ผมมาร่วมลงพื้นที่ สามจังหวัดชายแดนใต้ร่วมกับหัวหน้าพรรคและคณะ ได้เข้าใจบริบทสามจังหวัดมากขึ้น และ เห็นโอกาสของการพัฒนาอีกมาก แต่ที่ตื่นเต้นที่สุดคือ ศักยภาพของ เทศบาลนครยะลา ที่พัฒนาเมืองด้วย ตัวอย่างที่น่าสนใจมาก ในวีดีโอนี้เลยลองอัดวีดีโอ ที่ เทศบาลนครยะลาพึ่งลงทุนสร้างพิพิธภัณฑ์เมืองยะลา landmark สถานที่ท่องเที่ยวใหม่ และให้ครอบครัวคนยะลาเองได้เรียนรู้ เข้าใจ และ ภูมิใจในตัวเมืองยะลาเองด้วย ใครสนใจไปเที่ยวกันได้ จะเปิดตัวในเดือนมีนาคม 2568
- นอกจากนี้ก็ยังมีการใช้เทคโนโยลยี รถเก็บภาพถ่าย เพื่อมาเพิ่มประสิทธิภาพภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และ ภาษีป้าย ทำให้รายได้เพิ่มขึ้น 24%
- กู้มาลงทุนสร้างศูนย์การเรียนรู้ ห้องสมุด TK Park และ ศูนย์เยาวชน ฟิสเนสที่มีคนมาใช้บริการ 5,000 คน/วัน
- ออกข้อบัญญัติ กำหนดอาคารริมแม่น้ำปัตตานีต้องไม่สูงเกิน 15 เมตร (ตึก 3 ชั้น) เพื่อไม่ให้บังลมจากแม่น้ำที่พัดเข้าตัวเมืองยะลา
เทศบาลนครยะลา งบประมาณ 1,100 ล้านบาทต่อปี และอยู่ในพื้นที่สามจังหวัดที่มีเหตุการณ์ความไม่สงบ ยังพัฒนาเมืองได้ระดับนี้ ถ้าผู้นำเมืองมีวิสัยทัศน์ ในฐานะคนกรุงเทพฯ ก็คิดว่า กรุงเทพมหานคร ที่มีงบประมาณมากกว่ามาก น่าจะมีศูนย์เรียนรู้สำหรับนักท่องเที่ยวและครอบครัว ได้เข้าใจและภูมิใจในมหานครมากขึ้นด้วย (แม้ตอนนี้จะฝุ่นเยอะก็ตาม)
นี่คือ ศักยภาพอละโอกาสของการพัฒนาจาก ท้องถิ่น ที่สามารถพัฒนาเมืองและบริการสาธาสารณะได้ตรงและเร็วกว่าหน่วยงานราชการมาก และยังคงเชื่อมั่นว่า ถ้าประเทศไทยได้รัฐบาลที่มีความตั้งใจในการกระจายอำนาจ เพิ่มบทบาทให้ท้องถิ่นได้เติบโต จะสร้างโอกาสเศรษฐกิจใหม่ๆได้อีกมาก เช่น Mayor Economy ในประเทศจีนก็ล้วนพิสูจน์แล้วว่าเศรษฐกิจ การลงทุนเติบโต จากบทบาทท้องถิ่นของเค้าเป็นหลักด้วย
ยิ่งถ้าท้องถิ่น มีภารกิจในการหารายได้ด้วยตัวเองมากขึ้น เช่น ค่าเช่าพาดสายสื่อสาร, ค่าธรรมเนียมแรงงานต่างด้าว ฯลฯ หรือ สามารถกู้มาทำบริการสาธารณะ เช่น น้ำประปา, ขนส่งสาธารณะ, บ้านพักคนชรา ฯลฯ จะยิ่งให้ท้องถิ่น สามารถมีรายได้ ลงทุน เกิด “พายุหมุนทางเศรษฐกิจ” จริงๆได้อีกมาก และ เมืองก็จะยิ่งน่าอยู่สำหรับคนทุกคนมากขึ้นด้วย
#พรรคประชาชน #สสเติ้ล