13 ก.พ. เวลา 08:41 • ความคิดเห็น
ที่จริงแล้ว เราก็มีคำถามมากมายก่ายกอง ความลังเลสงสัย กรรมมีจริง นรกสวรรค์มีจริงมั้ย บุญกุศลบารมีมีจริงมั้ย พระพุทธเจ้า พระธรรมมีจริงมั้ย พระอรหันต์ อีกทั้ง เรื่องราวสิ่งที่มองไม่เห็น ทีมันลับๆล่อ เรื่ิองราวแม้ในกาย ที่เราเจ็บป่วย ที่บอกว่า มาแต่กรรมอดีต การคล้องเวรกรรม มันก็มีความลังเลสงสัย เรื่องเวียนว่ายตายเกิด ก็สงสัย ..ยิ่งบอกว่า อวิชชา ..ก็ยิ่งไม่รู้เลยว่า แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร .มันลังเลสงสัย ไม่ได้ประจักษ์ต่อจิตของตนเอง
.. เพราะฉะนั้น เมื่อเราลังเลสงสัย ไม่รู้จัก ..ว่า ..เค้าว่า ของจริงๆ นั้นเกิดอย่างไร เราก็ได้ ถามพระ ถามครูบาอาจารย์ ที่ท่านทำได้ ..ท่านก็ช่วยสอนแนะให้ ท่านพูดให้ฟัง ..ปฏิบัติให้ดู ทำให้ดู เราก็นำมาฝึกหัด ทำตามท่าน ก็ค่อยๆ ได้คำตอบในสิ่งอยากจะรู้ม..
คราวนี้ คำตอบ ..เพื่อนำทางให่จิตปฏิบัติธรรม ลดละ หนีเวรกรรม ..มันก็เป็นเรื่องละเอียด เหมือนที่ว่า เราอยู่กับอารมณ์ ใช้อารมณ์ เราก็ไม่รู้จักอารมณ์ พอถามว่า รู้จักจิตตัวเองมั้ย ก็ไม่รู้จัก ..เสียอีก เหมือนไม่รู้จัดตัวตนของเราเอง ..เราก็มักถามครูบาอาจารย๋ คลี่คลายให้ ..จะได้รู้จักคำว่าจิตของตัวเอง รู้จักกรรมของตัวเอง รู้จักว่าทำอย่างไรที่ช่วยหนุนนำให้จิต หนีเวรกรรม
ส่วนที่ชอบตอบ ..เพราะจะได้ทบทวนตัวเองไปด้วย ทบทวนความเข้าใจ เหตุผลต่างๆ ที่จดจำมา เพื่อจะฝึกหัดตัวเอง ..ต่อไปอีก..บางทีก็ถูก ครูบาอาจารย์ท่านดุ เอาเหมือนกัน เอาจิตไปวุ่นวายกับเค้า เอาตาไปอ่านไปมอง ..มันก็รับอารมณ์นึกคิดของเค้าเข้ามา เวลาจะสวดมนต์ สิ่งที่ตาไปเห็น หูได้ยิน มันก็เป็นอารมณ์ มาปกคลุมกาย ..ให้เร่าร้อนหงุดหงิด .อ้อ..คนที่เราไปสัมผัสมา ..มีแต่อารมณ์ มีแต่กรรม ..มันก็เลยเร่าร้อนไปด้วย ..บางครั้ง ก็ทำให้กายนั้นเจ็บปวด เหมือนถูกเฆี่ยนตี ..
โฆษณา