ทำงานมาหลายปี แต่ไม่มีเงินเก็บ ใช้เงินเดือนชนเดือน สาเหตุที่ไม่มีเงินเก็บเงินไม่พอใช้หมดไปกับอะไร?
ไม่กี่วันก่อนมีโพสต์หนึ่งกลายเป็นไวรัลเขียนประมาณว่า “ต่อให้เงินเดือน 50,000 บางคนก็จะมีคนมีภาระเกิน 70,000 บาทอยู่ดี”
มองมุมหนึ่งมันก็เป็นสเตตัสขำๆ จิกกัดสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตคนหลายต่อหลายคนเกี่ยวกับเรื่องการใช้จ่ายเงินเกินตัว แต่คำหนึ่งในประโยคนั้นที่ทำให้รู้สึก ‘ไม่ค่อยขำเท่าไหร่’ คือคำว่า ‘ภาระ’
พอไปเห็นกระทู้ที่ถามเรื่องการทำงานมาหลายปี แต่ไม่มีเงินเก็บ ใช้เงินเดือนชนเดือน มีไม่พอใช้หมดไปกับอะไร? เลยทำให้ย้อนกลับไปคิดถึงสเตตัสไวรัลนั้นอีกครั้งและมองได้สองมุมเช่นกัน
แน่นอนว่าในมุมหนึ่งสิ่งที่เรียกว่า ‘LifeStyle Inflation’ หรือการใช้จ่ายของเราที่เติบโตตามรายได้นั้นเป็นเรื่องจริง ยิ่งเรามีรายได้เยอะขึ้น โอกาสที่เราจะใช้จ่ายเงินมากขึ้นนั้นก็ตามมา
ไม่ผิดหรอกครับ ทุกคนอยากใช้ชีวิตที่สะดวกสบายมากขึ้น ไม่มีใครอยากลำบาก แต่ในขณะเดียวกันถ้าไม่บริหารจัดการเงินให้ดี มันก็จะวนกลับมาที่เดิมที่ใช้เงินเดือนชนเดือนอยู่ดี
แน่นอนเราจะบอกว่าทางแก้หนึ่งคือหาเงินเพิ่มอีกก็ได้ แต่การลดรายจ่ายนั้นดูจะเป็นทางแก้ที่เริ่มทำได้ง่ายกว่า และทำได้ตอนนี้เลย
แต่อีกมุมหนึ่งครับ วนกลับมาที่คำว่า ‘ภาระ’ ในชีวิตที่ยิ่งโต อายุมากขึ้น ก็ยิ่งมีเพิ่มขึ้นด้วย ภาระความรับผิดชอบหลายอย่างเป็นสิ่งที่เราเลือกเองเช่นหนี้บ้านหรือหนี้รถ หรือการแต่งงานมีครอบครัว มีลูก สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องการตัดสินใจผิดถูก แต่เป็นทางเลือกที่เราเลือกแต่นำมาซึ่งภาระความรับผิดชอบทางด้านการเงินที่ต้องดูแล
นอกจากนั้นก็ยังมีภาระอย่างอื่นอีกเช่นครอบครัว พ่อแม่ ญาติพี่น้อง ฯลฯ สิ่งเหล่านี้อาจจะไม่ใช่ภาระที่เราเป็นคนสร้าง แต่บางทีเราต้องรับผิดชอบ (ชีวิตไม่แฟร์ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น บ่นไปก็ต้องรับผิดชอบอยู่ดี)
ยิ่งบวกรวมกับสถานการณ์เศรษฐกิจตอนนี้ก็ไม่ได้สู้ดี เงินทองหายาก จึงไม่แปลกใจหรอกที่เห็นกระทู้ตั้งขึ้นมาถามว่าทำงานมาหลายปียังใช้เงินเดือนชนเดือนอยู่ เอาไปใช้จ่ายกับอะไร? มันก็เรื่องของการใช้ชีวิต ไม่ได้บริหารการเงินให้ดี และภาระความรับผิดชอบในชีวิตนั่นแหละครับ
🎯 ทีนี้จะแก้ยังไง?
พอดีไปอ่านหนังสือ ‘วิชาธุรกิจที่ชีวิตจริงเป็นคนสอน เล่ม 1’ มาตอน ‘9 วิธีไม่ยาก เอาชนะช่วงยากลำบากของชีวิต’ ที่คุณ ธรรศภาคย์ เลิศเศวตพงศ์ ได้นำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตช่วงหืดขึ้นคอของตัวเองเอาไว้ได้อย่างน่าสนใจ และคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์เลยอยากเอามาแชร์ให้อ่านกัน
1. เปลี่ยน Lifestyle : ออกข้างนอกให้น้อยหน่อย อยู่บ้านให้มากขึ้น เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เริ่มต้นคุมค่าใช้จ่ายให้ดี ลดค่าใช้จ่ายไม่จำเป็น การอยู่บ้านให้มากขึ้นช่วยได้
อาจจะลดการเจอเพื่อนฝูงลง ช่วงลำบากทุกคนเข้าใจ หรือถ้าจะเจอกันก็มาเจอกันที่บ้านก็ได้ ทำอาหารคุยกันที่บ้าน รัดเข็มขัด คนที่เป็นเพื่อนสนิทจะเข้าใจ
2. ตัดคนไม่สำคัญ กิจกรรมที่ไม่สำคัญออกจากชีวิต นัดเจอคุยงานที่สุดท้ายไม่ได้กลายเป็นชิ้นเป็นอันเยอะแยะมากมาย
เราต้องวิเคราะห์ แยกแยะว่า คนที่สำคัญที่เราควรไปเจอคือใคร งานที่จะไปคุยมีโอกาสที่จะเปลี่ยนเป็นธุรกิจหรือการเติบโตในอนาคตมากแค่ไหน หรือเป็นแค่อัปเดตข่าวสาร คุยเยอะแต่งานน้อย อันนี้ตัดทิ้ง หรือโทรคุยก็พอ เพราะออกบ้านทีทุกอย่างคือค่าใช้จ่าย
3. จัดบ้าน ขายของที่ไม่ใช้ออกไปบ้าง เมื่อเราได้อยู่บ้าน ใช้เวลานั้นให้เป็นประโยชน์ จัดบ้านไปในตัว ของที่ไม่ได้ใช้ก็เอาไปขายเป็นเงินมาหมุน ลงทุน ได้หมด ตอนนี้ยิ่งง่ายมี Marketplace ให้ลงขายได้อีกหลายช่องทางเลย ดีไม่ดีอาจจะได้อาชีพเสริมไม่รู้ตัว
4. ศึกษาเรื่องการลงทุนและหารายได้เสริม เอาเงินจากการขายของข้อสามไปเรียนรู้และพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นเพื่อหารายได้เพิ่ม ศึกษาเรื่องการจัดการเงินส่วนบุคคลและลงทุนอย่างจริงจัง ทำอย่างมีสติ ไม่ใช่ความโลภ
หลักการคือถ้ายังไม่มีรายได้หลักทางใดทางหนึ่ง ให้หารายได้เสริมหลายๆ ทาง รวมกันเพื่อเป็นรายได้หลัก งานเสริมที่ลงทุนน้อยที่สุดคือสิ่งที่มาจากหัวของเราและใช้แรงของเราเอง
5. สะสมความรู้เข้าตัว มีหนังสืออะไรเอามาอ่านให้หมด คอร์สเรียนฟรีออนไลน์อันไหนที่น่าจะมีประโยชน์ลงเรียนไปเลย ถ้าต้องหยิบยืมเพื่อนก็ใช้เครือข่ายให้เป็นโอกาส อ่าน เรียนรู้ ตกผลึก และต่อยอด ทดลองทำ
6. ค้นหาศักยภาพของตัวเอง ช่วงที่อยู่กับตัวเอง ไม่มีคนกวนใจ ไม่มีใครสั่ง ไม่มีใครบังคับ ตอนนี้คือโอกาสที่จะได้ค้นหาศักยภาพของตัวเอง ‘เพราะความไม่มี ทำให้เรามี’ หลังชนฝาก็ต้องหาทางรอด
ใช้สติคิดวิเคราะห์ว่าเราทำอะไรได้ดี มีความสามารถตรงไหนที่แตกต่างและนำมาต่อยอดได้
7. เปลี่ยนนิสัยเลิกซื้อเพราะถูก แต่ให้ซื้อของที่มีคุณภาพที่อยู่กับเราไปนานๆ ดีกว่า เลือกซื้อที่คุณภาพจะได้ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ
8. เที่ยวต่างประเทศไม่ได้ ก็เที่ยวในประเทศ ลดการชอปปิง กินของไทย ใช้ของไทย
9. ทดลองทำสิ่งใหม่ๆ มีประโยคหนึ่งที่บอกว่า “What Get You Here, Won’t Get You There” หรืออะไรที่เราเคยทำและพาเรามาถึงตรงนี้จะไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไปแล้ว นั่นหมายความว่าหากเราต้องการผลลัพธ์ใหม่ๆ สิ่งที่ทำต้องเปลี่ยนไปด้วย
สิ่งที่เราเคยทำ พาเรามาลำบากตรงนี้ ก็เปลี่ยน อย่าทำตัวแบบเดิมแล้วหวังผลใหม่ มันไม่เกิดขึ้น อะไรที่เปลี่ยนแปลงได้รีบเปลี่ยน อย่ารอให้เศรษฐกิจแย่ไปกว่านี้ หรือ มีภาระรับผิดชอบที่ต้องดูแลเพิ่มขึ้นแล้วค่อยทำ
เอาใจช่วยทุกคนครับ
#aomMONEY #MakeRichGeneration #วิธีแก้ใช้เงินเดือนชนเดือน #ไม่มีเงินเก็บ #การเงินส่วนบุคคล ดูน้อยลง
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
