เชื่อพระเจ้ากับเชื่อตัวเอง?
ยอห์น 12:3-6 TH1971
[3] มารีย์เอาน้ำมันหอมนารดาบริสุทธิ์หนักประมาณครึ่งกิโลกรัม ซึ่งมีราคาแพงมากมาชโลมพระบาทพระเยซู และเอาผมของเธอเช็ดพระบาทของพระองค์ เรือนก็หอมฟุ้งไปด้วยกลิ่นน้ำมันนั้น [4] แต่สาวกคนหนึ่งของพระองค์ ชื่อยูดาสอิสคาริโอท (คือคนที่จะอายัดพระองค์ไว้) พูดว่า [5] <<เหตุไฉนจึงไม่ขายน้ำมันนั้นเป็นเงินสักสามร้อยเดนาริอัน แล้วแจกให้แก่คนจน>> [6] เขาพูดอย่างนั้นมิใช่เพราะเขาเอาใจใส่คนจน แต่เพราะเขาเป็นคนหัวขโมย คือเขาได้ถือกล่องเก็บเงินและได้ยักยอกเงินที่ใส่ไว้ในนั้นไป
ก็เป็นเหตุการณ์ตอนที่พระเยซูไปหมู่บ้านเบธานี ก็กำลังจัดงานเลี้ยงพระองค์ ตอนยูดาสเห็นนางมารีย์ทำแบบนั้นก็ตำหนิเธอว่าน่าจะเอาไปขายแล้วนำมาช่วยคนจนดีกว่า แต่จริงๆ เขาเป็นคนชอบยักยอกเงินที่คนนำมาถวายพระเยซู
แต่น่าสนใจคือทำไมนางมารีย์จึงทำเช่นนั้นได้?
ลูกา 8:1-2 TH1971
[1] ต่อมาพระองค์ก็เสด็จไปตามบ้านตามเมือง ทรงประกาศข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า สาวกสิบสองคนนั้นก็อยู่กับพระองค์ [2] พร้อมกับผู้หญิงบางคนที่มีผีร้ายออกจากนางและที่หายโรคต่างๆ คือมารีย์ที่เรียกว่าชาวมักดาลา ที่พระองค์ได้ทรงขับผีออกจากนางเจ็ดผี
ก็พูดถึงมารีย์ก่อนพบกับพระเยซู ซึ่งเคยเป็นโสเภณีมาก่อนที่มักดาราและนักประวัติศาสตร์ก็สันนิษฐานว่าเป็นคนเดียวกันกับมารีย์ในพระธรรมยอห์นบทที่8 ซึ่งรอดตายจากการถูกหินขว้างเพราะพระเยซู
ตอนนี้เธอก็นำน้ำมันหอมราคาแพงที่เธอมีมารดพระเยซูและเอาผมเธอเช็ดเท้าพระองค์
ลูกา 7:44-47 TH1971
[44] พระองค์จึงทรงเหลียวหลังดูผู้หญิงนั้น และตรัสแก่ซีโมนว่า <<ท่านเห็นผู้หญิงนี้หรือ เราได้เข้ามาในบ้านของท่าน ท่านมิได้ให้น้ำล้างเท้าของเรา แต่นางได้เอาน้ำตาชำระเท้าของเราและได้เอาผมของตนเช็ด [45] ท่านมิได้จุบเรา แต่ผู้หญิงนี้ตั้งแต่เราเข้ามา มิได้หยุดจุบเท้าของเรา
[46] ท่านมิได้เอาน้ำมันชโลมศีรษะของเรา แต่นางได้เอาน้ำมันหอมชโลมเท้าของเรา [47] เหตุฉะนั้นเราบอกท่านว่า ความผิดบาปของนางซึ่งมีมากได้โปรดยกเสียแล้ว เพราะนางรักมาก แต่ผู้ที่ได้รับการยกโทษน้อย ผู้นั้นก็รักน้อย>>
เพราะเธอได้รับความรักจากjcมามาก เธอจึงแสดงความรักออกมาได้มากแบบนี้ แต่ผู้คนมากมายกำลังใช้ชีวิตแบบไม่สำนึกกับพระคุณพระเจ้า เพราะยังไม่เคยสัมผัสจึงกล้าที่จะใช้ชีวิตอย่างเย่อหยิ่งจองหองวางใจแต่ตัวเอง ใช้ชีวิตมีแค่เพื่อตัวเองสะดวกสบายยังไงก็พอ
มาระโก 14:9 TH1971
[9] เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า การซึ่งผู้หญิงนี้ได้กระทำก็จะลือไปเป็นที่ระลึกถึงเขาที่ไหนๆ ที่ข่าวประเสริฐจะประกาศทั่วพิภพ
ชีวิตของเธอได้กลายมาเป็นข่าวประเสริฐช่วยผู้คนมากมายให้มาถึงพระเยซูตราบจนทุกวันนี้
1 โครินธ์ 6:19-20 TH1971
[19] ท่านไม่รู้หรือว่า ร่างกายของท่านเป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งสถิตอยู่ในท่าน ซึ่งท่านได้รับจากพระเจ้า ท่านไม่ใช่เจ้าของตัวท่านเอง [20] พระเจ้าได้ทรงซื้อท่านไว้แล้ว ด้วยราคาสูง เหตุฉะนั้น ท่านจงถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าด้วยร่างกายของท่านเถิด
กำลังครุ่นคิดกับเรื่องนี้เยอะอยู่พอดี เพราะที่ผมมาเชื่อพระเจ้าก็เพื่ออยากหนีพ้นกับปัญหามากมายในโลก อยากมีพระเจ้าคอยช่วยครับ
กับคนที่ฉลาดมากๆ ส่วนมากก็ยากที่พวกเขาจะเชื่อพระเจ้า ผมเห็นแบบนั้น เพราะพวกเขาสามารถคิดหาทางออกกับปัญหาต่างๆได้ง่าย ยอมแพ้ยากมาก
คนที่จะเชื่อพระเจ้าง่ายจึงเป็นคนโง่เขลาที่ไม่สามารถคิดอะไรมากมายซับซ้อนได้ เหมือนเด็กๆ ที่ชอบจะติดตามผู้ใหญ่มากกว่า
การแก้ไขปัญหาบนโลกตอนนี้จึงมีสองทางแบบนี้ ส่วนผมมองเห็นว่าทางพระเจ้าดีกว่าเพราะทางของมนุษย์มันได้แต่พาไปสู่การขัดแย้งฆ่าทำลายกัน ไม่ว่าแผนการเริ่มต้นจะดูดีสักแค่ไหนแต่ก็จบลงที่ฆ่าทำลายกัน นี้ก็เป็นไปตามที่พระเจ้าบอกให้แล้วด้วยครับ เพราะมีมารซาตานที่คอยชักใยหรือให้ความคิดแผนการเหล่านั้น แต่คริสตจักรจะมีพระเจ้าที่คอยนำทางให้จึงเป็นทางรอดแท้จริงสำหรับมนุษย์ครับ
ภาพของมารีย์ก่อนเจอพระเยซูก็คือตัวแทนของมนุษย์ทุกคนนี้แหล่ะครับ ได้แต่ถูกตัณหาราคะลากไปเรื่อยๆ จนวันนึงถูกจับได้ว่ากำลังล่วงประเวณีกับชายที่ไม่ใช่สามี โทษคือประหาร แต่รอดเพราะได้พบกับพระเยซูก่อน
ซึ่งทุกคนก็กำลังถูกอำนาจบาปลากไปสู่ความหายนะแบบนี้เหมือนกัน ถ้ายังเชื่อยังตามความคิดของตัวเองไปเรื่อยๆ ทำนู่นนี่นั่นตามใจตัวเอง สะดวกสบายแต่พาไปจบลงที่ความตายครับ
ผมก็เลยกำลังคิดว่าทางรอดคือพระเยซู หมายถึงกับทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตทางรอดคือพระคำว่าอย่างไรครับ คริสตจักรว่าอย่างไร จบที่นี่แล้วจะรอด แต่ถ้ายังคิดยังหาทางออกด้วยสติปัญญาหรือวิถีทางของตัวเอง ก็มีแต่ถูกลากไปจนถึงหายนะถึงตายจริงๆ เลยคราวนี้ครับ
เพราะพระเจ้าก็พยายามช่วยเราตลอดเวลา แต่มารซาตานมันก็กำลังพยายามจะฆ่าเราตลอดเวลาเหมือนกัน การได้รู้สึกตัวเสมอว่าพระเจ้ากำลังทำอะไรจึงเป็นเรื่องสำคัญ แต่ที่ผ่านมาผมเองก็ลืมตัวบ่อยๆ และถูกความคิดที่มารให้ลากไปง่ายๆ รู้สึกตัวอีกทีคือตอนได้ฟังภรรยาหรือคนของพระเจ้าของคริสตจักรเตือน ความพยายามตั้งใจของผมเองที่จะไม่ให้เขาหลอก สูญเปล่าครับ
ยังไงด้วยตัวผมเองก็คงได้แต่ถูกมารหลอก ผมก็เลยมองว่าการใช้เวลาทั้งหมดให้กับพระเจ้านั่นแหล่ะที่จะช่วยให้ไม่ถูกมารฯหลอกครับ
แต่ในทางปฏิบัติด้วยตัวเองมันก็ทำไม่ได้จริงอีก ใครมันจะมาจดจ่อได้ตลอดเวลาแบบนั้น มันต้องทำภารกิจต่างๆ ด้วย ต้องกิน ต้องถ่าย ต้องอาบน้ำ ต้อง..สารพัดที่จะเผลอ มันมีช่องเผลอเยอะมาก แต่อีกฝ่ายคือมารซาตานจ้องแต่จะฆ่าทำลายเหมือนโจร แล้วมันจะไม่ถูกหลอกได้ยังไง? เหมือนมีโจรที่ซุ่มและยิงใส่เพื่อฆ่าอยู่ตลอดเวลาแบบนี้ครับ
พระเจ้าก็กำลังดูแลปกป้องคุ้มภัยชีวิตทุกคนผ่านทางคริสตจักรที่เป็นเหมือนกำแพง มีอาจารย์ สมาชิก ภรรยา ลูกและกิจกรรมต่างๆ ของข่าวประเสริฐเช่นเผยแพร่ อ่านฟังพระคำ อธิษฐาน สร้างโบสถ์ฯลฯ เพื่อไม่ให้มารฯ มีช่องโหว่เข้ามาทำร้ายได้โดยง่ายครับ
วันนี้ก็มีผู้เผยแพร่ฯ มาทักผมอีกว่าผมยังไม่ยอมรับว่าตลอดมาเห็นคำเตือนคำสั่งสอนของอาจารย์คนอื่นเป็นแค่ขยะ ก็เลยทิ้งง่ายๆ ไม่ฟังใครเลยนอกจากตัวเอง ไม่ยอมรับความจริงนี้ ผมกำลังมองจิตใจตัวเอง จริงหรือ? ไม่นะ.. แต่ช่วงนี้เตือนผมบ่อยมากเรื่องนี้ ไม่ใช่คนเดียวด้วยที่เตือนครับ
"ผมเชื่อแต่ตัวเอง ดื้อด้านแข็งกระด้าง มีพิษงูร้ายอยู่ใต้ริมฝีปาก ปากเต็มด้วยคำแช่งด่าและคำเผ็ดร้อน เท้าว่องไวในการทำให้นองเลือด ในทางเดินของผมมีแต่ความพินาศและความทุกข์ ไม่รู้จักทางแห่งสันติสุข ไม่เคยคิดจะยำเกรงพระเจ้าเลย"
ก็มีพระคำบอกไว้เช่นนี้ด้วย ช่วงนี้ก็เลยต้องขีดเส้นติดตามกับคริสตจักรครับ พาทำอะไรก็ตามไป แน่นอนครับว่าเนื้อหนังตัวเองมันไม่ชอบแน่นอน แต่เพื่อจะรอดจากการล่อลวงของมารซาตานได้ กับชีวิตบนโลกก็ต้องเลือกทางนี้เท่านั้นแบบนี้ครับ
ใช้น้ำหอมราคาแพงมากมาเทรดพระเยซูกับเอาผมเช็ดเท้าให้พระเยซู พระเจ้าพอพระทัยสิ่งที่เธอได้ทำ? น้ำหอมคือคำพยานจากใจและผมคือคุณงามความดีที่พระเจ้าให้มาแล้ว ตอนที่ถูกนำมาในคริสตจักรก็สามารถใช้เพื่อช่วยผู้คนมากมายออกจากความบาปได้แบบนี้ครับ
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
