Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
sansati ศานสติ
•
ติดตาม
12 ก.พ. เวลา 10:42 • การศึกษา
Gratitude is the gravity that keeps you grounded
คุณเคยรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าบ้างไหม? ถ้าคำตอบของคุณคือ “เคย” ผู้เขียนคิดว่าที่คุณรู้สึกแบบนั้น อาจเป็นเพราะว่าคุณกำลังมีความทุกข์ และรู้สึกลบกับทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ รู้สึกขาดที่พึ่ง ที่พึ่งได้อย่างแท้จริง จริงๆแล้วเราทุกคนล้วนแล้วแต่มีเหตุผลในการที่จะอุบัติขึ้นบนโลกนี้ ไม่มีสิ่งใดดำรงอยู่อย่างสูญเปล่า แม้กระทั่งมดแมลงยังมีประโยชน์ แล้วทำไมคนอย่างเราถึงจะไร้ค่าไปได้ล่ะ
เป็นไปได้ไหมว่า เพราะคุณมีวิธีการคิดและการมองโลก ในแบบที่ไม่เคยรู้สึกขอบคุณอะไรอย่างแท้จริง โดยเฉพาะสิ่งที่คุณได้รับ และสิ่งที่คุณมีในปัจจุบันขณะ แต่มัวไปยึดติดกับสิ่งที่คุณยังไม่มี หรืออยากได้แต่ไม่ได้ ขอถามสักคำว่า คุณเคยได้รับบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้คุณรู้สึกว่า มันมีค่ามากมายเหลือเกิน จนความรู้สึกนั้นแปรเปลี่ยน เป็นการทำให้คุณอยากเป็นผู้ให้บ้างหรือเปล่า? ทุกอย่างมันเป็นเหตุเป็นผลกัน
เพราะถ้าได้รับมาอย่างมากมายจนรู้สึกล้นเหลือ คุณจะต้องรู้สึกอยากตอบแทนกลับบ้างขึ้นมาเอง โดยที่ไม่ต้องมีใครบังคับหรือติดสินบนให้ทำ สรุปแล้วคุณมีนิสัยที่ไม่เคยรู้สึกขอบคุณกับสิ่งที่ตัวเองมีหรือได้มา เพราะไม่เห็นคุณค่าของมันมากพอหรือเปล่า? เคยรู้สึกขอบคุณอย่างล้นเหลือกับการได้รับอะไรที่ดูแล้วเป็นสิ่งที่เล็กน้อยมากหรือเปล่า? ความรู้สึกที่ไม่เคยสำนึกขอบคุณอย่างลึกซึ้งนั่นแหละ ทำให้หัวใจของคุณรู้สึกขาดบางสิ่งบางอย่างตลอดเวลา
รู้สึกเหมือนกระหายอยากได้อะไรบางสิ่งบางอย่าง เพื่อมาเติมเต็มความรู้สึกขาดนั้น และมักจะเฝ้าถามตัวเองว่าที่ทำนี้ฉันจะได้อะไร? ไม่ใช่ว่าคุณไม่เคยได้รับอะไรเลย แต่เพราะมีหัวใจที่มองเห็นแต่สิ่งที่คุณอยากได้ แต่ไม่เคยเห็นสิ่งที่ได้รับอย่างแท้จริงต่างหาก ที่ทำให้รู้สึกว่าไม่เคยได้รับอะไรดีๆกับเขาเลย เพียงเพราะสิ่งที่คุณได้รับนั้นไม่เคยถูกใจคุณมากพอ
คนเห็นแก่ตัวมักจะจ่ายเพื่อที่จะได้ ให้เพื่อที่จะเอา และถ้าไม่ได้ตามที่คาดหวัง ก็จะรู้สึกว่าโลกนี้ไม่ยุติธรรมสำหรับเขา เขาจะไม่เข้าใจว่าการให้โดยไม่หวังผลตอบแทนนั้น ทำไปทำไม หรือคิดว่าสุขใจกินไม่ได้อะไรทำนองนี้ เขาไม่เข้าใจเรื่องการเบียดเบียนและความเมตตา ไม่เข้าใจว่าต้องให้โลกก่อนแล้วโลกจะตอบแทนคุณเสมอ อาจจะไม่ใช่ในรูปแบบที่คุณคาดหวัง แต่มันไม่มีการสูญเปล่าแน่นอน
นั่นแหละ คือ กฎแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ไม่มีการกระทำใดที่ทำลงไปแล้วไม่เกิดผลกระทบ เพราะฉะนั้นการเบียดเบียนผู้อื่น จึงเท่ากับการเบียดเบียนตัวเอง การช่วยเหลือผู้อื่นเท่ากับการช่วยเหลือตัวเอง เพราะในชีวิตนี้ตั้งแต่อยู่ในท้องมีลมหายใจขึ้นมาจนก้าวแรกที่คุณเดิน ก็เบียดเบียนคนอื่นได้แล้ว
คนแรกที่ถูกเบียดเบียนก็คือแม่ของคุณเอง คุณแย่งน้ำแย่งธาตุอาหารต่างๆ เพื่อจะมาบำรุงหล่อเลี้ยงร่างกายตัวเองให้เติบโต ถึงจะบอกว่าจำเป็นเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่านั่นคือการเบียดเบียน แม้เท้าของคุณจะยังเล็กแต่คุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่าทุกก้าวที่ย่างเหยียบลงไป ไม่ได้ทำให้ใครตาย บาดเจ็บ พิการ หรือไร้ที่อยู่อาศัย
แม้จะเป็นแค่มดแมลงตัวหนึ่ง ถึงไม่ได้ตั้งใจก็ก่อกรรมแล้ว ตั้งแต่มีชีวิตเกิดมามีลมหายใจจนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิตนี้ ไม่รู้จะต้องเบียดเบียนอีกเท่าไหร่ ทั้งสิ่งมีชีวิตและสภาพแวดล้อมบนโลก แต่ไม่เคยเห็นคุณค่าของการเสียสละ เพื่อที่จะให้คุณมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายเหล่านั้นเลย
เปลือกหอยในมือ
ถ้างั้นลองมาฟังตัวอย่างซักหลายๆอันดูนะคะ ว่าจะทำให้คุณรู้สึกเปลี่ยนไปได้บ้างหรือเปล่า? ยกตัวอย่างที่เห็นได้ง่ายๆ เช่น การเก็บเปลือกหอยกลับบ้าน เพราะเห็นว่ามันสวย ถูกตาต้องใจจนอยากได้เป็นของตัวเอง สมมุติว่าคุณเลือกที่จะไม่เก็บมันติดมือมา เคยนึกสงสัยไหมว่า ประโยชน์ของเปลือกหอยอันหนึ่งในทะเล มีค่าแค่ไหน?
เมื่อหอยซึ่งเป็นเจ้าของเปลือกนั้นตายลง เปลือกหอยทะเลอันหนึ่ง ยิ่งมีขนาดใหญ่ ยิ่งเป็นประโยชน์มาก โดยเฉพาะกับสัตว์ทะเลตัวเล็กตัวน้อย เพราะเป็นทั้งที่อยู่ที่อาศัย ที่วางไข่ ที่หลบภัยจากพายุ และศัตรูตามธรรมชาติ สัตว์เล็กสัตว์น้อยหมุนเวียนเปลี่ยนกันไปมา ใช้เปลือกหอยอันนั้นจนกระทั่งมันผุแตก มีช่องมีรูแล้วก็ยังสามารถใช้ได้
แม้กาลเวลาผ่านไปกระทั่งมันแตกสลาย กลายเป็นฝุ่นผง ก็ยังกลายเป็นผืนทรายในทะเล ให้พืชน้ำ ปะการัง หรือสัตว์ที่ฝังตัวในทรายหากิน หลบภัย ได้อาศัยต่อ แต่ถ้าคุณเก็บมันกลับมาบ้าน ตอนแรกๆคุณอาจจะเห่อเอามาเช็ดถู ดูแลอย่างดี ตั้งไว้ในที่ที่มองเห็นได้ง่าย เป็นของประดับบ้านที่รู้สึกถูกตาถูกใจอยู่สักพักหนึ่ง
หลังจากนั้นไม่นาน คุณก็จะเบื่อมัน เมื่อมีสิ่งใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจและคุณใช้สิ่งนั้นมาแทนที่ เป็นเครื่องประดับบ้านชิ้นใหม่ เมื่อนั้นสิ่งที่เปลือกหอยเป็นอย่างมากก็แค่ gathering dust อมฝุ่นอยู่บนชั้นที่ไหนสักแห่งในบ้านของคุณ จากนั้นก็ถูกโยนทิ้งหรือไม่ก็ขายถูกๆไป แบบไม่ใยดี เป็นของไร้ค่าสำหรับคุณในที่สุด
นกทำรังให้อาหารลูก
เคยนึกรำคาญนกที่มาทำรังตรงชายคาบ้านของคุณ หรือตรงหลังคอมเพรสเซอร์แอร์คอนโดของคุณหรือไม่? คุณคงนึกรำคาญที่นอกจากจะส่งเสียงดังรบกวนเวลาพักผ่อนของคุณแล้ว ยังขี้รดพื้นที่สกปรก บางทีถึงขั้นขี้รดเสื้อผ้าที่ตากไว้อีกด้วย แต่คุณรู้หรือไม่ว่าถ้านกมีต้นไม้ใหญ่ให้ทำรังอยู่ พวกนกเหล่านั้นคงไม่คิดจะมาอยู่ที่ชายคาบ้านของคุณหรือหลังคอมเพรสเซอร์แอร์แน่นอน
เพราะถ้าคุณเป็นนกพนันได้ว่าเลือกต้นไม้มากกว่าบ้านคนพันล้านเปอร์เซ็นต์ ในการจะใช้ทำรังมีครอบครัว เลี้ยงลูกอ่อน เขาเองก็ต้องการพื้นที่ปลอดภัย เพื่อที่จะหลบแดดหลบฝน ทำมาหากิน สร้างครอบครัว แต่เพราะคนเรานี่ต่างหากมาจับจองไล่ที่เขาสร้างบ้านเรือน และตัดต้นไม้ใหญ่ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของเขา รวมทั้งเป็นที่หาอาหาร
ทำไมต้องเน้นว่าเป็นต้นไม้ใหญ่ เพราะต้นไม้ใหญ่จะมีความแข็งแรงทนทานพอที่จะเป็นร่มเงาในยามที่แดดออกฝนตก รวมทั้งมีมดแมลงให้จับกิน แต่ในสายตาคนเราเห็นแต่เพียงว่าตัวเองเดือดร้อน ขี้นกที่ไหนก็ไม่รู้ที่มาทำรังในบ้านและทำสกปรกเลอะเทอะน่ารำคาญ
แทนที่จะเห็นสัตว์โลกที่ไร้บ้าน หาที่พึ่งพิง คุณแน่ใจเหรอว่าเขาไม่ได้อยู่มาก่อนที่บ้านของคุณจะมาปลูก แถวนี้อาจจะมีต้นไม้ใหญ่หลายต้น เป็นรังและที่อยู่ที่กินของนกอีกหลายๆร้อยตัว แต่ต้นไม้ใหญ่ที่ใช้อาศัยถูกโค่นลง เพื่อใช้ปลูกบ้านทำบ้านจัดสรร ทำคอนโดให้คนมาซื้ออยู่ เราทำให้เขาไม่มีทางเลือก จึงต้องมาเบียดเสียดอยู่กับเรา
ปลวกการ์ตูน
ปลวกที่มากัดกินบ้านเรา เฟอร์นิเจอร์ไม้หรือแม้กระทั่งเงินที่แอบซุกไว้ ก็ไม่ได้อยากมาทำร้ายเบียดเบียนเราจริงๆหรอก เขาก็แค่ทำหน้าที่ผู้ย่อยสลายตามธรรมชาติ เพราะถ้าเป็นในป่าในเขา คุณลองคิดดูว่าถ้าต้นไม้ต้นใหญ่ต้นหนึ่งล้มตายไป จะต้องใช้เวลาแค่ไหนถึงจะย่อยสลายตามธรรมชาติหากไม่มีปลวก นอกจากนี้การย่อยสลายต้นไม้ของปลวกยังช่วยเพิ่มแร่ธาตุ และจุลินทรีย์จากเศษซากอินทรีย์วัตถุเหล่านั้นให้กับดินอีกด้วย
เพราะฉะนั้นปลวกจึงกินแต่ไม้และสิ่งที่ทำจากไม้ ไม่ได้กินต้นไม้ที่มีชีวิต ถ้าจะกินก็กินเฉพาะส่วนที่ตายแล้ว แต่ก็อีกนั่นแหละเขาไม่รู้ว่าไม้ที่ตายแล้วอันไหนควรกินอันไหนไม่ควรกิน และไม้ตามธรรมชาติก็คงเหลืออยู่น้อยแล้ว อยากให้ปลวกมากินเศษไม้ที่เราไม่ใช้ เอามากองสุมๆให้ แล้วเรียกว่า "ปลวกเอ๊ยมากินไม้ตรงนี้นะ อย่ามากินบ้านฉันนะ อย่ามากินเงินฉันนะ" ก็ไม่ได้
ดอกไม้ในกระเป๋า
แม้แต่การเด็ดดอกไม้ริมทางที่คุณเห็นว่าสวย เอามาถ่ายเซลฟี่แล้วก็คิดว่า จะเอามันกลับไปใส่แจกันที่บ้านด้วย เชื่อเถอะว่ายังไม่ทันได้จะไปถึงแจกันที่บ้าน คุณคงลืมมันทิ้งไว้ที่ไหนแล้วก็ไม่รู้ คุณเคยสังเกตบ้างไหมว่า ดอกไม้ที่คุณเด็ดมาด้วยนั้น บางทีก็มีมดหรือแมลงอะไรติดมาด้วย
นั่นแหละคือสัญญาณบ่งบอกว่า สิ่งที่คุณทำเป็นการทำร้ายทำลายที่กิน ที่อยู่ ที่อาศัยของมดแมลงเหล่านั้น คุณอาจจะคิดว่าเรื่องแค่นี้มันเล็กน้อยมาก และใครๆเขาก็ทำกันไม๊ ก็แค่ดอกไม้สาธารณะไม่มีเจ้าของ แต่คุณคิดผิดเพราะเจ้าของ ก็คือมดแมลงที่อาศัยอยู่กับดอกไม้ดอกนั้น สัตว์ทั้งบนดินทั้งใต้ดิน ระบบนิเวศตรงนั้น ทุกตัวแม้กระทั่งพวกจุลินทรีย์ในดินหรือเชื้อราต่างๆ
นั่นแหละ ร่วมกันเป็นเจ้าของดอกไม้ดอกนั้นไม่ใช่คุณ หรือใครคนใด จักรวาลเล็กๆที่คุณได้ทำลายด้วยมือของคุณเอง เพียงเพราะแค่ว่าดอกไม้มันสวย ฉันอยากได้ฉันก็ต้องได้ ถ้าเพียงแค่คุณปล่อยดอกไม้นั้นไว้กับต้น เก็บกลับมาแค่รูปถ่ายตัวเองกับดอกไม้ จักรวาลทั้งจักรวาลก็ยังคงอยู่ โดยไม่ต้องเบียดเบียนใครโดยไม่จำเป็น
ถ้าเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว ก็อย่าได้แปลกใจเลยว่า ทำไมเราถึงเดือดร้อนเพราะภัยธรรมชาติ โดยเฉพาะโลกร้อนที่เราเผชิญอยู่ในปัจจุบัน มันก็เริ่มจากสิ่งเล็กน้อยเหล่านี้รอบตัวเราทุกๆคนนั่นแหละ สิ่งที่คนเราทุกคนทำโดยไม่แม้แต่จะหยุดคิด การจะปลูกจิตสำนึกในบุญคุณของโลกและธรรมชาติ ต้องทำในระดับจิตใต้สำนึก
เพราะจะทรงพลังกว่า เรื่องของจิตใต้สำนึก “ความรู้สึก” เป็นใหญ่ อะไรที่โยงกับความรู้สึกจะมีพลัง แต่ต้องเลือกให้ถูกด้วย ถูกคน ถูกที่ ถูกเวลา การปลูกฝังจิตสำนึกแบบที่ไม่ได้เข้าไปถึงหัวจิตหัวใจ มันก็เหมือนกับว่าเข้าใจทุกอย่างที่แจกแจง แต่ไม่รู้สึกร่วมจึงไม่เปลี่ยนแปลง เพราะคนสมัยนี้เป็น “generation me” มีความเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้สูง จึงมักได้ยินว่า I don't care, so don't you dare, judge me.
ก็รู้เหตุรู้ผล เข้าใจแหละแต่ไม่สนไง แล้วก็อย่ามาหาว่าฉันเห็นแก่ตัวด้วย เพราะสื่อสารให้เข้าใจได้แค่ระดับสมอง แต่ไม่ได้เข้าไปถึงหัวใจ มันก็เลยไม่เกิด action คือการกระทำขึ้นมา การรณรงค์เพื่อสิ่งแวดล้อมจึงไม่ค่อยได้ผลเท่าที่ควร เพราะเข้าถึงใจคนได้น้อย คนหมู่มากยังไม่รู้สึกร่วมและเห็นว่าสิ่งเหล่านี้สำคัญมากพอ แม้แต่ผู้ที่มีอำนาจในโลกซึ่งน่าจะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้มากที่สุด ก็ยังไม่เห็นความสำคัญ จึงเป็นไปได้ยากที่คนหมู่มากจะกดดันให้ผู้นำของตัวเอง ทำอะไรบางอย่างเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง
ของกินอยู่แทบเท้า
เด็กคนหนึ่งทานข้าวโพดอยู่อย่างเอร็ดอร่อย และยังแบ่งให้แม่ทานด้วย แม่เด็กเห็นลูกกินอย่างอร่อยก็สุขใจ นึกเอ็นดู หนูน้อยอยากให้แม่กินมากๆ แต่แม่บอกว่าแค่เมล็ดเดียวก็พอ เพราะไม่ได้อยากกินแต่ก็ไม่อยากให้ลูกเสียใจจึงรับมา พร้อมทั้งอยากฝึกให้เด็กน้อยรู้จักแบ่งปันเป็นผู้ให้ จากนั้นเช็ดปากให้หนูน้อย
เมื่อทานเสร็จแล้วเหลือแต่ซังข้าวโพด เด็กตัวน้อยจึงเดินไปที่เนินดิน แล้วก็ขุดหลุมฝังซังข้าวโพดไว้ จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ขอบคุณนะ คุณข้าวโพดที่มาช่วยหล่อเลี้ยงกายใจของฉันให้มีความสุข ขอให้เธอกลับคืนสู่ธรรมชาติด้วยดี” (เพราะความหิวนั้นเป็นทุกข์ และการได้กินของอร่อยนั้นมีความสุข) เจ้าหนูน้อยแสดงความขอบคุณข้าวโพดได้อย่างน่ารัก น่าประทับใจ
เกิดจากการสั่งสอนให้รู้จักคุณของธรรมชาติในทางที่ถูกต้อง อาหารไม่ใช่ของที่ควรกินทิ้งกินขว้าง ควรกินแต่พอดีและรู้จักคุณค่าของอาหาร ว่ากว่าจะได้มาต้องผ่านมือของใครบ้าง และรบกวนธรรมชาติมากแค่ไหน หากสังเกตดูตามธรรมชาติ ไม่มีพืชชนิดไหนที่ขึ้นเดี่ยวๆเป็นจำนวนมาก มักจะมีพืชชนิดต่างๆขึ้นแซมสลับกันไป เป็นการรักษาสมดุล ทั้งธาตุอาหารในดิน สิ่งมีชีวิตต่างๆ จุลินทรีย์ ฯลฯ
ที่พึ่งพาอาศัยพืชในการใช้ชีวิต รวมทั้งประโยชน์ที่ช่วยปกป้องจากการทำลายของแมลงศัตรูพืชในแต่ละชนิดด้วย หากมีปรากฏการณ์ที่พืชชนิดเดียวขึ้นที่เดียว โดยที่ไม่ได้เกิดจากน้ำมือมนุษย์ มักจะเป็นที่ที่มีสภาพแห้งแล้งมาก หรือพืชชนิดนั้นมีพิษมากจนทำให้ดินบริเวณนั้นไม่เหมาะกับพืชชนิดอื่นในการที่จะขึ้นได้ เป็นต้น
แต่การที่พืชชนิดเดียวกันปลูกและกินพื้นที่บริเวณมากๆ เพราะปลูกเพื่อบริโภคใช้เลี้ยงคนจำนวนมาก ทำให้สิ่งแวดล้อมเสียหาย จึงต้องมีการปรับปรุงดิน รวมทั้งพิษภัยจากการที่มนุษย์ใช้สารกำจัดศัตรูพืชอีก การปลูกพืชของคนส่วนใหญ่ จึงล้วนแล้วแต่ไปรบกวนระบบนิเวศรอบข้าง เพราะต้องเตรียมดิน พรวนดินไถหว่าน ฯลฯ
ยิ่งการเลี้ยงสัตว์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง แถมยังเบียดเบียนชีวิตเขาด้วย ชีวิตเขาต่อชีวิตเรา ลมหายใจของเขาต่อลมหายใจของเรา ควรรู้จักคุณค่าให้มาก เพราะมันแลกมาด้วยชีวิตหยาดเหงื่อแรงงาน และการรบกวนสภาพแวดล้อมอย่างมากมาย กว่าจะได้มาอยู่บนโต๊ะให้คุณกิน
ชั่งสุนัข
เราเองก็คิดว่าตัวเองเป็นคนรักหมานะ แต่ไม่อยากเชื่อเลยว่ามีความเชื่อบางอย่างที่ทำให้ปฏิบัติติกับเขาต่างไป จนวันหนึ่งมีบางอย่างมาสะกิดใจให้เรารู้ว่า ทำไมเราถึงทำอย่างนั้น เพราะเราเชื่อว่าชีวิตเรากับชีวิตหมาไม่เท่ากัน เพราะเราถูกสอนมาว่า เราเป็นมนุษย์โฮโมเซเปียน ผู้อยู่บนจุดสูงสุดของวิวัฒนาการ จุดยอดสุดของสามเหลี่ยมพีระมิดห่วงโซ่อาหาร กิเลสมันโคตรมีเหตุมีผล
แต่ความเชื่อนี้มันไม่ใช่ พระพุทธเจ้าสอนว่า มีแต่กรรมเท่านั้นจึงเป็นเครื่องจำแนกสัตว์ให้สูงต่ำไม่เท่ากัน เราล้วนเท่ากันด้วยความเป็นสัตว์โลกที่เป็นเพื่อนทุกข์ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น หลวงตาบอกว่ามดแมลงก็ช่าง จิตดวงหนึ่งอยู่ในนั้น ก็จริงนะ ถ้างั้นสมมุติว่าคุณทำเหตุให้ตัวเองเกิดตกต่ำลงอบาย คุณอยากได้ความเมตตาช่วยเหลือหรือว่าอยากโดนกระทืบซ้ำ นั่นแหละคือสิ่งที่คุณจะได้รับจากการที่คุณปฏิบัติกับคนอื่นไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์
คนเราอ้างตัวว่าเป็นเจ้าของโลกอยู่เหนือสัตว์อื่น แต่แท้จริงแล้ว ก็แค่เห็นแก่ตัวในแบบที่เอาประโยชน์ของตัวเองเป็นใหญ่ ไม่ได้ทำตัวเป็นผู้ที่สัตว์อื่นพึ่งพิงได้เลย ตรงข้ามกับทำตัวเกะกะระราน แย่งชิงที่อยู่ที่กินของสัตว์ใหญ่น้อยต่างๆไม่เว้นแต่ละวัน คิดถึงแต่ว่าสัตว์อื่นมาเบียดเบียนตัวเอง แต่ไม่เคยเห็นในแง่มุมที่ตัวเองไปเบียดเบียนเขาก่อนเลย เมื่ออับจนสิ้นหนทางสัตว์เหล่านั้นจึงมาเบียดเบียนคนบ้าง
แท้จริงแล้วที่สัตว์เหล่านั้นทำ ก็เพียงเพื่อต้องการอยู่รอด มีชีวิตอยู่บนโลกนี้เหมือนกับคนนั่นแหละ ไม่ได้คิดจะมาเอาคืนด้วยการเบียดเบียนคนเลย คุณอาจจะลืมไปว่าพวกเขาเองก็เป็นเจ้าของทรัพยากรในโลกนี้พอๆกับเรา แม้การอยู่ร่วมกันบนโลกนี้ต้องเบียดเบียนกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะคุณคงไม่สามารถปล่อยให้แมลงสาบหรือหนูวิ่งพล่านไปทั่วบ้านแล้วอยู่ร่วมกันได้ ไม่สามารถปล่อยให้ปลวกกัดแทะบ้านจนบ้านถล่ม
บางอย่างจึงต้องทำแม้นรู้ว่าเบียดเบียน แต่ทำเท่าไหร่ล่ะถึงจะไม่เบียดเบียนเขาเกินไป อย่างมดเขาอยู่ของเขาดีๆ คุณก็นึกสนุกไปจุดไฟเผารังเขาซะงั้น อันนี้เบียดเบียนเกินไป ฉะนั้นต้องรู้จักปฏิบัติกับเขาบนทางสายกลาง เพิ่งระลึกรู้ว่าแค่มีชีวิตอยู่ทุกๆขณะของลมหายใจ คุณก็สามารถเบียดเบียนผู้อื่นสัตว์อื่นได้อย่างมากมายแล้ว แต่บางครั้ง บางอย่าง บางเรื่องไม่ทำก็ไม่ได้ นั่นแหละคือตัวตัดสินว่ามันเป็น “ความจำเป็น” หรือ “จงใจ” เบียดเบียนเขา กรรมที่คุณจะได้รับก็หนักเบาตามเจตนา
หยิบดาวจากถ้วยชา
หากอยากมีความสุขที่ไม่ได้อยู่บนความทุกข์ของผู้อื่น จงทำตัวเป็นแก้วใบเล็ก ได้แล้วรู้จักพอ เมื่อไหร่ที่คุณเต็มอิ่มรู้จักพอ ความหิวโหยในใจที่มี จะไม่ทุกข์ทนทรมานยิ่งใหญ่เหมือนที่เคยเป็น เมื่อเป็นแก้วใบเล็กบรรจุไม่มากก็เต็ม ส่วนที่ได้เกินมาคุณจะรู้สึกร่ำรวย และการสำนึกขอบคุณ การมีเมตตากรุณาต่อผู้อื่น สัตว์อื่นจะตามมาเองโดยธรรมชาติ
ขอบคุณเถิดที่คุณเกิดมาบนโลกนี้ เพราะชีวิตคุณต้องแลกมาด้วยหลายสิ่งหลายอย่างกว่าจะเติบโตมาจนถึงจุดนี้ได้ และต้องใช้ทรัพยากรอีกมากมายแค่ไหน เพื่อจะหล่อเลี้ยงคุณจนไปถึงวาระสุดท้ายแห่งชีวิต ชีวิตของคุณจึงมีค่ามาก และการตอบแทนที่ดีที่สุดก็คือการเห็นคุณค่าของชีวิตตัวเองและผู้อื่น หากอยากเปลี่ยนโลกอย่าเพิ่งคิดการใหญ่ สิ่งที่คุณควรจะเปลี่ยนคือตัวของคุณเอง เมื่อโลกใบเล็กหมุนโลกใบใหญ่จะหมุนตาม
ไม่มีสูงไม่มีต่ำ มีแต่ธรรมเท่านั้นเอง
ศานสติ/sansati
#gratitude #grateful #grounded #กตัญญุ #กตเวที #ความรู้คุณ #การเบียดเบียน #เมตตา #กรุณา #คุณค่าชีวิต #สัตว์โลก #เพื่อนทุกข์ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ##
ขอบคุณภาพจาก
gratitude 1
https://www.pinterest.com/pin/87820261479285740/
gratitude 1.2
https://www.pinterest.com/pin/4503668372730571/
gratitude 2
https://www.pinterest.com/pin/10273905394382843/
gratitude 3
https://www.pinterest.com/pin/1021613496704155162/
gratitude 4
https://www.pinterest.com/pin/447193438016495701/
gratitude 5
https://www.pinterest.com/pin/691021136569892412/
gratitude 6
https://www.pinterest.com/pin/759630662184337216/
gratitude 7
https://www.pinterest.com/pin/426364289735549332/
gratitude 8
https://www.pinterest.com/pin/351912465969906/
พุทธศาสนา
พัฒนาตนเอง
บทความ
1 บันทึก
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย