13 ก.พ. เวลา 11:19 • ไลฟ์สไตล์

“คำปลอบใจที่ไม่มีเสียง...”

เย็นวันศุกร์สุดสัปดาห์—เวลาแห่งการเลิกงานที่ใครหลายคนเฝ้ารอ ฝีเท้าที่รีบเร่งตรงไปยังรถไฟใต้ดิน ต่างคนต่างมีจุดหมายปลายทางของตัวเอง ขบวนรถที่แน่นขนัด ไหล่ชนไหล่กันราวกับคลื่นในทะเลที่ซ้อนทับกันเป็นชั้น ๆ
อีกฟากของประตู ฉันเห็นชายหนุ่มวัยประมาณ 30 ปี ก้มหน้าจ้องโทรศัพท์ เขากำลังแชทกับใครบางคน และที่น่าประหลาดใจกว่านั้น—น้ำตาใส ๆ กำลังค่อย ๆ ไหลลงบนแก้มของเขา
“เขากำลังเผชิญกับความเสียใจ” แต่เป็นเรื่องอะไรนั้น... ไม่มีใครรู้ได้ ทุกครั้งที่ปลายนิ้วของเขาสัมผัสแป้นพิมพ์ น้ำตาก็ไหลมากขึ้น การเงยหน้าขึ้นสบตาผู้คนคงเป็นสิ่งที่ยากที่สุดในเวลานี้
บางครั้ง…การกระทำมีความหมายมากกว่าคำพูดนับพัน
ฉันหยิบกระดาษเช็ดหน้า แล้วยื่นให้เขาเบา ๆ …โดยไม่พูดอะไรสักคำ เพราะฉันรู้ดีว่า เวลานี้ “ไม่ใช่เวลาของคำพูด” ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยผู้คน เสียงปลอบโยนอาจไม่จำเป็นเท่ากับการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สื่อว่า “คุณไม่ได้อยู่คนเดียว”
ชายหนุ่มรับไปอย่างเงียบ ๆ เขาพยักหน้าเป็นเชิงขอบคุณ แต่ฉันรู้ดีว่า…แค่กระดาษเช็ดหน้าแผ่นเดียว คงไม่สามารถลบเลือนความเสียใจของเขาไปได้ ฉันทำได้เพียงสบตาและพยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงถามว่า “ไหวไหม?”
ไร้คำตอบ… มีเพียงกระดาษเช็ดหน้าที่เขายังคงใช้ปิดบังดวงตาที่แดงก่ำไว้
เสียงประกาศแจ้งสถานีปลายทางดังขึ้น ขณะที่ขบวนรถค่อย ๆ ชะลอ ฉันลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือเหมือนจะสัมผัสที่ไหล่เขาเพื่อให้กำลังใจ ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองฉันอีกครั้ง ดวงตาแดงช้ำ ความชื้นจากหยาดน้ำตายังติดอยู่บนใบหน้า
ความเศร้ายังคงอยู่ แต่บางที…เขาอาจเริ่มรู้สึกดีขึ้นแล้วนิดหนึ่ง
ฉันยิ้มบาง ๆ ให้เขา ก่อนจะก้าวออกจากขบวนรถ แล้วมุ่งหน้าไปสู่จุดหมายของฉันเอง
ความเสียใจเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกที่ ทุกเวลา แม้สังคมจะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แต่ “น้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ” ก็ยังคงเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องการเสมอ รวมถึง…
“คำปลอบใจที่ไม่มีเสียง” ด้วยเช่นกัน
#คำปลอบใจที่ไม่มีเสียง #บางครั้งการกระทำสำคัญกว่าคำพูด #น้ำใจเล็กๆที่ยิ่งใหญ่ #พลังของความเงียบ #ทุกคนล้วนมีวันที่อ่อนแอ #เรื่องเล่าจากรถไฟใต้ดิน #ชีวิตและความรู้สึก
โฆษณา