14 ก.พ. เวลา 11:15 • ความคิดเห็น

How will you measure your nation?

วันก่อนได้มีโอกาส mentor น้องในโครงการ WISE ที่มาปรึกษาเรื่องการเรียนต่อ ซึ่งผมก็ได้เล่าคร่าวๆ ให้ฟังเรื่องหนังสือของ Clayton Christensen ที่ชื่อ How will you measure your life ทำให้ต้องกลับมาทบทวนสาระสำคัญในหนังสือ ประกอบกับนึกถึงสิ่งที่พีพีพูดถึงวันก่อน เลยทำให้ต้องกลับมาตั้งคำถามว่าแล้วประเทศชาติล่ะต้องตั้งคำถามเดียวกันไหม?
ซึ่งผมว่าในหนังสือ มีคำถามที่น่าสนใจที่เราเอามาตั้งคำถามกับประเทศของเราได้หลากหลายมาก
เมื่อวานพีพี และ อ.เบียร์ได้เล่าเรื่อง AI ในรายการ 101.world ในหลากหลายมิติ รวมทั้งผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับคนรุ่นใหม่อย่างไรบ้าง ซึ่งคนเหล่านี้ก็จะเติบโตไปเป็นอนาคตของชาติ
แต่มันอาจจะทำให้หลายๆ คนลืมตั้งคำถามว่า แล้วชาติล่ะควรไปทางไหน และเด็กรุ่นใหม่เหล่านี้จะผลักดันให้ชาติเราไปในทางไหน ซึ่งคุณกัปตันคนเนิร์ดตั้งข้อสังเกตไว้ว่าในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจ และการเติบโตมีปัญหา ซึ่งอาจจะเป็นเพราะ “รัฐธรรมนูญ” ที่ไม่เอื้อต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ขนาดจะแก้รัฐธรรมนูญยังไม่เอื้อให้เกิดเลย แล้วพอยิ่งไปโยงกับแผนยุทธศาสตร์ 20 ปีที่ต้องการจะมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ทั้งๆ ที่ตัวยุทธศาสตร์ล้าหลังตั้งแต่ยังไม่คลอดออกมาเลย
สิ่งเหล่านี้เป็นเพราะเราลืมตั้งคำถาม และลืมที่จะท้าทายกับสมมติฐานต่างๆ ที่เรามีโดยที่เราไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ
ผมเห็นการวางแผนแบบที่มโนเอาว่า เดี๋ยวเราจะรวยจากการท่องเที่ยว โดยเราไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าทำไมนักท่องเที่ยวจะมา และมาทำไม ไม่ต่างกับในหนังสือที่เล่าว่า Disney ในกรุงปารีสที่สร้างสวนสนุกมาให้รองรับนักท่องเที่ยวได้ 33 ล้านคนต่อวัน เพราะคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวมา 11 ล้านคน และแต่ละคนจะอยู่โดยเฉลี่ย 3 วัน พอเอาจริง ลูกค้ามา 11 ล้านคนจริง แต่อยู่กันแค่วันเดียว เพราะมีสมมติฐานที่ลืมคิดไปคือ สวนสนุกอื่นมี ride เฉลี่ย 45 rides แต่ที่นี่มี ride ให้เล่นเพียง 15 rides เท่านั้น
ผมเห็นประเทศที่มุ่งเน้นจะผลักดันให้ GDP โตเท่านั้นเท่านี้ โดยไม่แก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง อยากให้ GDP โต ก็แจกเงิน ทำให้โครงช็อปช่วยชาติ เอาภาษีมาใช้ เอาเงินในอนาคตมาใช้ ไม่ต่างกับในหนังสือที่พูดถึงว่า การลงทุนกับอนาคตเป็นเรื่องสำคัญ แต่มันใช้เวลานานกว่าจะผลิดอกออกผล ผู้บริหารหลายๆ คนจึงละเลย เพราะมัวแต่ไปมุ่งเน้นผลกำไร ตอบนักลงทุน ซึ่งก็เหมือนกับรัฐบาลที่มัวแต่ทำอะไรสั้นๆ เพื่อซื้อใจประชาชน และปล่อยให้ปัญหาในอนาคตเป็นเรื่องในอนาคตให้รัฐบาลในอนาคตแก้กันไป
ผมเห็นประเทศที่ไม่เคยตั้งคำถามว่า Job to be done ของประเทศคืออะไร ในหนังสือพูดถึง milkshake ที่ตั้งคำถามว่าคนซื้อ milkshake ทำไม ซึ่งอาจจะไม่ใช่เพราะมันอร่อยอย่างเดียว หลายๆ คนอาจจะต้องการมีอะไรสนุกปากระหว่างขับรถไปทำงาน หลายๆ คนอาจจะต้องการให้ลูกๆ หุบปากเงียบๆ ระหว่างไปรับลูกกลับบ้าน หลายๆ คนอาจจะต้องการมีอะไรกินง่ายๆ ระหว่างขับรถ พอเราลืมถามคำถามพวกนี้
ประเทศไทยเราจึงดูเหมือนอยู่กันไปวันๆ เหมือนเรือใบที่รอลมพัดเราไปไหนก็ไม่รู้ ในที่ที่เราต้องการไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ แทนที่จะกลับมาตั้งคำถามว่า โลกใบนี้ต้องการประเทศไทยไปทำไม และ job to be done ของเราคืออะไร
พอไม่คิดกัน เด็กรุ่นใหม่เลยไม่ได้มีส่วนช่วยในการผลักดันประเทศดีขึ้น หลายๆ คนที่เก่ง แต่ยังคงโดนกดทับกันแบบนี้ พวกเขาก็คงจะยอมแพ้ อาจจะหันไปช่วยประเทศอื่นแทน ในวันที่เด็กรุ่นใหม่เป็น global citizen กันไปหมดแล้ว ไม่ได้ผูกพันกับประเทศใดประเทศหนึ่งอีกต่อไป
โฆษณา