15 ก.พ. เวลา 07:44 • ครอบครัว & เด็ก

ความคิด ความรู้สึกไม่สำคัญ

ผมกำลังคิดถึงการกลับไปพังงาครับ อยากกลับไปที่นั่นอีกครั้ง ด้วยใจที่ฝากความหวังฝากทุกเรื่องไว้ที่พระเจ้าครับ
หลายปีที่ผ่านมาได้เห็นสภาพจิตใจตัวเองที่ไม่ยอมที่จะไปทางนั้น มันชินมันชอบที่จะเชื่อพระเจ้าแบบเดิมๆ คือตามใจตัวเองครับ ไม่เคยจะเชื่อขนาดแทบทุกเรื่องจะต้องกลับมาดูที่พระคำว่าไว้อย่างไรแบบอาจารย์
ใช่ครับ ในประเทศไทยมีหลายโบสถ์เลยที่สมาชิกกำลังเชื่อพระเจ้าแบบผม คือตามสะดวก มีตัวเองกับพระคัมภีร์ฯก็พอ ตามบ้างไม่ตามบ้างแล้วแต่ตัวเอง คริสตจักรจะคิดยังไงไม่เอาตรงนี้ ไม่เชื่อด้วย หลายคนก็ตั้งโบสถ์ของตัวเองทำตามใจตัวเอง แต่แอบอ้างชื่อขึ้นป้ายว่าเป็นคริสตจักร อ้างพระคัมภีร์ฯ ให้คนมากมายเข้าใจผิดกับคริสตจักรของพระเจ้า
แต่พระคัมภีร์ฯ บอกคริสตจักรคือพระเยซูหรือร่างกายของพระเจ้าที่กำลังทำงานของพระเจ้าบนโลกตอนนี้ ถ้าไม่เอาไม่เป็นหนึ่งเดียวกับคริสตจักรก็เท่ากับปฏิเสธพระเจ้า และกำลังเลือกอยู่ข้างมารซาตานเลย กำลังเป็นเครื่องมือให้มารซาตานล่อลวงผู้คนให้เข้าใจพระเจ้าแบบผิดๆ การมีหรือรู้พระคัมภีร์ฯ เยอะจึงไม่ใช่สิ่งชี้วัดว่าเขาเป็นคนของพระเจ้า แต่วัดจากใจที่เป็นหนึ่งเดียวกับคริสตจักรครับ
การตรวจสอบว่าเรากำลังติดตามพระเจ้าเชื่อในการไถ่บาปของพระเยซูจึงไม่ใช่วัดจากรู้พระคัมภีร์ฯอย่างเดียวครับ แต่จะต้องมีคริสตจักรให้การรับรองด้วยครับ ไม่งั้นก็มั่วต่างคนต่างอ้างพระคัมภีร์ฯ ตามใจชอบข้อไหนตอนไหน แล้วก็แตกก๊กนิกายกันเต็มบ้านเต็มเมืองแบบที่เห็นทุกวันนี้ เพราะพวกเขาไม่มีคริสตจักรซึ่งเป็นพระวิญญาณของพระเจ้ามาคอยจูงนำให้นี้ครับ แค่แอบอ้างขึ้นป้ายหลอกลวงผู้คนเฉยๆ
1 ยอห์น 5:6 TH1971
[6] นี่แหละคือผู้ที่ได้มาโดยน้ำและพระโลหิต คือพระเยซูคริสต์ ไม่ใช่ด้วยน้ำสิ่งเดียว แต่ด้วยน้ำและพระโลหิต และพระวิญญาณทรงเป็นพยานเพราะพระวิญญาณทรงเป็นความจริง
ก็เป็นความโชคดีมหาศาลของมนุษย์ที่พระเจ้าช่วยให้แบบนี้กับการส่งพระเยซูลงมาให้ เพราะไม่เช่นนั้นมนุษย์ก็ต้องเป็นทาสถูกมารซาตานควบคุมจิตใจตลอดไป เวลาของร่างกายนี้หมดสภาพดวงวิญญาณก็ต้องไปอยู่กับเขาต่อที่นรกบึงไฟครับ
วันนี้ได้ฟังพระคำผู้วินิจฉัย 17:1-13 TH1971
[1] มีชายคนหนึ่งเป็นชาวแดนเทือกเขาเอฟราอิม ชื่อมีคาห์ [2] เขาพูดกับมารดาของเขาว่า <<เงินหนึ่งพันหนึ่งร้อยแผ่น ซึ่งมีคนลักไปจากแม่ และแม่ก็ได้แช่งสาป และพูดเข้าหูฉันนั้น ดูเถิด เงินนั้นอยู่ที่ฉัน ฉันเอาไปเอง>> มารดาของเขาจึงพูดว่า <<ขอพระเจ้าทรงอำนวยพระพรให้ลูกของแม่เถิด>> [3] เขาจึงนำเงินพันหนึ่งร้อยแผ่นนั้นมาคืนให้แก่มารดา และมารดาของเขาพูดว่า <<เงินรายนี้แม่ขอถวายแด่พระเจ้าเพื่อลูกให้ทำเป็นรูป แกะสลักและรูปหล่อ แม่จึงคืนให้แก่เจ้า>>
[4] เมื่อมีคาห์คืนเงินให้แก่มารดาแล้ว มารดาก็นำเงินสองร้อยแผ่นมอบให้กับช่างเงิน ทำเป็นรูปแกะสลักและรูปหล่อ รูปนั้นอยู่ในบ้านของมีคาห์ [5] มีคาห์คนนี้มีเรือนพระหลังหนึ่ง เขาทำรูปเอโฟด และรูปพระ และแต่งตั้งให้บุตรคนหนึ่งของเขาเป็นปุโรหิต [6] ในสมัยนั้นยังไม่มีกษัตริย์ในอิสราเอล ทุกคนก็กระทำตามที่ตนเองเห็นชอบ
[7] มีชายหนุ่มคนหนึ่งชาวบ้านเบธเลเฮมในยูดาห์ ตระกูลยูดาห์เป็นพวกเลวี อาศัยอยู่ที่นั่น [8] ชายนั้นเดินออกจากบ้านเบธเลเฮมในยูดาห์ เที่ยวหาที่เพื่อพักอาศัย เมื่อเขาเดินทางไปนั้นก็มาถึงแดนเทือกเขา เอฟราอิมถึงบ้านของมีคาห์ [9] มีคาห์จึงพูดกับเขาว่า <<ท่านมาจากไหน>> เขาตอบว่า <<ข้าพเจ้าเป็นพวกเลวีชาวบ้านเบธเลเฮมในยูดาห์ ข้าพเจ้าเดินทางเที่ยวหาที่พักอาศัย>>
[10] มีคาห์จึงกล่าวแก่เขาว่า <<จงอยู่กับข้าพเจ้าเถิด เป็นอย่างบิดาและปุโรหิตของข้าพเจ้าก็แล้วกัน ข้าพเจ้าจะจ่ายเงินให้ปีละสิบแผ่น ให้เครื่องแต่งตัวสำรับหนึ่ง และอาหารรับประทานด้วย>> เลวีคนนั้นจึงเข้าไป[11] เลวีคนนั้นก็พอใจที่จะอยู่กับชายคนนั้น และชายหนุ่มคนนั้นก็เป็นเหมือนลูกของเขา
[12] มีคาห์ก็แต่งตั้งเลวีคนนั้น และชายหนุ่มคนนั้นก็เป็นปุโรหิตของเขา และอยู่ในบ้านของมีคาห์ [13] มีคาห์กล่าวว่า <<บัดนี้ข้าพเจ้าทราบแล้วว่าพระเจ้าจะทรงให้ข้าพเจ้าอยู่เย็นเป็นสุข เพราะว่าข้าพเจ้ามีเลวีคนหนึ่งเป็นปุโรหิต>>
เหมือนครอบครัวมีคาห์กับเลวีตอนนี้ ถ้าไม่มีพระเยซู มนุษย์ก็ได้แต่เชื่อพระเจ้าแบบมั่วๆ แบบศาสนาแบบครอบครัวของมีคาห์ คือเชื่อว่าทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว ตัวเองเป็นพระเจ้าเสียเอง สามารถเลือกจะทำดีหรือชั่วได้ ตอนทำชั่ว(ขโมยเงิน)ก็จะถูกพระเจ้าแช่งสาป พอทำดี(ยอมรับผิดคืนเงิน) พระเจ้าก็จะอวยพร เชื่อแบบนี้?
แล้วแม่ก็เอาเงินไปจ้างคนทำรูปเคารพนำมาให้ลูกตัวเองกราบไหว้? แต่บอกเชื่อพระเจ้า แยกไม่ออก เหมือนผู้คนมากมายทุกวันนี้ที่ปากบอกว่าเชื่อพระเจ้าๆ แต่ความจริงความมั่นคงของชีวิตตัวเองมาจากกำลังความสามารถและทรัพย์สมบัติของโลกนี้ พอเกิดการสูญหายไปขึ้นมา ถึงขั้นเป็นบ้าฆ่าตัวตายได้เลยครับ
มีคาห์ในบ้านก็มีห้องพระและแต่งตั้งลูกตัวเองเป็นปุโรหิตปรนนิบัติรูปเคารพเหล่านั้น ก็เหมือนกับผู้คนมากมายที่เชื่อว่ามีพระเจ้าแต่ยังทำทุกสิ่งตามความคิดสติปัญญาของตน เอาตัวเองเป็นพระเจ้า ควบคุมกำหนดชะตากรรมลูกเองเลย ไม่ได้เชื่อว่าทุกสิ่งขึ้นกับพระเจ้าผู้กำหนด พอเจอคนเลวีก็จ้างหวังเอามาเป็นปุโรหิตส่วนตัวเลย? ใช้ทุกสิ่งที่มีตอบสนองความโลภ ตามกิเลสของตนเท่านั้น ไม่รู้ด้วยว่านี้คือชั่วร้ายมากในสายตาพระเจ้ายังไงที่ตั้งลูกคนเอฟราอิมเป็นปุโรหิต
คนเลวีคนนี้ก็ชั่วร้ายด้วย ใช่เป็นคนเผ่าเลวี เป็นเผ่าที่พระเจ้าเลือกเป็นปุโรหิต ฝากชีวิตไว้กับพระเจ้า แต่แทนที่จะเป็นแบบอย่างให้ประชาชนเรียนรู้ชีวิตที่ยำเกรงพระเจ้ายังไง แต่กลับไม่เชื่ออีกว่าพระเจ้ากำลังดูแลรับผิดชอบชีวิตตัวเอง ไปรับค่าจ้างจากมีคาห์เฉยเลย?
เหมือนกับชีวิตคริสเตียนซึ่งถือเป็นปุโรหิตหลวงของพระเจ้า ก็ควรจะฝากชีวิตไว้กับพระเจ้าทุกเรื่อง แต่หลายคนตอนนี้ใช้ชีวิตเหมือนกับเลวีคนนี้เลย ปฏิบัติกับคนนอกแบบผิดๆ แทนที่จะนำพวกเขากลับมาหาพระเจ้า ช่วยให้พวกเขาหลุดพ้นออกจากความบาป แต่กลับกลายเป็นไปพึ่งพาพวกเขาให้ช่วยเลี้ยงดูปากท้องให้ตนอยู่รอดแทนพระเจ้า? กำลังก้มกราบมารซาตานผู้ควบคุมจิตใจของพวกเขา
หลายคนเป้าหมายการมาโบสถ์ก็แค่เพื่อเนื้อหนังปากท้องได้รับการดูแล ไม่ได้สนใจอยากจะเรียนรู้เรื่องความเชื่อในพระเจ้า ไม่ได้อยากจะหลุดพ้นออกจากโลกวัตถุเนื้อหนัง ยังยอมที่จะเป็นทาสของมารซาตาน ทั้งๆที่ได้ฟังพระคำคำเตือนมาเยอะว่าเขากำลังพยายามจะฆ่าทำลาย กับทรัพย์สมบัติชื่อเสียงเกียรติยศของโลกนี้เป็นกับดักของเขา แต่ก็ไม่เชื่อฟังแล้วก็ยังไปต่อครับ หลายคนโกรธหันกลับมาจะเอาเรื่องอีกพอไปตักเตือน ทั้งๆที่กำลังจะช่วยให้รอด
ก็กำลังเกิดขึ้นกับผู้คนมากมายที่เชื่อว่ามีพระเจ้าครับ แต่ก็แยกไม่ออกว่าตกลงตัวเองกำลังเชื่อวางใจเพียงพระเจ้าหรือแค่เชื่อว่ามีพระเจ้า เพราะไม่เคยมีใครมาช่วยแยกแยะให้เห็น แต่พระเจ้าก็ให้พระคัมภีร์ไบเบิ้ลกับคริสตจักรมาช่วยแยกแยะให้เห็นได้ชัดเจนแบบนี้ครับ
โฆษณา