Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Vate's Pharma Scope
•
ติดตาม
16 ก.พ. เวลา 12:20 • สุขภาพ
Exenatide: ความหวังใหม่หรือแค่ "ยาหลอก" สำหรับผู้ป่วยพาร์กินสัน?
ทุกคนลองนึกภาพผู้ชายที่แข็งแรงและเป็นเสาหลักของครอบครัว แต่แล้ววันหนึ่งกลับต้องพึ่งพาคนอื่นแม้ในการทำกิจวัตรประจำวันง่ายๆ นั่นคือความจริงที่แสนเจ็บปวดของผู้ป่วยพาร์กินสันครับ และมันไม่ได้ส่งผลกระทบแค่ตัวผู้ป่วยเท่านั้น แต่มันยังสร้างความทุกข์ใจให้กับคนในครอบครัวด้วย
วันนี้ ผมเลยอยากจะมาเล่าเรื่อง "ยาเบาหวาน" ตัวหนึ่ง ที่เคยถูกยกให้เป็นความหวังใหม่ของผู้ป่วยพาร์กินสัน แต่เรื่องราวมันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่เราคิด
เรื่องนี้มีที่มาจากงานวิจัยชิ้นล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสาร The Lancet ซึ่งเป็นการศึกษาขนาดใหญ่ที่ทดสอบยาที่ชื่อว่า "Exenatide" ในผู้ป่วยพาร์กินสันในประเทศอังกฤษ
Exenatide เนี่ย... จริงๆ แล้วเป็นยาที่ใช้รักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ครับ แต่ที่มันกลายมาเป็นที่สนใจของผู้ป่วยพาร์กินสัน ก็เพราะว่าเราค้นพบว่ามันอาจมีคุณสมบัติพิเศษในการปกป้องเซลล์ประสาทในสมองของเรา
แต่เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป? Exenatide จะช่วยพลิกชีวิตผู้ป่วยพาร์กินสันได้จริงหรือ? หรือมันจะเป็นแค่ความหวังลมๆ แล้งๆ? ตามผมมาฟังเรื่องเล่าจากงานวิจัยชิ้นนี้กันครับ ผมจะพาคุณไปเจาะลึกเบื้องหลังการทดลอง และวิเคราะห์ผลลัพธ์ที่อาจทำให้คุณต้องคิดใหม่เกี่ยวกับอนาคตของการรักษาโรคพาร์กินสัน
Exenatide: จากยาเบาหวาน...สู่ความหวังของผู้ป่วยพาร์กินสัน?
Exenatide เป็นยาในกลุ่มที่เรียกว่า "GLP-1 receptor agonists" ครับ ชื่ออาจจะฟังดูซับซ้อน แต่จริงๆ แล้วมันเป็นยาที่เลียนแบบฮอร์โมน GLP-1 ที่ร่างกายของเราสร้างขึ้นตามธรรมชาติ ฮอร์โมนนี้มีบทบาทสำคัญในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ โดยการกระตุ้นการหลั่งอินซูลินและลดการหลั่งกลูคากอน
แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือ... ยาตัวนี้มันดันไปมีผลต่อสมองของเราด้วย ซึ่งเราพบว่า Exenatide สามารถกระตุ้นตัวรับ GLP-1 ในสมอง ซึ่งมีส่วนช่วยในการทำงานของเซลล์ประสาท และอาจช่วยปกป้องเซลล์ประสาทจากการถูกทำลาย
ทำไมการปกป้องเซลล์ประสาทถึงสำคัญสำหรับผู้ป่วยพาร์กินสัน? ก็เพราะว่าโรคพาร์กินสันเนี่ย มันเกิดจากการที่เซลล์ประสาทในสมองส่วนที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของเรามันค่อยๆ เสื่อมสภาพลง ทำให้เกิดอาการสั่น เกร็ง และเคลื่อนไหวช้าลง
ดังนั้น... ถ้าเรามียาที่ช่วยปกป้องเซลล์ประสาทได้ มันก็อาจจะช่วยชะลอการดำเนินของโรคพาร์กินสันได้ ใช่ไหมล่ะครับ? นั่นคือเหตุผลที่ Exenatide กลายมาเป็นที่จับตามองของผู้ป่วยพาร์กินสันและนักวิจัยทั่วโลก เพราะมันอาจเป็นเหมือน "ฮีโร่" ที่เข้ามาช่วยกอบกู้สมองของเรา
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการศึกษาทางระบาดวิทยา (Epidemiology) ที่น่าสนใจ พบว่าผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ใช้ยาในกลุ่ม GLP-1 receptor agonists มีความเสี่ยงในการเกิดโรคพาร์กินสันลดลง ซึ่งยิ่งเป็นการตอกย้ำความน่าสนใจของยาในกลุ่มนี้ในการป้องกันหรือชะลอการเกิดโรคพาร์กินสัน
Exenatide-PD3: ความจริงที่เจ็บปวด...แต่ต้องรับฟัง
ทีมนักวิจัยในประเทศอังกฤษเลยตัดสินใจทำการทดลองขนาดใหญ่ ที่มีชื่อว่า "Exenatide-PD3" เพื่อดูว่า Exenatide จะช่วยผู้ป่วยพาร์กินสันได้จริงหรือเปล่า การทดลองนี้ถูกออกแบบมาอย่างเข้มงวด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าเชื่อถือที่สุด
พวกเขารับสมัครผู้ป่วยพาร์กินสัน 194 คน ที่มีอาการอยู่ในระดับปานกลาง (Hoehn and Yahr stage 2.5 หรือน้อยกว่า) และแบ่งผู้ป่วยออกเป็นสองกลุ่มโดยการสุ่ม (Randomization) กลุ่มหนึ่งได้รับ Exenatide ในรูปแบบยาฉีดสัปดาห์ละครั้ง ส่วนอีกกลุ่มได้รับยาหลอก (placebo) โดยที่ทั้งผู้ป่วยและทีมวิจัยเองก็ไม่รู้ว่าใครได้รับยาอะไร (เรียกว่าการทดลองแบบ double-blind) เพื่อป้องกันอคติที่อาจเกิดขึ้น
นักวิจัยติดตามอาการของผู้ป่วยไปเป็นเวลา 96 สัปดาห์ (เกือบ 2 ปี) โดยมีการประเมินอาการต่างๆ อย่างละเอียด เช่น อาการสั่น การเคลื่อนไหว การทรงตัว คุณภาพชีวิต และการทำงานของสมอง โดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า "MDS-UPDRS" ซึ่งเป็นมาตรวัดมาตรฐานที่ใช้ในการประเมินความรุนแรงของอาการพาร์กินสัน
นอกจากนี้ นักวิจัยยังได้เก็บตัวอย่างเลือดและน้ำไขสันหลังของผู้ป่วยบางส่วน เพื่อศึกษาว่า Exenatide มีผลต่อสารเคมีในสมองของผู้ป่วยอย่างไรบ้าง
ผลการทดลองที่ออกมา... มันไม่ได้สวยงามอย่างที่เราหวังครับ
นักวิจัยพบว่าผู้ป่วยที่ได้รับ Exenatide ไม่ได้มีอาการดีขึ้นกว่าผู้ป่วยที่ได้รับยาหลอกเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาการสั่น การเคลื่อนไหว หรือคุณภาพชีวิต ทั้งสองกลุ่มไม่ได้แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ
พูดง่ายๆ ก็คือ... Exenatide ไม่ได้ช่วยชะลอการดำเนินของโรคพาร์กินสันในการทดลองครั้งนี้
ทำไม Exenatide ถึง "แป้ก"?
หลายคนอาจจะรู้สึกผิดหวังกับผลการทดลองนี้ แต่ผมอยากให้ทุกคนมองมันในแง่ของ "ข้อมูล" ครับ ถึงแม้ว่า Exenatide จะไม่ได้ผลในการทดลองนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่มีประโยชน์เลย
นักวิจัยยังคงพยายามค้นหาคำตอบว่า ทำไม Exenatide ถึงไม่ได้ผลในการทดลองนี้? มีหลายสมมติฐานที่น่าสนใจครับ เช่น
1. ยาอาจจะเข้าสมองได้ไม่ดีพอ: Exenatide อาจจะไม่สามารถเข้าสู่สมองในปริมาณที่มากพอที่จะให้ผลในการรักษาได้ แม้ว่า Exenatide จะสามารถผ่านเข้าสู่สมองได้ แต่ปริมาณที่เข้าไปได้นั้นอาจน้อยมาก (ประมาณ 1% ของระดับยาในเลือด) ซึ่งอาจไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นตัวรับ GLP-1 ในสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. รูปแบบการให้ยา: การฉีดยาสัปดาห์ละครั้ง อาจไม่สามารถรักษาระดับยาในสมองให้คงที่ได้ตลอดเวลา การให้ยาในรูปแบบอื่น เช่น การให้ยาแบบต่อเนื่อง อาจให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
3. ผู้ป่วยอาจจะอยู่ในระยะของโรคที่ "สาย" เกินไป: Exenatide อาจจะเหมาะกับผู้ป่วยที่อยู่ในระยะเริ่มต้นของโรคมากกว่า เมื่อเซลล์ประสาทถูกทำลายไปมากแล้ว การใช้ Exenatide อาจไม่สามารถฟื้นฟูเซลล์ประสาทที่เสียหายได้
4. แต่ละคนอาจจะตอบสนองต่อยาไม่เหมือนกัน: ปัจจัยทางพันธุกรรมและชีวภาพของแต่ละคน อาจมีผลต่อการตอบสนองต่อ Exenatide ผู้ป่วยบางคนอาจมีการตอบสนองต่อ Exenatide ที่ดี ในขณะที่ผู้ป่วยบางคนอาจไม่ตอบสนองเลย
Exenatide: ยังมีความหวัง...แต่ต้องเดินหน้าต่อไป
ถึงแม้ว่า Exenatide จะไม่ได้เป็น "ยาพลิกชีวิต" อย่างที่หลายคนหวัง แต่มันก็ยังคงเป็นยาที่น่าสนใจ และอาจมีบทบาทในการรักษาโรคพาร์กินสันในอนาคต
นักวิจัยกำลังพยายาม
1. พัฒนารูปแบบการให้ยาที่ดีขึ้น: เพื่อให้ Exenatide สามารถเข้าสู่สมองได้ในปริมาณที่มากขึ้น อาจมีการพัฒนายาในรูปแบบใหม่ เช่น ยาที่สามารถผ่านเข้าสู่สมองได้ง่ายขึ้น หรือยาที่สามารถออกฤทธิ์ได้นานขึ้น
2. ค้นหาผู้ป่วยที่ "ใช่": เพื่อระบุผู้ป่วยที่อาจได้รับประโยชน์จาก Exenatide มากที่สุด อาจมีการศึกษาปัจจัยทางพันธุกรรมและชีวภาพที่เกี่ยวข้องกับการตอบสนองต่อยา เพื่อให้สามารถเลือกผู้ป่วยที่เหมาะสมกับการรักษาด้วย Exenatide ได้
3. ทดลองกับยาตัวอื่นๆ ในกลุ่ม GLP-1 receptor agonists: เพราะยาแต่ละตัวในกลุ่มนี้ อาจมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ยาบางตัวอาจสามารถผ่านเข้าสู่สมองได้ดีกว่า หรือมีผลต่อเซลล์ประสาทที่แตกต่างกัน
4. ศึกษาผลของ Exenatide ในผู้ป่วยเบาหวานที่เป็นพาร์กินสันร่วมด้วย เนื่องจากยา Exenatide มีผลในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด อาจมีประโยชน์ในผู้ป่วยที่มีภาวะดื้อต่ออินซูลินร่วมด้วย
เรื่องราวของ Exenatide กับโรคพาร์กินสัน เป็นเรื่องราวที่สอนให้เรารู้ว่า การค้นหายาใหม่ๆ มันไม่ได้ง่ายอย่างที่เราคิด และบางครั้งความหวังก็อาจไม่ได้เป็นจริงอย่างที่เราคาดหวัง
แต่ถึงแม้ว่าเราจะเจออุปสรรค เราก็ต้องไม่ยอมแพ้ เราต้องเรียนรู้จากความผิดพลาด และเดินหน้าต่อไป
ผมหวังว่าเรื่องเล่านี้จะเป็นประโยชน์ให้กับทุกคนนะครับ แล้วพบกันใหม่นะครับ
เอกสารอ่านเพิ่มเติม
1.
https://www.thelancet.com/journals/lancet/article/PIIS0140-6736(24)02808-3/fulltext
สุขภาพ
ความรู้รอบตัว
ข่าวรอบโลก
1 บันทึก
4
1
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย