14 ก.พ. เวลา 07:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ตลาดน้ำหอมเติบโตต่อเนื่อง! รับกระแสเทศกาลแห่งความรัก

เสน่ห์แห่งกลิ่นหอม พาณิชย์เผยอุตสาหกรรมน้ำหอมโตต่อเนื่อง แนะผู้ประกอบการยกระดับมาตรฐานการผลิต ส่งเสริมการส่งออกไปตลาดโลก
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผอ.สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ.สนค.) เปิดเผยว่า น้ำหอมเป็นศาสตร์และศิลป์ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับประสาทสัมผัสด้านกลิ่น มีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่ออารมณ์ ความทรงจำ และพฤติกรรมของมนุษย์ กลิ่นหอมสามารถกระตุ้นความรู้สึกโรแมนติก สร้างความมั่นใจ หรือช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายได้ ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องประดับบนร่างกาย แต่ยังเป็นภาษาที่ไร้คำพูดที่ถ่ายทอดอารมณ์และบุคลิกภาพของผู้ใช้ได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในโอกาสพิเศษ เช่น วันวาเลนไทน์ มักถูกเลือกเป็นของขวัญแทนความรักและความรู้สึกดี ๆ
พูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผอ.สนค.
ปัจจุบันตลาดน้ำหอมทั่วโลกเติบโตต่อเนื่อง
ข้อมูลจาก Euromonitor ระบุว่า ในปี 2024 ตลาดน้ำหอมทั่วโลกมีมูลค่า 67,026.30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 4.25% ต่อปี จนมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 79,157.90 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2028 โดยมีปัจจัยหนุนการเติบโต อาทิ อิทธิพลของกระแสความงาม การบริโภคสินค้าหรูหรา และความต้องการผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะตัว
สำหรับประเทศไทย ในปี 2024 ตลาดน้ำหอมมีมูลค่า 391 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 5.86% ต่อปี จนมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 491 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2028 โดยประเทศไทยมีแหล่งขุมทรัพย์แห่งกลิ่นหอม อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพรรณนานาชนิดและมีศักยภาพในการนำไปใช้เป็นวัตถุดิบน้ำหอม อาทิ
  • ดอกกระดังงา มีกลิ่นหอมหวานและอบอุ่น นิยมนำไปใช้ในน้ำหอมที่ให้ความรู้สึกน่าดึงดูดใจสไตล์เซ็กซี่
  • ดอกโมก มีกลิ่นหอมบริสุทธิ์ ให้ความรู้สึกสดชื่นและสงบ
  • ดอกลำเจียก มีกลิ่นหอมเอกลักษณ์เฉพาะตัว ให้ความรู้สึกอ่อนหวานและนุ่มนวล
  • ดอกจำปีและดอกจำปา มีกลิ่นหอมเข้มข้น ให้ความรู้สึกหรูหรา
  • กฤษณา (Oud) เป็นวัตถุดิบหายากและมีมูลค่าสูง มีกลิ่นหอมที่ลุ่มลึกและติดทนนาน นิยมใช้ในน้ำหอมระดับไฮเอนด์
ด้วยความหลากหลายของพืชพรรณไทย อุตสาหกรรมน้ำหอมไทยสามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรเหล่านี้ นำมาต่อยอดพัฒนาเป็นน้ำหอมไทยที่มีอัตลักษณ์โดดเด่น และสามารถสร้างจุดขายในตลาดโลกได้.....นายพูนพงษ์ กล่าว
ตลาดน้ำหอมเติบโตต่อเนื่อง! รับกระแสเทศกาลแห่งความรัก
นายพูนพงษ์ฯ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การพัฒนาอุตสาหกรรมน้ำหอมไทยควรเริ่มจากการสร้างแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์ โดยอาศัยวัตถุดิบจากพืชพรรณท้องถิ่นเป็นจุดขายสำคัญ นอกจากนี้ควรสนับสนุนให้มีการปลูกพืชหอมแบบยั่งยืนเพื่อให้ได้วัตถุดิบที่มีคุณภาพและเพียงพอต่อความต้องการของตลาด และพัฒนากระบวนการสกัดน้ำหอมให้ได้มาตรฐานสากล
อาทิ ISO 9235 เป็นมาตรฐานรับรองคุณภาพสำหรับวัตถุดิบและสารสกัดจากธรรมชาติที่มีกลิ่นหอม และการรับรองจากสมาคมน้ำหอมนานาชาติ (International Fragrance Association: IFRA) เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยของน้ำหอมและส่วนผสมของน้ำหอม
การพัฒนากระบวนการสกัดให้ได้มาตรฐานสากล
จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุดิบไทย สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน และส่งเสริมการส่งออกได้ดีขึ้น อีกทั้งการร่วมมือกับนักปรุงน้ำหอมหรือบริษัทเครื่องหอมระดับโลกเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์ไทยก้าวเข้าสู่ตลาดสากลได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้การใช้กลยุทธ์การตลาดที่ทันสมัย เช่น การใช้โซเชียลมีเดีย การขายผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และการจัดเวิร์กช็อปน้ำหอมเพื่อดึงดูดลูกค้า จะช่วยสร้างการรับรู้และเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจน้ำหอมไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อุตสาหกรรมน้ำหอมไทยมีศักยภาพสูงในการเติบโตในตลาดโลก ภาครัฐและเอกชนควรร่วมมือกันในการพัฒนาวัตถุดิบ การยกระดับมาตรฐานการผลิต และการทำการตลาดที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ประกอบการควรเน้นการสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์ ใช้กลิ่นหอมจากพืชพรรณไทยเป็นจุดขาย และพัฒนากระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อให้แข่งขันในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน.....นายพูนพงษ์ฯ กล่าวทิ้งท้าย
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ : https://www.pptvhd36.com/wealth/trick-trend/242799
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา