11 ก.พ. เวลา 07:04 • กีฬา

มอร์แกน โรเจอร์ส : อาวุธสุดเซอร์ไพรส์แห่ง แอสตัน วิลล่า ผู้ใช้ท่าดีใจ "หนาว" คนแรก | Main Stand

นักเตะอังกฤษที่ฟอร์มดีที่สุดในพรีเมียร์ลีกซีซั่น 2024-25 คือใครสำหรับคุณ ? และถ้าคุณลองเอ่ยมาสักชื่อ เราเชื่อว่าจะมีชื่อของ มอร์แกน โรเจอร์ส ปรากฏขึ้นมาอย่างแน่นอน
ไม่ว่าจะด้วยสถิติตัวเลข และการเห็นเขาเล่นด้วยตาเปล่า นี่คือนักเตะที่มีพัฒนาการโดดเด่นและเป็นตัวรุกที่อันตรายที่สุดในพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ไปแล้ว
ไม่น่าเชื่อว่านี่คือการเล่นพรีเมียร์ลีกแบบเต็ม ๆ เป็นปีแรกของเขา จากนักเตะที่ไม่เคยมีใครรู้จัก กลายเป็นอาวุธลับสุดเซอร์ไพรส์แห่งปีของ แอสตัน วิลล่า ได้อย่างไร ?
1
ติดตามเรื่องราวของ มอร์แกน โรเจอร์ส กับ Main Stand
ไม่ได้ดังตั้งแต่เด็ก
นักเตะอังกฤษหลายคน หากจะดัง ส่วนใหญ่มักจะมีชื่อเสียงและได้รับการคาดหวังมาตั้งแต่ยังเด็ก ตั้งแต่เล่นในรุ่น ยู 18 หรือ ยู 21 อะไรประมาณนั้น
ทว่า มอร์แกน โรเจอร์ส นั้นค่อนข้างจะเติบโตมาอย่างแตกต่าง ปัจจุบันเขาอายุ 22 ปี และเขาเคยผ่านการค้าแข้งมาแล้วกับ 7 สโมสร เรียกได้ว่าเป็นเด็กที่โดนส่งยืมตัวไปโน่นมานี่ หาที่ลงได้บ้าง ไปแล้วไม่ได้เล่นบ้างมาโดยตลอด ยากที่ใครจะคิดว่า ณ วันหนึ่ง เขาจะกลายเป็นดาวเด่นเหมือนกับที่เป็นในทุกวันนี้
โรเจอร์ส เป็นนักเตะเยาวชนของ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ในช่วงเริ่มแรก โดยเข้าทีมอคาเดมี่ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ และนักเตะในตำแหน่งปีกซ้ายก็ใช้จุดเริ่มต้นจากตรงนั้นต่อยอดมาจนถึงการเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของเวสต์บรอมครั้งแรกตั้งแต่อายุ 16 ปีเท่านั้น ... ถ้าจะเรียกให้ถูกก็ต้องเรียกว่าเป็น “ไมโครวันเดอร์คิด” กล่าวคือไม่ได้ดังทะลุฟ้าตั้งแต่ยังเด็ก หรือเปิดตัวเปรี้ยงแบบพวก มาร์คัส แรชฟอร์ด, เจดอน ซานโช่ และ จู๊ด เบลลิงแฮม อะไรประมาณนั้น
ในช่วงวัยเด็ก โรเจอร์ส ถือเป็นพรสวรรค์แห่งเมืองเบอร์มิงแฮม เพราะถือเป็นเด็กตัวท็อปในระดับฟุตบอลโรงเรียน ในปี 2017 เขาพาทีมโรงเรียนแซนด์เวล สร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมโรงเรียนทีมแรกที่ป้องกันแชมป์ระดับประเทศได้เป็นทีมแรก ด้วยการเอาชนะ โรงเรียนเรเวนส์วูด 3-0
ชัยชนะในวันนั้นทำให้หนังสือพิมพ์เบอร์มิงแฮมเมลลงข่าวเกี่ยวกับเขาว่า "นิว เดเล่ อัลลี ถือกำเนิดแล้ว ! มอร์แกน โรเจอร์ส สูงใหญ่ ว่องไว และเล่นได้ทุกตำแหน่งในเกมรุก ยิงประตูจากทุกระยะด้วยสายตาที่เฉียบคมเหมือนกับแข้งของ ท็อตแน่ม (หมายถึง อัลลี) ไม่มีผิด"
หลังจากข่าวนั้นตีพิมพ์ออกไปไม่นาน ชื่อเสียงของแข้งพรสวรรค์แห่งเบอร์มิงแฮมก็ดังขึ้นในทันที โรเจอร์ส ได้รับโอกาสติดทีมชาติอังกฤษชุดยู 16 ก่อนช่วยให้ทีมสิงโตคำรามจูเนียร์คว้าอันดับ 3 ในรายการ มอนเตกิว ทัวร์นาเมนต์ ที่ประเทศฝรั่งเศส และขยับขึ้นมาติดชุดยู 17 โดยนัดแรกเขายิงแฮตทริกช่วยให้ อังกฤษ เอาชนะ เบลเยียม ไป 5-2 ในรายการ ซีเรนก้า คัพ ในประเทศโปแลนด์
ดาร์เรน มัวร์ โค้ชของ อัลเบี้ยน ในเวลานั้นรีบออกมารับลูกว่า อีกไม่นาน โรเจอร์ส จะเป็นผู้เล่นชุดใหญ่เต็มตัว และเป็นนักเตะที่สโมสรพร้อมจะสร้างทีมโดยมีเขาเป็นศูนย์กลาง และภายในอายุไม่เกิน 18 ปี โรเจอร์ส จะพร้อมสำหรับทุกอย่าง
"สำหรับเด็กคนอื่นอาจจะใช่ แต่สำหรับเด็กคนนี้ไม่มีคำว่าเร็วเกินไป ... ตอนนี้เขาสูงเกิน 180 เซนติเมตรแล้ว เราเช็คสมรรถภาพร่างกายของเขาอยู่ตลอด และพบว่าอีกไม่นานเขาจะพร้อมเต็มที่สำหรับเกมระดับซีเนียร์ เขาเป็นคนที่มีโอกาสจะก้าวขึ้นมาในทีมชุดใหญ่มากกว่าใคร ๆ และผมคิดว่าเขาจะโตวันโตวันคืน เพราะผมมั่นใจว่า มอร์แกน เก่งพอที่จะประสบความสำเร็จในระยะยาวได้" มัวร์ ว่าแบบนั้น
นกกระจอกไม่ทันกินน้ำ ดาร์เรน มัวร์ วางแผนสำหรับ โรเจอร์ส ไว้ไม่นานนัก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรที่มีระบบเยาวชนดีที่สุดในประเทศอังกฤษติดต่อเข้ามาทาง เวสต์บรอมฯ และพร้อมจะจ่ายค่าตัวถึง 5 ล้านปอนด์ สำหรับเด็กอายุ 16 ปีคนนี้ในปี 2019 ... นี่คือราคาที่สโมสรระดับ เวสต์บรอมฯ ต้องคิดหนักว่าจะยอมปล่อยไปหรือไม่ เพียงแต่ว่าตัวของนักเตะเองก็มีหัวใจที่เรียกร้องอยากจะไปพิสูจน์ตัวเอง และท้าทายกับทีมและเวทีที่ใหญ่กว่า ดังนั้นการย้ายทีมจึงเกิดขึ้น
ก่อนที่ มอร์แกน โรเจอร์ส จะเปิดตัวกับ แมนฯ ซิตี้ ไม่กี่วัน ดาร์เรน มัวร์ ออกมายืนยันว่า นี่คือการปล่อยนักเตะที่เขารู้สึกว่าฝืนใจที่สุด ส่วนมุมมองของเขาที่มีต่อดีลนี้ก็คือ เขาคาดหวังจะให้ โรเจอร์ส ใช้ความอดทนให้มาก เพราะที่อคาเดมี่ของ แมนฯ ซิตี้ นั้นมีเด็กเก่ง ๆ เหมือนกับเขาหรืออาจจะเก่งกว่าเขามากมายหลายคน ถ้าใจไม่เด็ดเดี่ยวพอ มีโอกาสที่ความมั่นใจที่สั่งสมมาจะโดนทำลาย
เสียงเตือนจบลงแค่นั้น และสัญญาแห่งเช้าวันใหม่ก็เริ่มขึ้นที่ตอนเหนือ ... ชีวิตใหม่ในแมนเชสเตอร์ ของเขาเริ่มขึ้นแล้ว
ท่ามกลางเหล่าพรสวรรค์
แมนฯ ซิตี้ คือทีมที่ลงมือลงเงินกับระบบเยาวชนกว่า 300 ล้านปอนด์ พวกเขาคว้าตัวเด็กเก่ง ๆ จากทั่วประเทศ และในช่วงที่ยังไม่มีการจำกัดอายุสำหรับนักเตะต่างชาติ พวกเขาก็ใช้เครือข่าย ซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ป นำเด็กระดับหัวกะทิของหลายประเทศในโลกใบนี้ มารวมตัวกันที่อคาเดมี่ของพวกเขา
โรเจอร์ส อาจจะได้ฟังคำเตือนของ มัวร์ แล้ว แต่เขาอยากจะมาที่นี่เพราะแบบนั้น เขาเล่าถึงการตัดสินใจครั้งดังกล่าวว่า จะเร็วจะช้าก็ต้องเจอการแข่งขันที่เข้มข้นทั้งจากเพื่อนร่วมทีมและคู่แข่งอยู่ดี การที่เขาออกจากเซฟโซนและมาที่นี่ มันเป็นอีกหนทางในการทดสอบความสามารถและจิตใจของตัวเอง ว่าจะยืนหยัดท่ามกลางเหล่าเด็กมีพรสวรรค์จากทั่วโลกได้หรือไม่
เพื่อนร่วมรุ่นของเขามีหลายคน หลัก ๆ แล้วคือ โคล พาลเมอร์ ที่กำลังสร้างชื่อเสียงตีคู่กันในปัจจุบัน ส่วนคนที่รับหน้าที่ดูแลเรื่องพัฒนาการของเด็ก ๆ ที่นี่คือ ไบรอัน แบร์รี่-เมอร์ฟี่ โค้ชทีมอคาเดมี่ที่ปัจจุบันเป็นผู้ช่วยของ รุด ฟาน นิสเตลรอย ที่ เลสเตอร์ ซิตี้
แบร์รี่-เมอร์ฟี่ ชอบใจ โรเจอร์ส ตรงเรื่องของสมรรถภาพทางร่างกายเป็นพิเศษ แม้เรื่องเซ้นส์บอลหรือระดับพรสรรค์อาจจะไม่ใช่คนที่อยู่เบอร์ 1 แต่ถ้าเอาเรื่องทัศนคติและร่างกาย แบร์รี่-เมอร์ฟี่ มองว่าเป็นส่วนผสมที่ลงตัว เรียกได้ว่าในรุ่นเดียวกันคนที่เร็ว แรง ทะลุนรกแบบนี้มีไม่กี่คนเท่านั้น
"คุณไม่ค่อยเห็นนักเตะตัวรุกที่รูปร่างสูงใหญ่แบบนี้หรอกนะ (188 เซนติเมตร) คนที่ร่างกายระดับนี้มักจะมีข้อจำกัด แต่ มอร์แกน เร็วและมีทักษะส่วนตัวที่ดีมาตั้งแต่ต้นแล้ว เรื่องเทคนิคการเล่นของเขาหายห่วง และคุณคาดหวังจากจุดแข็งเหล่านี้ของเขาได้" แบร์รี่-เมอร์ฟี่ ว่าเช่นนั้น
"คุณสมบัติที่เขามี สามารถทำให้เขาพาบอลกินพื้นที่ได้ระยะไกลมาก ๆ เขาน่าจะเกิดมาเพื่อวิธีการเล่นแบบนั้นเพราะเขามีความสามารถในการเล่นเฟิร์สทัชที่เนียน การรับบอล การหมุนตัวเปลี่ยนทิศทางการวิ่ง ทำได้เร็วและลื่นไหลมาก การเคลื่อนที่เขาของเขา ถ้าคุณเห็นเขาตอนที่ยังไม่มีลูกฟุตบอล คุณอาจจะประเมินเขาต่ำไป แต่ถ้าเขาได้บอลเมื่อไหร่ เขาจะทำให้คุณต้องปวดหัวแน่นอน"
แม้โค้ชเยาวชนจะชอบมาก แต่สำหรับ โรเจอร์ส แล้ว ชีวิตของเขาที่ แมนฯ ซิตี้ ไม่ได้ราบรื่นนัก เขาไม่ได้เด่นทะลุเกินฟ้าเกินหน้าเกินตาใคร ๆ และในขณะที่เขาเป็นคนที่กระหายการลงสนาม มันยิ่งยาก เพราะการขึ้นไปในทีมชุดใหญ่ของ แมนฯ ซิตี้ เป็นอะไรที่ยากเกินไป หลายคนขวางหน้าอยู่ เขาจึงใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการยืมตัว
โรเจอร์ส โดนยืมตัวครั้งแรกไปที่ ลินคอล์น ทีมในระดับลีกวัน และที่นั่นเขาได้ประสานงานคู่กับ เบรนแนน จอห์นสัน (นักเตะ สเปอร์ส ปัจจุบัน) ที่ ณ ตอนนั้น ลินคอล์น ยืมตัวมาจาก น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ... ทั้งคู่ฉีกกองหลังคู่แข่งในระดับลีกวันจนเละเทะ พา ลินคอล์น ที่คุมทีมโดย โจอี้ บาร์ตัน เข้าไปถึงนัดชิงชนะเลิศเพลย์ออฟเลื่อนชั้น ทว่าน่าเสียดายที่พวกเขาต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ อดเลื่อนชั้นไปในท้ายที่สุด
กลับมาที่ แมนฯ ซิตี้ ด้วยประสบการณ์ที่มากขึ้น แต่คำตอบสำหรับทีมชุดใหญ่ยังคงเหมือนเดิม ยังไม่ใช่คิวของเขา แมนฯ ซิตี้ จึงปล่อย โรเจอร์ส ไปยังทีมระดับ แชมเปี้ยนชิพ ในฤดูกาล 2021-22 อย่าง บอร์นมัธ ซึ่งนั่นถือว่าเป็นช่วงเวลาแรก ๆ ในอาชีพที่ โรเจอร์ส ได้ลิ้มรสของความผิดหวังและความเงหงา
เขาแทบไม่ได้เล่นเลยที่ บอร์นมัธ กุนซือ สก็อตต์ พาร์คเกอร์ นิยมการเล่นเกมรับที่ปลอดภัยมากกว่า เขาเริ่มเผชิญกับความผิดหวังและโดดเดี่ยว เขาไม่ได้มีเพื่อนมากนัก และสุดท้ายเขาก็ถูก พาร์คเกอร์ ยกเลิกสัญญา
โรเจอร์ส ใช้เวลาที่เหลือในปี 2022 กลับไปที่อคาเดมีของ ซิตี้ และช่วงเวลานั้นก็เกือบทำให้เขาได้เข้าไปอยู่ในทีมชุดใหญ่ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ด้วยซ้ำ เพราะ เป๊ป เรียก โรเจอร์ส ติดทีม แมนฯ ซิตี้ เล่นเกมกระชับมิตรกับ จีโรน่า ในช่วงกลางฤดูกาล 2021-22 ช่วงพักเบรกฟุตบอลโลก 2022 เขาจึงได้ลงเล่นร่วมกับยอดนักเตะอย่าง เออร์ลิ่ง ฮาลันด์, เควิน เดอ บรอยน์ และ ริยาด มาห์เรซ
ทว่าเมื่อนักเตะของ แมนฯ ซิตี้ ที่เล่นฟุตบอลโลกกลับมาสู่ทีมชุดใหญ่ ประตูของ โรเจอร์ส ก็ถูกปิดลงอีกครั้ง ... ฤดูกาลของเขากับ ซิตี้ จบลงอย่างสมบูรณ์แบบ เพราะทีมส่งเขาไปเล่นกับ แบล็คพูล ด้วยสัญญายืมตัว แต่ทำผลงานได้ไม่ดีนัก
ทุกคนที่ แมนฯ ซิตี้ แทบจะเลิกหวังกับเขาแล้ว เขาพัฒนาช้าเกินไปในมุมมองของสโมสร และถึงเวลาที่ระบบปั้นและขายจะถูกใช้งานกับเขา นักเตะที่ปั้นและไม่สามารถขึ้นชุดใหญ่ได้จะต้องถูกขายเพื่อทำเงิน และนำเงินก้อนดังกล่าวมาใช้สร้างเด็กรุ่นต่อ ๆ ไปแทน
โรเจอร์ส ถูกขายไปให้ มิดเดิลสโบรช์ ในปี 2023 ด้วยราคาแค่ 2 ล้านปอนด์เท่านั้น ราคาของเขาในตอนอายุ 21 ปี ถูกกว่าราคาของเขาตอนที่อายุ 16 ปีด้วยซ้ำ ... เขาไม่ได้ทิ้งอะไรไว้ให้กับ แมนฯ ซิตี้ มากนัก นอกจากท่าดีใจ "หนาว" ที่เขากับเพื่อนซี้อย่าง โคล พาลเมอร์ ร่วมกันคิด และใช้ท่านี้เป็นสื่อกลางในการยินดีกับความสำเร็จของกันและกัน
4 ปีที่ ซิตี้ เหมือนจะเป็นอะไรที่เสียเปล่า เพียงแต่ว่า โรเจอร์ส ไม่ได้คิดแบบนั้น การย้ายทีมครั้งนี้มีความหมายอย่างมากสำหรับเขา เขาได้โอกาสคุยกับ ไมเคิล คาร์ริค อย่างตรงไปตรงมา และนั่นเองทำให้เขาเชื่อว่าถึงแม้จะเป็นการถอยหลัง ก็ขอให้เป็นการถอยหลังที่ทำให้เขาตั้งหลักได้ ส่วนเรื่องการฟื้นฟูอาชีพนั้น ไม่มีคำว่าสายเกินไปในมุมมองของเขา
จากคนถูกคัดทิ้ง สู่นักเตะแถวหน้าของพรีเมียร์ลีก
โรเจอร์ส ในวัย 21 ปี ถูก คาร์ริค ใช้งานในฐานะตัวสร้างสรรค์เกมรุกแบบเต็มรูปแบบ เรียกได้ว่าเวลาที่ทีมสิงห์แดงจะขึ้นเกมรุกแต่ละครั้ง บอลต้องผ่านเท้าของเขาเกินกว่า 60-70%
โรเจอร์ส ทวงคืนทุกอย่างที่ขาดหายไปในช่วง 3-4 ปีหลังที่นี่ เขากลายเป็นตัวหลักในทันที และทำผลงานเป็นตัวรุกที่สร้างสรรค์โอกาสเป็นอันดับ 1 ใน แชมเปี้ยนชิพ ฤดูกาล 2023-24 นอกจากนี้เขายังพาทีมผ่านไปถึงรอบตัดเชือก คาราบาว คัพ พร้อมทั้งเป็นดาวซัลโวของรายการด้วย
สิ่งที่หลายคนบอกเกี่ยวกับตัวเขาตอนอายุ 16 ปี ถูกสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมด คาร์ริค สอนหลายอย่างให้กับ โรเจอร์ส ที่ไม่ใช่เรื่องของการพัฒนาทักษะหรือฝีเท้า แต่สิ่งที่ คาร์ริค เน้นย้ำกับเขามาตลอดคือเรื่องของความคิด และการตั้งเป้าหมายในสิ่งที่ทำแต่ละอย่าง เพราะสิ่งนี้สำคัญมาก ๆ สำหรับนักเตะทุก ๆ คนที่อยากจะไปให้ไกลที่สุดในอาชีพ
"มันยากที่จะพูดว่า คาร์ริค มอบอะไรให้กับผม แต่เขาสอนว่าทำอย่างไรให้กลายเป็นนักเตะที่สมบูรณ์แบบ เราต้องเริ่มกันที่ความคิด และห้ามพอใจกับความสำเร็จในระยะสั้น ๆ คุณไม่สามารถหยุดเดินหน้าหรือหยุดคาดหวังได้ เพราะฟุตบอลมันเหมือนโลกที่หมุนไปข้างหน้าเสมอ"
1
"เขาบอกว่าคุณเราไม่ควรเปิดรับทุกอย่างและปิดรับทุกสิ่ง แต่ก่อนจะทำแบบนั้นได้เราต้องรู้จักตัวเองถึงแก่นแท้ และเราจะได้รู้ว่าอะไรที่เหมาะกับเราที่สุด ... ไมเคิล คาร์ริค เป็นคนที่สมบูรณ์แบบสำหรับผม เขาเรียกร้องและผลักดันผมทุกวันให้ผมพัฒนาตัวเอง นั่นคือขวบปีของผมที่ มิดเดิลสโบรช์" โรเจอร์ส กล่าว
1
โรเจอร์ส อยู่กับ โบโร่ เพียงครึ่งซีซั่นเท่านั้น กลางฤดูกาล 2023-24 เขาถูก แอสตัน วิลล่า ซื้อตัวมาด้วยราคาราว ๆ 13 ล้านปอนด์ ได้กลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง และหนนี้ประสบการณ์ ทัศนคติ ร่างกาย และทักษะของเขาพร้อมแล้วสำหรับการแข่งขันระดับสูง
ภายใต้ทีมที่มีนักเตะเกมรุกระดับท็อปหลายคน ก็ต้องยอมรับว่าหากวัดจากชื่อชั้น โรเจอร์ส ถือเป็นอันดับท้ายเพราะแทบไม่มีโปรไฟล์อะไรมากนัก แต่ถ้าคุณมองที่ปัจจุบันและสิ่งที่เขาทำในสนามคุณจะพบบว่า มอร์แกน โรเจอร์ส โตเกินกว่าจะเป็นดาวรุ่งที่ต้องการโอกาสเพื่อเรียนรู้ไปแล้ว เขาคือตัวแบกของ วิลล่า ที่ อูไน เอเมรี่ ใช้ออกสตาร์ทเป็น 11 ตัวจริงทุกนัดในเกมลีกซีซั่นไปเรียบร้อย
"การเล่นของ มอร์แกน โรเจอร์ส คือสิ่งที่เซอร์ไพรส์มากที่สุดใน แอสตัน วิลล่า ซีซั่นนี้ เขาเล่นอย่างชาญฉลาด ควบคุมเกมดีมาก ๆ เขาไม่ได้พยายามวิ่งหาบอลอย่างบ้าคลั่ง แต่สิ่งที่เขามีพร้อมคือการอ่านเกมล่วงหน้า และไปอยู่ถูกที่ถูกเวลาเสมอ ... นี่คือนักเตะที่คุณดูเขาเล่นและสามารถสนุกไปกับเขาได้เลย" โจ ฮาร์ท ที่รับบทเป็นนักวิจารณ์ว่าแบบนั้น
1
จากนักเตะที่ แมนฯ ซิตี้ คัดทิ้ง ตอนนี้ โรเจอร์ส กลายเป็นนักเตะที่ยิงประตูยัดเยียดความปราชัยให้กับ แมนฯ ซิตี้ ไปเป็นที่เรียบร้อย และทุก ๆ ทีมที่ต้องเจอกับเขาต่างก็รู้ว่าเขาคือหัวใจเกมรุกของ วิลล่า และต้องจับตายให้อยู่หมัด
เพียงแต่ว่ามันไม่ง่ายนัก โรเจอร์ส เด่นขึ้นเรื่อย ๆ ท่ามกลางการแข่งขันแย่ง 11 ตัวจริงที่เข้มข้น อูไน เอเมอรี่ ทำกับเขาเหมือนกับที่ คาร์ริค ทำ สอนให้ไม่รู้จักคำว่าอิ่มสำหรับคำว่าความสำเร็จ และพยายามรีดทุกสิ่งที่เขามีออกมาจนหมด บางครั้งแม้แต่ โรเจอร์ส เองก็ไม่รู้เลยว่าเขามีขีดจำกัดขนาดไหน
ณ ตอนนี้ โรเจอร์ส เล่นให้ วิลล่า ไป 33 นัด ยิงไป 11 ประตูและทำไปอีก 6 แอสซิสต์ ... เขาก้าวขึ้นมาติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ และราคาประเมินในเวลานี้ของเขาก็สูง 40 ล้านปอนด์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แน่นอนว่าเส้นทางอาชีพของเขายังอีกไกล ในวัย 22 ปี ยังเหลืออีกหลายอย่างให้เขาต้องพิชิต และเขาก็ยังรู้ตัวดีว่า น้ำแก้วนี้ที่เขาถือไม่เคยเต็ม ... มันยังว่างพอที่จะให้เขาเติมประสบการณ์และความสำเร็จหลังจากนี้
และสุดท้ายความล้มเหลวระยะสั้นไม่สามารถตัดสินอนาคตของคน ๆ หนึ่งในระยะยาว นอกเสียจากคน ๆ นั้นจะยอมแพ้และถอดใจไปเสียก่อน ... โชคดี่ที่ มอร์แกน โรเจอร์ส ไม่ใช่คนประเภทนั้น และเขากำลังสร้างยุคสมัยของตัวเองขึ้นท่ามกลางความตื่นเต้นของฟุตบอลพรีเมียร์ลีกในเวลานี้
โฆษณา