15 ก.พ. เวลา 07:34 • สุขภาพ

😸ยาคุมกับโรคหัวใจ😻

👨👩👦การใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม (combined hormonal contraceptives) ซึ่งประกอบไปด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสติน มีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคหัวใจและหลอดเลือด แต่ความเสี่ยงนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุ สุขภาพโดยรวม และพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้ใช้ยา โดยสรุปความเสี่ยงมีดังนี้:
▶️ 1. ความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
- ผู้ที่ใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมมีความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้นประมาณ **2 เท่า** เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ใช้ยา
- อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงที่แท้จริงยังถือว่าค่อนข้างต่ำในผู้หญิงที่สุขภาพดีและไม่มีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น ความดันโลหิตสูงหรือการสูบบุหรี่
- ข้อมูลจากงานวิจัยชี้ว่า ในทุกๆ **4,760 คน** ที่ใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมเป็นเวลาหนึ่งปี จะมีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้น 1 ราย
▶️ 2. ความเสี่ยงของภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย (Myocardial Infarction)
- ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมอาจเพิ่มความเสี่ยงของภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น การสูบบุหรี่ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน หรือภาวะอ้วน
- ข้อมูลจากงานวิจัยชี้ว่า ในทุกๆ 10,000 คน ที่ใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมเป็นเวลาหนึ่งปี จะมีผู้ป่วยภาวะหัวใจวายเพิ่มขึ้น 1 ราย
▶️ 3. ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยง
- การสูบบุหรี่: เพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดอย่างมีนัยสำคัญ
- อายุ: ผู้หญิงอายุมากกว่า 35 ปีที่ใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมมีความเสี่ยงสูงขึ้น
- ภาวะสุขภาพ: เช่น ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคอ้วน หรือภาวะไขมันในเลือดสูง
▶️ 4. ความเสี่ยงโดยรวม
- ในผู้หญิงที่สุขภาพดีและไม่มีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดจากการใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมถือว่าค่อนข้างต่ำ
- แต่ในผู้หญิงที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น การสูบบุหรี่หรืออายุมากกว่า 35 ปี ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
▶️ 5. ทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า
- สำหรับผู้หญิงที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด อาจพิจารณาใช้วิธีการคุมกำเนิดแบบอื่น เช่น ยาคุมกำเนิดชนิดโปรเจสตินเพียงอย่างเดียว (progestin-only pills) หรือห่วงคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมน (levonorgestrel-releasing IUD) ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำกว่า
⭕ สรุป
การใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดเพิ่มขึ้น แต่ความเสี่ยงนี้ยังอยู่ในระดับต่ำสำหรับผู้หญิงที่สุขภาพดีและไม่มีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ การเลือกวิธีการคุมกำเนิดควรปรึกษาสูติแพทย์ หรือ เภสัชกรประจำร้านยา เพื่อประเมินความเสี่ยงส่วนบุคคลและเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุด
.
.
โฆษณา