less.
หนังสนุกเป็นช่วงๆ โดยเฉพาะช่วงการลอบสังหาร การทำปืน ที่เหลือไปกันใหญ่ แทนที่จะจดจ่อกับ cat-and-mouse game ก็กลายเป็นดรามาของ cat กับดรามาของ mouse ที่ไม่ส่งผลอะไรต่อแกนเรื่อง
อย่างไรก็ตาม การคัดนักแสดง Eddie Redmayne มารับบท The Jackal นั้นถูกต้อง เหมาะสมทุกประการ เขาจับตัวละครอยู่ (จะไม่แปลกใจหากเขาได้รับรางวัลนักแสดงดีเด่น)
แต่การออกแบบตัวละครหลักหญิงทำได้รุ่มร่าม เลอะเทอะ น่าเบื่อ เราไม่รู้สึกมี empathy กับตัวละครคนนี้เลย (เราสงสัยว่าเจ้าหน้าที่เอ็มไอ 6 จะใช้อารมณ์ขนาดนี้หรือ) ตรงกันข้าม เรารู้สึกอินกับตัวละครตัวร้ายมากกว่า
ซีรีส์นี้จะเวิร์กหากทอนลงมาเหลือแค่ 5 ตอน ตัดแม่ยายทิ้งไปด้วยโดยด่วน (ใส่มาทำ'ไร หือ!)
โดยรวมหนังสนุก ให้ความบันเทิง หลายช่วงทำได้ดี ตื่นเต้น แต่นอกเหนือจากนี้แล้ว ลีลาการผูกเรื่องยังห่างไกลจากฉบับนวนิยาย
7.7/10
HBO Max
วินทร์ เลียววาริณ รวมบทรีวิวหนังจำนวนหลายร้อยเรื่องในหนังสือใหม่ บ้าหนัง 1-4 มีจำหน่ายในรูปอีบุ๊คที่เว็บไซต์ winbookclub.com และที่ MEB (คีย์คำว่า วินทร์ เลียววาริณ)
โฆษณา