13 ก.พ. เวลา 05:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ

พลิกวิกฤต AI Disruption ให้เป็นโอกาสแห่ง Digital Transformation

จากการสำรวจผู้บริหารในธุรกิจกลุ่มการเงินการธนาคารของ Bloomberg Intelligence หลายคนมองตรงกันว่าในช่วง 3 - 5 ปีข้างหน้า ธนาคารขนาดใหญ่ทั่วโลกอาจเลิกจ้างพนักงานมากถึง 200,000 ตำแหน่ง ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 3% ของงานทั้งหมดในอุตสาหกรรม เนื่องจากบางตำแหน่งสามารถใช้ AI เข้ามาทำงานแทนที่มนุษย์ได้ทันที
ผลสำรวจยังเผยให้เห็นว่าอีกว่านอกจาก AI จะเข้ามาช่วยเพิ่มผลิตผลในการทำงานแล้ว คาดว่าจะช่วยเพิ่มรายได้อย่างน้อย 5% ในช่วง 3 - 5 ปีข้างหน้า โดยมีการคาดการณ์ว่าในปี 2027 ธนาคารขนาดใหญ่จะสามารถทำกำไรก่อนหักภาษีสูงขึ้น 12 - 17% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า ซึ่งตัวเลขนี้อาจหมายถึงรายได้รวมที่จะเพิ่มขึ้นราว 180,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
การนำ AI มาใช้ในธุรกิจ ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกลุ่มการเงินการธนาคารเท่านั้น เพราะนอกจากการใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลการเงินและการจัดการการลงทุนแล้ว AI ยังสามารถใช้ในเชิง Healthcare Innovation ได้ เช่น การวิเคราะห์ภาพถ่ายทางการแพทย์หรือฟิล์มเอกซ์เรย์ เพื่อช่วยในการวินิจฉัยโรคและติดตามสุขภาพผู้ป่วย
สำหรับกลุ่มการบริการลูกค้าก็สามารถทำ Cloud Migration หรือการย้ายระบบไอทีไปยังคลาวด์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน รวมถึงการใช้ AI ประเภท Chatbots หรือ Virtual Assistants ในการเก็บข้อมูล เพื่อปรับปรุงการบริการลูกค้า ไปจนถึงการสร้างช่องทางการขายของแบรนด์เอง หรือ Direct-to-Consumer
ขณะที่กลุ่มการผลิต โรงงาน และโลจิสติกส์ ก็มีการนำ AI มาใช้จัดการโรงงานและกระบวนการการผลิต เพื่อเพิ่มผลิตผลในการทำงาน ไปจนถึงวางแผนเส้นทางการขนส่ง เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน ลดการใช้ทรัพยากร และลดค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับเทรนด์ความยั่งยืนของโลกอีกด้วย
แม้ว่าการนำ AI มาใช้ในธุรกิจจะส่งผลให้มีการเลิกจ้างพนักงานบ้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่า AI ก็สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของพนักงานได้เช่นกัน โดยข้อมูลจาก Work Trend Index ของ Microsoft พบว่า 78% ของพนักงานในธุรกิจ SME ตัดสินใจนำ AI เข้ามาใช้ในการทำงาน โดย 90% ของพนักงานให้เหตุผลว่า AI ช่วยประหยัดเวลาในการทำงานมากขึ้น และ 85% บอกว่าพวกเขาสามารถเอาเวลาไปทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์กว่าได้
จะเห็นได้ว่าธุรกิจในหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะมีขนาดใหญ่หรือเล็กก็สามารถนำ AI เข้ามาปรับใช้ในองค์กรได้ ขอเพียงเลือกใช้ให้เหมาะสม จากวิกฤต AI Disruption ก็จะกลายเป็นโอกาสแห่ง Digital Transformation ซึ่งในมุมมองของนักลงทุนแล้ว การที่ทุกคนหันมาใช้ AI ย่อมเป็นโอกาสการลงทุนในเทคโนโลยีนี้ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจต้นน้ำของ AI อย่างเซมิคอนดักเตอร์ ธุรกิจกลางน้ำอย่างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ไปจนถึงธุรกิจปลายน้ำอย่างผู้พัฒนาแอปพลิเคชันและซอฟต์แวร์
ทั้งนี้ ยังมีอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับประโยชน์จากการนำ AI เข้ามาใช้งาน คือกลุ่มธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงตัวเองในเชิงโครงสร้าง โดยเฉพาะกลุ่มที่นำ AI และ Machine Learning (ML) มาปรับใช้เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ไปจนถึงการปรับโครงสร้างองค์กรในลักษณะ Digital Transformation ซึ่งในช่วงไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา ผู้จัดการกองทุน Wellington Global Innovation ซึ่งเป็นกองทุนหลักของ B-GTO ได้เข้าลงทุนในกลุ่มธุรกิจนี้ เพื่อโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีในอนาคต
สำหรับนักลงทุนที่สนใจการลงทุนใน AI, Machine Learning (ML) รวมถึงบริษัทที่ขับเคลื่อนหรือได้ประโยชน์จากนวัตกรรม BBLAM ขอแนะนำกองทุน B-GTO และหากต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี ขอแนะนำ B-GTORMF ซึ่งสามารถเลือกลงทุนได้ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้น 500 บาท
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ BBLAM
• โทร. 0 2674 6488 กด 8
• เว็บไซต์ BBLAM
• ลงทุนด้วยตนเองง่าย ๆ ผ่านโมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพ หรือ แอป BF Fund Trading จาก BBLAM
คำเตือน : การลงทุนมิใช่การฝากเงินและมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับเงินลงทุนคืนเต็มจำนวนเมื่อไถ่ถอน (ไม่คุ้มครองเงินต้น) / ผู้ลงทุนต้องศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า ข้อมูลสำคัญ นโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุในคู่มือการลงทุนในกองทุน RMF ก่อนการตัดสินใจลงทุน / กองทุนที่มีการลงทุนในต่างประเทศมิได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด
ทั้งนี้ อยู่ในดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ดังนั้น ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในกองทุนดังกล่าว หรืออาจได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
#BBLAM #กองทุนบัวหลวง #BFFundTrading #MobileBanking #ธนาคารกรุงเทพ
โฆษณา