14 ก.พ. เวลา 14:49 • ไลฟ์สไตล์

สมัยอาตมาอายุสิบขวบ ที่บ้านย้ายไปอยู่ในเมืองทางฝั่งตะวันออกของอังกฤษ

ช่วงหน้าหนาว เมืองนี้มีลมพัดเย็นเข้ากระดูก ไม่นานก็ได้รู้ว่าลมนั้นพัดมาไกลจากเขตไซบีเรีย แต่ไม่ใช่ลมหนาวสักเท่าใดที่ทำให้ในวัยเด็กอาตมารู้สึกหดหู่ หรือแม้แต่การมีช่วงกลางวันที่สั้นมาก ทว่า บรรดาต้นไม้ใบร่วงโกร๋นเหลือแต่กิ่งก้านนั่นต่างหากที่ชวนให้จิตเศร้าหมอง
ในเมืองไทย ใบไม้มักจะร่วงในฤดูร้อนมากกว่าฤดูหนาว ที่อาศรม อาตมาปลูกต้นไม้ที่มีใบเขียวตลอดปีจำนวนมากเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ดูเปล่าเปลี่ยวเกินไป แต่กระนั้น พอย่างเข้าฤดูร้อน อาตมาก็มักสังเกตเห็นความไม่พอใจลึกๆ เวลามีต้นไม้บางต้นใบร่วงโกร๋นอยู่รอบตัว ซึ่งเป็นเสียงสะท้อนถึงสิ่งที่เคยรังเกียจในยามเด็ก และเฝ้ารอฝนที่จะตกลงมาในไม่ช้าเพื่อคืนความเขียวขจีให้ผืนป่า
แล้ววันหนึ่ง ความจริงที่อาตมารู้อยู่นานแล้วก็เผยขึ้นในใจ นั่นคือ ต้นไม้สลัดใบทิ้งเพื่อลดการคายน้ำ อาตมาเริ่มมองต้นไม้ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป ตอนนี้กิ่งก้านที่โล่งโกร๋นกลายเป็นการแสดงออกถึงความอดทน เป็นความเพียรอย่างดีที่สุดเพื่อให้ชีวิตรอด แม้จะขาดแคลนปัจจัยพื้นฐาน แค่เปลี่ยนเรื่องในความคิด ไม่ใช่ตามที่อยากจะให้เป็น แต่ด้วยการระลึกถึงข้อเท็จจริงที่เรามองข้าม ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
ทุกวันนี้ เมื่อเดินรอบป่าตามกิจวัตร อาตมาเริ่มเห็นความงามบางอย่างในต้นไม้ที่ใบร่วงโกร๋น และรู้สึกเห็นใจต้นไม้ ในใจลึกๆ อาตมามักจะกระตุ้นให้ต้นไม้อดทนเข้าไว้ ไม่นานหรอก --อาตมาให้กำลังใจต้นไม้เหล่านั้น-- ปัญหานี้จะผ่านไป
ธรรมะคำสอน โดย พระอาจารย์ชยสาโร
แปลถอดความ โดย ปิยสีโลภิกขุ
โฆษณา