10 ก.พ. เวลา 11:28 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

Nvidia ตอนที่ 31: GPU mining

ในช่วงแรกๆ ของบิทคอยน์ การขุดบิทคอยน์ทำโดยการคำนวณค่า hash โดยใช้ CPU เป็นหลัก ซึ่งค่อนข้างช้า อยู่ในหลัก kilohash/sec แต่ในปี 2010 เริ่มมีคนสังเกตเห็นว่า การคำนวณค่า hash มันเป็นปัญหา embassingly parallel คือมันสามารถทำงานขนานกันไปได้ ซึ่งเป็นอะไรที่เหมาะกับ GPU อยู่แล้ว และเริ่มมีคนเขียนโปรแกรมออกมาใช้ความสามารถของ GPU ในการขุดบิทคอยน์ และคริปโตอื่นๆ โดยเร็วกว่าการขุดที่ใช้ CPU เป็นพันเท่า เริ่มวัดกันในหน่วย megahash/sec และเริ่มมีการออกแบบเครื่องที่ใช้ขุดโดยเฉพาะ
หรือที่เรียกว่า mining rig ที่สามารถเสียบ GPU หลายๆ ใบได้พร้อมๆ กัน ทำให้การขุดยิ่งเร็วขึ้นไปอีก และมีการมี mining rig หลายๆ ตัวมาทำงานด้วยกัน จนเกิดเป็น mining farm
ส่วนอีกทาง มีการพัฒนา ASIC หรือชิปที่ออกแบบมาโดยเฉพาะในการขุด ซึ่งอาศัยการออกแบบโดยเฉพาะให้สามารถคำนวณค่า hash SHA-256 โดยเฉพาะ โดยเริ่มมาตั้งแต่ปี 2012 ซึ่งในช่วงนั้นมีประสิทธิภาพสูงกว่า GPU ขึ้นไปอีกประมาณ 200 เท่า และวัดกันในหน่วย gigahash/sec ไปจนถึง terahash/sec
จนในช่วงที่ราคาบิตคอยน์สูงขึ้นในช่วงปี 2018 เริ่มมีคนเอา Nvidia GPU ไปทำเป็น mining rig กันอย่างจริงจัง จน GPU ขาดตลาด และทำให้คนเล่นเกมไม่ค่อยพอใจ
ในตอนแรก Nvidia ก็ไม่ได้ทำอะไร แต่พอกระแสแรงมากๆ ในปี 2021 Nvidia จึงเริ่มออกแบบ Geforce RTX 30 Series ที่ตั้งใจออกแบบให้คำนวณค่า hash ช้ากว่าปกติ 50% และออก Nvidia CMP ที่เอาไว้คำนวณค่า hash ในตระกูลอีเธอร์เรียมออกมาต่างหาก
แต่กระแสคริปโตอยู่ไม่นาน ฤดูหนาวคริปโตในปี 2022 ทำให้กระแสเห่อคริปโตหายไปพอสมควร ราคาบิตคอยน์ และอีเธอร์เรียมที่ลดลง ทำให้การขุดขาดทุน จนไม่คุ้มค่าไฟ และมีคนเอาการ์ดจอ Nvidia ที่้เคยใช้ขุดมาเลหลังขายกันเป็นจำนวนมาก
แม้ในช่วงคริปโตบูมล่าสุด mining rig ที่ใช้ GPU ก็ไม่กลับมา เพราะอีเธอร์เรียมเปลี่บนไปใช้ Proof of stake ไปแล้ว ส่วนชิป ASIC/FPGA ก็เพิ่มประสิทธิภาพในการขุด จนการใช้ GPU ในการขุดบิทคอยน์ไม่คุ้มค่าอีกต่อไป
โฆษณา