Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Vate's Pharma Scope
•
ติดตาม
14 ก.พ. เวลา 04:20 • สุขภาพ
ยาโซเดียม วาลโปรเอต: เพื่อนแท้หรือศัตรูร้าย? ไขข้อเท็จจริงที่คุณควรรู้
ยาบางชนิดก็เหมือนเพื่อนแท้ที่ช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยได้อย่างดี แต่ยาบางชนิดก็อาจแฝงไปด้วยความเสี่ยงที่เราต้องรู้เท่าทัน วันนี้ผมจะมาพูดคุยถึงยาตัวหนึ่งที่ชื่อว่า "โซเดียม วาลโปรเอต" (Sodium Valproate) ซึ่งเป็นยาที่ใช้กันมานานในการรักษาโรคลมชักและโรคอารมณ์สองขั้ว แต่ก็มีเรื่องราวที่น่าสนใจและข้อควรระวังที่เราต้องมาทำความเข้าใจกันครับ
ทำไมผมถึงเลือกหัวข้อนี้มาพูดคุยกับทุกท่าน? ก็เพราะว่ายาโซเดียม วาลโปรเอต เป็นยาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคจริง แต่ก็มีประเด็นเรื่องความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์และคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ จากงานวิจัยล่าสุดที่เราจะมาดูกันวันนี้ ทำให้ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใกล้ตัวที่เราทุกคนควรรู้ เพื่อให้เราสามารถใช้ยาได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากที่สุดครับ
โซเดียม วาลโปรเอต คืออะไร?
โซเดียม วาลโปรเอต เป็นยาในกลุ่มยากันชัก (Antiseizure drug) ที่ใช้ในการรักษาโรคลมชักมานานหลายสิบปี นอกจากนี้ยังใช้ในการรักษาโรคอารมณ์สองขั้ว (Bipolar disorder) และบางครั้งก็ใช้ในการป้องกันไมเกรนด้วยครับ ยาตัวนี้ทำงานโดยการปรับสมดุลสารเคมีในสมอง ช่วยลดการทำงานของระบบประสาทที่มากเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุของการชักและอาการทางอารมณ์ที่แปรปรวน
มีงานวิจัยที่ศึกษาการใช้ยาโซเดียม วาลโปรเอต ในประเทศอังกฤษและเวลส์ในช่วงปี 2019 ถึง 2023 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายและคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ยาตัวนี้พอดี งานวิจัยนี้ใช้ข้อมูลจากบันทึกสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ระดับประเทศ ทำให้เราเห็นภาพรวมการใช้ยาในประชากรจำนวนมาก และผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างๆ ได้อย่างชัดเจน
ความเสี่ยงที่ต้องรู้: โดยเฉพาะในสตรีวัยเจริญพันธุ์
สิ่งที่น่ากังวลเกี่ยวกับโซเดียม วาลโปรเอต คือ ความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์ครับ ยาตัวนี้เป็นยาที่มีฤทธิ์ก่อให้เกิดความพิการแต่กำเนิด (Teratogenic) ซึ่งหมายความว่า หากคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ใช้ยาโซเดียม วาลโปรเอต ลูกน้อยในครรภ์ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดความผิดปกติได้หลายอย่าง เช่น ความผิดปกติทางร่างกายแต่กำเนิด พัฒนาการทางสมองและระบบประสาทล่าช้า รวมถึงความเสี่ยงต่อการเป็นออทิสติกและสมาธิสั้นในอนาคต
แม้ว่าจะมีคำแนะนำและนโยบายที่เข้มงวดมากขึ้นเกี่ยวกับการใช้ยาโซเดียม วาลโปรเอต ในสตรีวัยเจริญพันธุ์ แต่ก็ยังพบการใช้ยาในกลุ่มนี้อยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงก่อนและระหว่างการระบาดของโควิด-19 ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงบริการทางการแพทย์และการปฏิบัติตามคำแนะนำด้านความปลอดภัย
นโยบายที่เปลี่ยนไป: ความพยายามลดความเสี่ยง
ด้วยความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์ องค์กรกำกับดูแลยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ (MHRA) ในสหราชอาณาจักร จึงได้ออกคำแนะนำและนโยบายที่เข้มงวดมากขึ้นเกี่ยวกับการใช้โซเดียม วาลโปรเอต ในสตรีวัยเจริญพันธุ์ ตั้งแต่ปี 2013 และเข้มงวดขึ้นอีกในปี 2018 โดยมีใจความสำคัญว่า "ไม่ควรใช้โซเดียม วาลโปรเอต ในสตรีและเด็กผู้หญิงที่สามารถมีบุตรได้ เว้นแต่จะมีโครงการป้องกันการตั้งครรภ์"
และในปี 2022 ยังมีคำแนะนำเพิ่มเติมให้ลดการใช้ยาในผู้ชายด้วย เนื่องจากมีข้อมูลใหม่เกี่ยวกับความเป็นพิษต่อระบบสืบพันธุ์ในผู้ชาย
งานวิจัยยังชี้ให้เห็นว่า นโยบายเหล่านี้ได้ผลในระดับหนึ่งครับ อัตราการใช้โซเดียม วาลโปรเอต ในสตรีวัยเจริญพันธุ์มีแนวโน้มลดลงอย่างช้าๆ ทั้งก่อนและระหว่างการระบาดของโควิด-19 ในขณะที่การใช้ยาอื่นในกลุ่มยากันชัก เช่น ลามอทริจีน (Lamotrigine) และเลเวทิราซีแทม (Levetiracetam) กลับมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแพทย์และผู้ป่วยตระหนักถึงความเสี่ยงและพยายามเปลี่ยนไปใช้ยาทางเลือกอื่นที่มีความปลอดภัยกว่า
ตัวเลขที่น่าสนใจจากงานวิจัย
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น ผมขอสรุปตัวเลขที่น่าสนใจดังนี้ครับ
1. อัตราการใช้ยาที่ลดลง: อัตราการใช้โซเดียม วาลโปรเอต ในสตรีวัยเจริญพันธุ์ลดลงในทุกกลุ่มอายุระหว่างปี 2019 ถึง 2022 ตัวอย่างเช่น ในกลุ่มอายุ 30-39 ปี อัตราการใช้ยาใหม่ (Incident use) ลดลงจาก 14 รายต่อ 100,000 คน เป็น 7 รายต่อ 100,000 คน
2. การใช้ยาในระหว่างตั้งครรภ์: จำนวนสตรีที่ใช้โซเดียม วาลโปรเอต ในระหว่างตั้งครรภ์ลดลงจาก 140 รายในปี 2019 เป็น 85 รายในปี 2023
3. โรคที่เป็นข้อบ่งชี้หลัก: โรคลมชักยังคงเป็นข้อบ่งชี้หลักในการใช้โซเดียม วาลโปรเอต ในสตรีวัยเจริญพันธุ์ รองลงมาคือโรคอารมณ์สองขั้ว
4. การใช้ยาควบคู่: ประมาณ 30% ของสตรีวัยเจริญพันธุ์ที่ใช้โซเดียม วาลโปรเอต ใช้ยาอื่นในกลุ่มยากันชักควบคู่ไปด้วย ซึ่งอาจบ่งบอกถึงความรุนแรงของโรคหรือการควบคุมอาการที่ยังไม่ดีพอ
ข้อคิดส่งท้าย: ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัย
จากข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมา ผมหวังว่าทุกท่านจะเข้าใจถึงความสำคัญและข้อควรระวังในการใช้ยาโซเดียม วาลโปรเอต มากขึ้นนะครับ ยาตัวนี้มีประโยชน์ในการรักษาโรคจริง แต่ก็มีความเสี่ยงที่เราต้องตระหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสตรีวัยเจริญพันธุ์และคุณแม่ที่กำลังวางแผนจะมีบุตร
สิ่งที่ผมอยากฝากไว้คือ หากคุณหรือคนใกล้ชิดกำลังใช้ยาโซเดียม วาลโปรเอต หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้ยา โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญนะครับ อย่าปรับยาหรือหยุดยาเองโดยเด็ดขาด เพราะอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ การพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณมากที่สุด
แล้วพบกันใหม่ในบทความต่อไปนะครับ หากมีหัวข้อที่ท่านผู้อ่านสนใจอยากให้ผมพูดถึง สามารถแนะนำมาได้เลยครับ ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะนำความรู้และประสบการณ์มาแบ่งปันให้ทุกท่านครับ 😊
เอกสารอ่านเพิ่มเติม
1.
https://bmjmedicine.bmj.com/content/3/1/e000760
สุขภาพ
ความรู้รอบตัว
บันทึก
4
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย