Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เขียนไปเรื่อย
•
ติดตาม
16 ก.พ. เวลา 13:46 • ท่องเที่ยว
เซี่ยงไฮ
EP.4 บันทึกการเดินทาง “SHANGHAI” ปัจฉิมบทที่รอการสิ้นสุด Shanghai-China
บันทึกการเดินทาง "SHANGHAI" ก็เดินทางมาถึง EP สุดท้ายแล้ว จริงๆ การเที่ยวของเราจบไปแล้วตั้งแต่ EP.3 แต่ก่อนจะเดินทางกลับ เราไปเจออุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้นกลับตัวเอง ในสภาพที่เราเพิ่งผ่านการมีอายุ 36 ปี มาได้ไม่กี่วัน ... เรื่องมีอยู่ว่า เราจองรถเพื่อไปสนามบินประมาณตี 2 เพราะเครื่องเราไฟล์ 6 โมงเช้า (ด้วยความอยากรีบไปถึงก่อนเวลา กลัวคนจะเยอะ)
เมื่อถึงตี 2 รถก็มารับตามหมุดของโรงแรม และเราก็ออกเดินทางไปสนามบิน ระหว่างการเดินทางเราก็ไม่ได้หลับ แต่ดู map ไปด้วย นั่งไปซักพักก็สังเกตว่าคนขับรถกินโน่นนี้นั้น และพยายามทำตัวให้คึกคักตลอดเวลา (คิดว่าง่วงแหละ ขนาดเรายังง่วงเลย) และเขาก็รู้สึกว่าเขาขับเร็วนิดหน่อย อาจจะด้วยถนนโล่ง เราเลยไม่ได้ทักอะไรออกไป (แต่ไม่รู้ระว่าขับเกินกฎหมายกำหนดมั้ย)
จนกระทั้งเรามองมือถือว่า อีกประมาณ 13 กิโลเมตรจะถึงสนามบินแหละ เลยขอหลับพักสายตานิดหน่อย .... และก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นมา เรารู้แค่ว่าตอนนั้น ในหัวคือ “รถคว่ำหรา?” เพราะตัวเราเหมือนเหวี่ยงตามแรงโน้มถ่วงของโลก และพอรถนิ่งเราเลยพยายามพยุงตัวเอง และเพื่อนถามว่า “เป็นยังไงมั้ง” แต่ตอนนั้นไม่ได้สลบนะแค่เหมือนเบลอหน่อยๆ .. หัวของเราน่าจะไปกระแทกโดนกับอะไรซักอย่าง (กระแทกแรงจนแอร์แบคทำงานและมือถือเบอร์ฉุกเฉินที่จีนเอง) เราไม่ได้คาดเบลด้วย พอออกมานอกรถ ก็เห็นว่า รถน่าจะเสียหลักจนเกิดอุบัติเหตุ
ภาพจำลองเหตุการณ์
พอพยุงตัวลุกได้ สิ่งแรกที่ทำคือถุยเลือด กลิ่นคาวเลือดมาก ลิ่มเลือดออก จนตอนนั้นคิดว่าเลือดออกจากปาก ฟันหักมั้ย? หรือ จมูกแตก? หรือ เกิดอะไรขึ้นทำไมเลือดเยอะจัง (เลือดกลบปากก็ว่าได้) ต่อมา คนขับถามว่า “พวกเราโอเคมั้ย..ตอนนั้นตอบอะไรไม่รู้ แต่เพื่อนบอกว่า ไม่โอเคและให้เรียกรถพยาบาลกับตำรวจ” ส่วนเราตะโกนหามือถือ ตอนนั้นนอกจากจะคิดว่าต้องถมเลือดในปากและเช็ดเลือดแล้ว ต้องหามือถือให้เจอ เพื่อโทรหาประกันและโทรบอกเพื่อนที่ไทย แล้วเอามือถือมาถ่ายภาพหลักฐานทั้งหมด (แต่ลืมถ่ายหน้ารถ)
จนเวลาผ่านไปไม่นาน น่าจะ 10 นาทีได้ รถตำรวจมา เจอว่าเราเป็นคนต่างชาติ ก็ทำสีหน้าวุ่นวายใจ และต่อมารถพยาบาลก็มา ต้อนพวกเราขึ้นรถเพื่อไปโรงพยาบาล (ก่อนที่จะขึ้นรถ เราบอกว่ากระเป๋าเราอยู่ในท้ายรถ เอาออกมาด้วย แบบโวยวายมาก ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องพะวงเรื่องอื่น ทั้งที่ร่างกายของตัวเองกำลังไม่ไหว) พอขึ้นรถ ambulance เห็นสภาพตัวเองว่าแย่แค่ไหน ทางเจ้าหน้าที่ก็พยายามสื่อสารโดยใช้กูเกิ้ลแปล (ตอนนั้น ติดต่อเพื่อนที่ประเทศไทยได้ และให้เพื่อนติดต่อไปที่บริษัทประกัน)
ภาพเหตุการณ์
พอไปถึงโรงพยาบาล ฝนก็ตกหน่อยๆ คิดสภาพดูว่า อุบัติเหตุเพิ่งเกิดแล้วอยู่ดีๆฝนก็โปรยเม็ดลงมาอ่ะ โคตรหนาวทั้งกายและใจ ... พอไปถึง ก็ทำประวัติ และพยาบาลให้ไปจ่ายเงิน พวกเราก็ งง ว่าทำไมเราต้องจ่าย (เพื่อนจะไม่ยอมจ่าย รอคนขับถามหาคนขับ...พยาบาลก็ได้แต่บอกว่า เด๋วคนขับก็มา) สุดท้าย เราเลยยอมจ่าย เพราะถ้าหากไม่จ่ายก็ทำประวัติและรักษาไม่ได้อีก ต้องนั่งรอด้วยสภาพแบบนี้ก็ไม่ไหวนะ
พอเราจ่ายเงินทำประวัติแล้ว ก็รอพบหมอ พอหมอเห็นเป็นคนต่างชาติก็ทำหน้าเหนื่อยอ่ะ ... เทอออ เราก็โคตรท้อเลยนะ อย่าว่าแต่หมอทำหน้าเหนื่อยเลย เราก็ทำหน้าเหนื่อยเหมือนกันแหละ..แล้วการสื่อสารรคือใช้กูเกิ้ลแปล .. หมอก็พิมๆ มองๆ แล้วเราก็บอกอาการส่วนที่เจ็บปวดตามร่างกาย พอเสร็จ ก็เข้าไปหามออีกคนช่วยล้างแผลที่หน้าผาก ดูแผลให้ หมอบอกว่าแผลหน้าผากลึกและต้องเย็บและย้ำว่าจะเกิดแผลเป็นนะ เราโอเคมั้ย? คือตอนนั้น ถ้าไม่โอเคแล้วยังไงอ่ะ? ก็ได้แต่บอกว่า เราไม่มีปัญหา
และเราเลยถามว่า แผลที่ปากเราละ? หมอบอกว่าทำไมไม่ได้ต้องรอทันตแพทย์ (ตอนนั้น เราได้แค่คิดว่า ล้างแผลให้หน่อย กลัวแผลสกปรก ติดเชื้อ อะไรก็ตามแต่ แค่อยากทำความสะอาดแผลที่ปากด้วย) ..เจรจายังไงก็ไม่ล้างแผลที่ปากให้ จนเรายอมแพ้ และหมอให้ออกไปจ่ายเงินรอบที่ 2 แล้วเข้าไปเอ็กเรย์ เข้าอุโมง ฉีดบาดทะยัก ... ต่อด้วยเย็บแผลที่หน้าผาก และเราเย็บไป 3 เข็ม
สิ่งที่จ่ายไป
พอฉีดวัคซีน เรามีผื่นแดงนิดหน่อย น่าจะมาจากการเป็นภูมิแพ้ พยาบาลคนฉีดบอกให้เราบอกหมอด้วย และเราก็เข้าพบหมออีกรอบ (หมอวินัจฉัยโรค) บอกว่าผลเอกเรยเราไม่ได้มีอะไรหัก กระดูกยังอยู่ครบ แล้วหมอก็เดินออกมาว่าพยาบาลเรื่องที่เราบอกว่า บริเวณที่ฉีดบาดทะยักมีผื่น (ตอนนั้นเราไม่เข้าใจ)
จนเราทำทุกอย่างกือบเสร็จ ตำรวจ และคนขับรถ ก็มาพร้อมกับลากกระเป๋าของพวกเรา แล้วเขาก็เจรจากันต่างๆ นาๆ และ พวกเราก็บอกว่า คนขับจะต้องรับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้น ทั้งค่ารักษาพยาบาล ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าใช้จ่ายที่อยู่ระหว่างการรักษาตัว ตอนนั้น คือเจรจากันใช้เวลานานพอสมควร แล้วคนขับเขาก็ไม่ยอมคุยกับเรา เราก็ไม่คุยกับคนขับ (ใช้ตำรวจเป็นสื่อกลางในการเจรจา)
สภาพที่ต้องปลอบใจตัวเอง
จนรู้สึกว่า อยู่ต่อก็ไม่ไหว น่าจะไม่มีอะไรที่ดีขึ้นมา ตำรวจให้ทางเลือกว่าจะกลับไทยมั้ย เพราะยังทันเครื่องที่เราจองไว้ (และคนขับก็ยินดีที่จะเรียกรถให้) แต่เราขอให้ตำรวจไปส่ง เพราะไม่โอเคกับการที่ไปตามลำพังกับคนขับรถ และตอนนั้นพยาบาลกับตำรวจเสียงดังใส่กัน (พยาบาลน่าจะไม่อยากให้ไป เพราะปากเรายังไม่ได้ล้าง) ... แต่สุดท้าย พยาบาลพาไปปริ้นเอกสารการรักษา ใบเสร็จต่างๆ และยอมให้พวกเราจ่ายไป โดยมีรถตำรวจทางหลวงมารับพาไปส่งสนามบิน และคนขับก็ตามมาด้วย
สุดท้าย พวกเราก็ได้ขึ้นเครื่องกลับไทย (โดยสายการบินยอมเขียนใบ “fit to fly” ให้โดยที่คนขับเจรจา) และเราก็ผ่าน ตม ... ตม ก็ถามเราว่าเกิดอะไรขึ้น พร้อมกับทำสีหน้าห่วงใย เพราะทั้งตัวของเราเต็มไปด้วยเลือด และแผลที่หน้าผากและปาก และตอนที่เราเดินผ่านผู้คน ทุกคนต่างมองเราด้วยสายตาแบบไหน ก็ไม่แน่ใจ อาจจะสังสย สงสาร .. แต่เราก็ผ่านมันมาได้จนถึงประเทศไทย ด้วยความอดทนในการปวดร่างกาย ปวดหัว และเจ็บแผล
พอมาถึงไทย เราก็เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ และเข้ารักษาต่อที่คลินิกในสนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งขอให้ล้างแผลที่ปากและขอใบรับรองแพทย์ เพื่อใช้สำหรับบินกลับมาที่สงขลา และพอมาถึงสงขลา ก็เข้าไป รพ.มอ. เอาง่ายๆ ภายใน 24 ชม. เราเข้า รพ.ด้วยกัน 3 แห่ง และเช้าวันต่อมา ก็เข้าอีก รพ. เพราะให้มีประวัติในการล้างแผล ผ่าไหม้ ฉีดบาดทะยักอีกรอบ ...รอยช้ำที่ต้นขาเราใหญ่มากก น่ากลัวด้วย กว่าจะหายก็นั่งลำบากพอสมควร ทั้งก้นกบด้วยที่ปวดร้าว และระบม จนนั่งนอนลำบาก ลุกก็ลำบาก
และจำเหตุการณ์ได้ว่า พอได้คุยกับพยาบาล หมอที่คลินิกสมิติเวช ในสนามบินสุวรรณภูมิ น้ำตามาจากไหนไม่รู้ ไหลเหมือนก็อกแตก จนต้องขอโทษหมอและพยาบาลที่ร้องไห้ และบอกว่า "ตอนที่เกิดเรื่องจนบินมาถึงไทย ไม่มีน้ำตาซักหยด และไม่คิดว่าจะร้องไห้ด้วย" มันเกิดจากคำถามที่ว่า "เจ็บมั้ยคะ? เกิดอะไรขึ้น เล่าให้หมอฟังได้มั้ย?" _ พอคิดถึงแล้วก็ขำหน่อยๆ เหมือนได้ระบาย และหลังจากนั้นก็ คือ ไม่ได้ร้อง ไม่ได้เศร้าอะไรต่อ
ร่องรอยของการเกิดเหตุ
พอถึงวันที่เราตั้งสติได้ และมีแรงใจพอที่จะทำเรื่องต่างๆ เราก็เขียนไปถึงบริษัทก่อน จนกระทั่งเขาไม่ได้ติดต่อกลับมาเราก็เขียนอีเมลไปหากงสุนไทยประจำเซี่ยงไฮ้ เพื่อบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อวอนขอให้ทางกงสุน ติดต่อกับบริษัทและประสานเรื่องต่างๆ เพื่อขอความเป็นธรรม และวันต่อมาเราก็ได้รับทั้งโทรศัพท์จากกงสุนไทยเซี่ยงไฮ้ และอีเมลขอเอกสารเพิ่มเติม (ตอนที่เกิดเรื่อง เราว่าจะติดต่อไปแล้วแหละ) และใช้เวลาประมาณ 2-3 วันทำการ พวกเราก็แอด wechat ของบริษัทเพื่อพูดคุยในเคสต่าง ๆ
ก่อนหน้าที่จะได้แอด wechat พวกเราก็คุยกันผ่านแอพที่จองรถนะ แต่คุยกันไม่รู้เรื่อง และเขาไม่โทรกลับมาหาเราเลย (เขาว่าโทรมาแต่เราไม่รับ แต่สายจากจีนที่ได้รับเพียงสายเดียว คือ จากกงสุนไทยเซี่ยงไฮ้) จะให้ติดต่อผ่านอีเมล ทางนั้นก็บอกว่าไม่สะดวก ... สุดท้ายก็นั้นแหละ ติดต่อกันผ่าน wechat โดยเพื่อนร่วมทางเป็นคนคุย เพราะเขามี wechat แต่จนถึงวันนี้ เรื่องราวก็ไม่ได้คืบหน้าอะไรทั้งสิ้น
จึงอยากจะขอให้เป็นเรื่องราวความทรงจำ และสิ่งเตือนใจของตัวเอง และคนที่ได้อ่านว่า "ควรคาดเข็ดขัดนิรภัย ไม่ว่าจะนั่งส่วนไหนของรถก็ตาม" ปกติถ้าเราขับ หรือนั่งข้าง เราคาดเบลตลอดนะ ... แต่ทุกวันนี้ เราคาดเสมอ ไม่ว่าจะนั่งรถตู้ นั่งรถทัวร์ คาดทันทีเมื่อขึ้นรถ ... สิ่งสำคัญเมื่อเกิดเหตุการณ์นั้น เรารู้สึกขอบคุณตัวเองที่อดทนต่อเหตุการณ์ และอดทนจนถึงไทยเพื่อกลับมารักษาตัวเองต่อ ... ขอบคุณที่ไม่เกิดเหตุที่ร้ายแรงกว่านี้ ไม่อยากจะคิดสภาพตอนที่พ่อแม่ต้องไปรับตัวที่เซี่ยงไฮ้ หากเป็นหนักกว่านี้อ่ะนะ
แล้วตอนทำประกันก็ไม่ได้ทิ้งกรมธรรม์ไว้ที่ใครเลย เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเหตุร้ายแรงอะไร แค่ซื้อความเสี่ยงไว้ และราคาที่ซื้อก็แบบปานกลาง ไม่ได้แพงหรือถูก เอาราคาที่รับไหว การเบิกต่างๆ ที่คิดว่าจำเป็นต้องมีและครอบคลุมที่สุด ... และขอบคุณบริษัทประกันที่ยอมรับโทรศัพท์ตอนตี 2-3 และโทรกลับในวันถัดมา และอำนวยความสะดวกในการส่งแบบฟอร์มเคลมประกันมาให้ทันทีทางอีเมล และชัดเจนในการแจ้งรายละเอียดที่เบิกได้-เบิกไม่ได้ ... เราไม่ได้เป็นนายหน้านะทุกคน เราก็ผู้ใช้บริการคนหนึ่งเท่านั้น
online.tuneprotect.co.th
ทูน ประกันภัย | Tune Protect ประกันภัยชั้นนำ คุ้มครองทุกไลฟ์สไตล์
ทูน ประกันภัย ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ ประกันอุบัติเหตุ ประกันเดินทาง ประกันโรคร้ายแรง เบี้ยประกันสุดคุ้ม สามารถซื้อประกันผ่านช่องทางออนไลน์ได้แล้ววันนี้
อ่านเพิ่มเติม
ปล.เราทำประกันท่องเที่ยวไว้กับทูนประกันภัย เพื่อนที่ประเทศไทยติดต่อกับตัวแทนที่ได้ตอนตี 2-3 ก็ได้รับคำแนะนำที่ดีพอสมควร และพอกลับมาที่ไทย เราก็ประสานเรื่องต่อเองทั้งหมด และบริษัทก็ส่งใบเคลมประกันมาทางอีเมล เราก็ดำเนินการทุกอย่างและส่งเอกสารหลักฐานไปให้บริษัท ต่อมาบริษัทสรุปรายการที่เบิกได้-เบิกไม่ได้ พอทุกอย่างอนุมัติ ภายใน 15 วัน เงินค่ารักษาก็โอนเข้าบัญชีเรา
และอยากให้คนที่จะไปต่างประเทศว่า ควรตรวจสอบโรงพยาบาลในการรักษาและบริษัทประกันที่ รพ ประเทศนั้นๆ รับด้วยนะ เพราะหลังจากที่เกิดเรื่อง เราเปิดเวบกงสุนไทยเซี่ยงไฮ้ จะมีแนะนำบริษัทประกันเที่ยวต่างประเทศ และโรงพยาบาลที่สามารถรับเข้าการรักษาได้ พร้อมกับเบอร์โ?รศัพท์ของทนายความ)
บายๆ
ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นย่อมมีค่าเสมอ
chuuty
เรื่องเล่า
จีน
เที่ยว
บันทึก
2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
บันทึกการเดินทาง "SHANGHAI-CHINAW"
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย