15 ก.พ. เวลา 12:34 • การเมือง

ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก

สงสารประเทศไทย สงสารประชาชนคนไทย ที่โดนนักการเมืองหลอกใช้เป็นเครื่องมือ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่รอยขีดข่วน เต็มไปด้วยบาดแผล และรอยฟกช้ำดำเขียว แทบจะหาส่วนดีไม่ได้
รอยช้ำใจที่ใหญ่ที่สุดเห็นจะเป็นหนี้สินครัวเรือน ที่กัดกินชีวิตคนส่วนใหญ่ในประเทศราวกับสนิมเหล็กที่กัดกินเนื้อตัวเอง จนกว่าจะขาด
หากมัวหลงไหลไปกับน้ำลายนักการเมือง ที่มักมีมุกใหม่ๆมาหากินอยู่เรื่อย ไม่นานประชาชนจะอดอยากยากจน จนหมดแรง แม้จะแหกปากประท้วง
อยากได้อะไร ต้องคิดเองทำเอง อยากให้สังคมเป็นอย่างไร ต้องเริ่มต้นลงมือทำตั้งแต่วันนี้
หากมัวแต่หวังจากลมปากนักการเมือง ก็เหมือนรอฝนยามหน้าแล้ง เมื่อดินเริ่มแยกแตกระแหง ต้นข้าวเหี่ยวเฉา ก็โปรยเศษเงินลงมาเสียทีหนึ่ง เลี้ยงเอาไว้ไม่ให้ตาย แต่ก็ไม่โต
เหมือนกับนโยบายที่เอาเงินภาษีของประชาชน มาแจกประชาชน แล้วทวงบุญคุณราวกับว่าควักกระเป๋าเอาเงินตัวเองมาแจก
ลองมองไปรอบๆตัว ร้านค้าธุรกิจรายเล็กรายน้อยร่วงระนาว โรงงานปิดกิจการกันเป็นรายวัน ใครสายป่านไม่ยาวพอขืนดันทุรังไปมีแต่เจ๊งกับเจ๊ง
เหลืออยู่เฉพาะกลุ่มทุนที่จับมือกับนักการเมือง ผูกขาดทุกธุรกิจใหญ่ๆในประเทศไทย เพียงไม่กี่ราย
ดัชนีชี้วัดปากท้องชาวบ้าน ว่าอยู่ในภาวะขัดสนหรืออิ่มหมี ให้ดูยอดขายมาม่า และราคาไข่ ช่วงเวลาที่ฝืดเคืองแร้นแค้น กำลังซื้อหด คนจนจะกำเงินไปร้านชำ ซื้อมาม่ามาต้มกินกับไข่ ตอนนี้ไข่ฟองละ 5 บาท หากสั่งเป็นไข่ดาวที่ร้านอาหารตามสั่ง จะเป็นฟองละ 10 บาท
มีดัชนีชี้วัดตัวใหม่ที่น่าตกใจ คือราคากล้วย กล้วยหอมในร้านสะดวกซื้อลูกละ 9 บาท กล้วยน้ำว้าหวีละ 50 บาท เห็นแล้วตกใจ ผ่านมาแค่ปีเดียวราคาปรับขึ้นเป็น 2 เท่า เท่ากับว่าเงินเฟ้อ 100% ชาวบ้านยิ่งย่ำแย่ เพราะค่าแรงไม่ได้เพิ่มเป็นสองเท่าเหมือนราคาสินค้าที่ปรับขึ้น
พรรคการเมืองที่เคยหาเสียงกับชาวบ้านไว้ว่าจะปรับค่าแรงเป็นวันละ 600 บาท จะเติมเงินหมื่นให้ทุกคนก็เหลว ไปๆมาๆกลายเป็นการซื้อเสียงล่วงหน้าสัญญาว่าจะให้เงิน เมื่อชาวบ้านหลงเชื่อก็เทคะแนนให้ พรรคการเมืองพวกนี้จึงได้ สส. เข้าสภาเป็นกอบเป็นกำ จนถึงวันนี้ถามว่าได้รับเงินจากพรรคที่ท่านไปลงคะแนนให้แล้ว กี่บาท
เป็นอย่างนี้ทุกครั้ง แต่ชาวบ้านก็ไม่รู้จักจำ ปล่อยให้หลอกซ้ำหลอกซากไม่รู้จักจบจักสิ้น
แทนที่จะมาแก้ปัญหาปากท้องให้พี่น้องชาวบ้าน ด้วยการพยุงราคาสินค้าเกษตรที่พี่น้องชาวไร่ชาวนาผลิตได้อย่าให้ตกต่ำ กลับจะไปคิดหาวิธีขุดน้ำมันที่เกาะกูดขึ้นมาขายแบ่งกับประเทศเพื่อนบ้าน จนนักกฎหมาย นักวิชาการ และประชาชนทั้งประเทศออกมาต่อต้าน
เมื่อเห็นว่ามีคนที่รู้ทันออกมาต่อต้านมากขึ้นๆ ก็จะเงียบไปสักพักหนึ่ง เมื่อสังคมลืม เดี๋ยวก็ค่อยกลับมาลักหลับกันใหม่
มีนักการเมืองหัวเส คิดจะหารายได้เข้ากระเป๋าตัวเองผ่านนโยบายเปิดบ่อนการพนันบังหน้าไปทั่วประเทศ หวังจะเอาเงินบาปมาสร้างบุญ ไม่รู้ใช้ตรรกะอะไรมาคิด
เมื่อถูกคัดค้าน ก็ไปยกประเทศสิงคโปร์ มาอ้างเป็นตัวอย่าง
โดยไม่ได้บอกความจริงทั้งหมดให้ประชาชนเขารับทราบว่า ประเทศสิงคโปร์เขาจัดอยู่ในอันดับที่ 1 ของอาเซี่ยน และอันดับที่ 5 ของโลก ในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต
ส่วนประเทศไทย ถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 5 ของอาเซี่ยน และอันดับที่ 107 ของโลก
ดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index : CPI) ประจำปี 2024 จากจำนวน 180 ประเทศทั่วโลก โดยประเทศเดนมาร์ก ครองตำแหน่งอันดับที่ 1 ของโลก ด้วยคะแนนสูงสุด 90 คะแนน ในขณะที่ประเทศไทย ได้ 34 คะแนน จัดอยู่ในอันดับที่ 107 ของโลก และอยู่ในอันดับที่ 5 ของกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งมีสมาชิก 10 ประเทศ
ประเทศสิงคโปร์ได้คะแนน CPI 84 คะแนน เป็นอันดับที่ 1 เรื่องความซื่อสัตย์สุจริตในกลุ่มอาเซี่ยน และอยู่ในอันดับที่ 3 ของโลก
ตั้งแต่ผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลกลับมาเหยียบแผ่นดินไทยอีกครั้ง หลังจากที่หนีคดีไป 17 ปี เหตุการณ์ความวุ่นวายก็กลับมาตลบอบอวลไปทั่วประเทศ คล้ายฝุ่น PM2.5 ที่สร้างความเดือดร้อนทำลายปอดคนไทยอย่างในวันนี้
เมื่อตัวแทนที่ประชาชนเลือกเข้าไปบริหารประเทศ ต้องคอยยุ่งแต่เรื่องปกป้องความผิดให้กับผู้นำทางจิตวิญญาณ ที่นับถอยหลังว่าจะต้องกลับไปชดใช้กรรมชั่วในคุก ตามคำพิพากษาของศาล ในคดีทุจริตโกงกินงบประมาณของประเทศ ลิ่วล้อพวกนี้จึงไม่มีเวลามาทำงานให้ประชาชน
แล้วอย่างนี้ จะไปรอความหวังลมๆแล้งๆอยู่ทำไม ทำไมไม่จัดการเสียด้วยตัวเอง
ในขณะที่กำลังเขียนบทความนี้ ราวกับปาฏิหาริย์ เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นที่จังหวัดอยุธยา ชาวนาจากภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลาง รวมตัวกันนับพันคน กดดันรัฐบาลด้วยการปิดการจราจรบนถนนสายเอเซีย เรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำ หลังจากเคยไปยื่นข้อเรียกร้องถึงกระทรวงพาณิชย์มาแล้ว แต่ไม่มีใครใส่ใจ
การประท้วงของชาวนาครั้งนี้ ตรงกับวันที่ท่าน สส.ผู้ทรงเกียรติทั้งหลายกำลังถกกันหน้าดำคร่ำเครียดในสภาเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ โดยไม่สนใจปัญหาของพี่น้องชาวไร่ชาวนา
ก็ติดตามกันต่อไปว่า งานนี้ตัวแทนที่ท่านเลือกเข้าไป จะมีปัญญาแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านได้หรือเปล่า
ทำได้ สมัยหน้าเลือกเข้าไปใหม่
ทำไม่ได้ ก็แค่เปลี่ยนตัว เลือกคนใหม่เข้าไปทำหน้าที่แทน เสียงชี้ขาดอยู่ในมือพวกเรา
ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก
เมื่อรัฐบาลประกาศจะพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน (Financial Hub)
แต่ความจริงที่ปรากฎ พบว่าประเทศไทยกลับกลายเป็นศูนย์กลางการค้ามนุษย์ การก่ออาชญากรรมข้ามชาติ เป็นเอเย่นต์ให้กับธุรกิจสีเทาที่แฝงอยู่ตามแนวชายแดนรอบๆ ประเทศไทย ทั้งบ่อนการพนัน แก๊งคอล เซ็นเตอร์ โดยมีไทยเทาในเครื่องแบบร่วมอยู่ด้วย
ก่อนนี้รัฐบาลทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว จนเมื่อถูกทางการจีนจี้ตูด จึงค่อยขยับ ตัดไฟตัดอินเตอร์เน็ต หยุดส่งน้ำมันเชื้อเพลิง
รัฐบาลทำตัวเหมือนเด็กหนีเรียน เมื่อถูกผู้ปกครองหวดด้วยไม้เรียว ค่อยวิ่งแจ้นไปโรงเรียน
น่าอายไหมล่ะ เด็กไม่รู้จักโต
หากประชาชนที่เดือดร้อน ต้องมารอความ่วยเหลือจากภาครัฐ คงต้องรอกันหง่าว ชาติหน้าตอนบ่ายๆ ยังไม่แน่ว่าจะได้รับ
เพราะเสร็จจากความควาย อาจจะมีความหมู ความหมา ความกา ความไก่ มาพุ่งใส่รัฐบาล ให้ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้กับตัวเอง
ปัญหาพี่น้องชาวบ้าน รอไปก่อน
ลองย้อนอดีต เก็บข้อมูลที่แต่ละพรรคการเมืองเคยหาเสียงเอาไว้มาทบทวน ใครพูดจริงทำจริง ใครพูดโกหก
อย่าเห็นแก่เงินซื้อเสียงเพียงไม่กี่สตางค์ ที่นักการเมืองไปโกงงบประมาณจากเงินภาษีของพวกเรา เอามาแจกเราอีกที
ผิดเป็นครู ถือว่าที่แล้วมาเป็นประสบการณ์
แต่เข้าคูหาครั้งหน้า พิจารณาให้ดี เลือกให้ถูกคน
จะได้ไม่ต้องมาบ่นว่า ถ้ารู้งี้ จะไม่กาให้มัน
โดย.. พี่ชื่อวิช
โฆษณา