12 ก.พ. เวลา 23:46 • ความคิดเห็น
"หมดไฟ" กระทู้ยอดฮิตใน BD เลยนะ จนอดสงสัยไม่ได้ว่าคนรุ่นก่อนๆเค้ามีอาการนี้กันไหม
ภาวะหมดไฟ จริงๆก่อนจะ burn out มักมีสัญญาณเตือนมาก่อน ถ้ารู้จักรับฟังตัวเอง จะพบภาวะ low-motivation หรือขาดแรงจูงใจ
ที่ผ่านๆมา ถ้าแรงจูงใจมาจากสิ่งที่ชอบ ถ้าคนๆนั้นจำกัดตัวเองอยู่แต่สิ่งที่ชอบ ส่วนใหญ่ก็จะเข้าสู่ภาวะ low-motivation และหมดไฟในที่สุด เพราะความชอบก็เหมือนกับความอื่นๆนั่นแล (เช่นความสุข ความทุกข์) มันจะคลายตัวลงเสมอ
เมื่อความชอบคลายตัวลง กลายเป็นความเฉยๆ แรงส่งก็แผ่วลงเป็นธรรมดา จึงรู้สึกเหมือนหมดไฟ
แม้แพชชั่นจะเป็นแรงส่งที่ดี แต่ไม่ใช่แรงที่เสถียร ดังนั้นแรงขับเคลื่อนของชีวิต ควรเป็นแรงที่สม่ำเสมอ มิใช่แรงที่หวือหวาไม่เสถียร
แรงขับที่สม่ำเสมอ ได้แก่ ความรับผิดชอบ
มีวินัยในตนเอง ใฝ่ดี มีมานะพยายาม
เป็นต้น
คนส่วนใหญ่ที่หมดไฟ เป็นเพราะใช้เชื้อเพลิงผิดประเภทตั้งแต่แรก ใช้ความชอบของตนเป็นหลัก มองหาแต่สิ่งที่ชอบ จะทำแต่สิ่งที่ชอบ โดยไม่เรียนรู้ที่จะจัดการกับความรู้สึกไม่ชอบหรือสิ่งที่ไม่ชอบ
พึงเปลี่ยน mindset เสียใหม่ ไม่ต้องมองหาแพชชั่นหรือไฟเฟยอะไรทั้งนั้น!!
คิดใหม่ ทำใหม่ จัดลำดับความสำคัญซะใหม่ ไตร่ตรองให้ตกผลึกว่า **ควรฝากชีวิตไว้กับอะไร** ไฟที่พร้อมมอดเพราะสาเหตุร้อยแปดพันประการ หรือจะสร้างขุมพลังในตัวเอง จะได้ไม่ต้องพึ่งพาไฟอะไรจะภายนอก
โฆษณา