16 ก.พ. เวลา 13:38 • ดนตรี เพลง

"Tabun”

เพลงแห่งความรักที่ซ่อนความหมายลึกซึ้งจากYoasobi
“Tabun” (たぶん) หรือ Probably เป็นหนึ่งในเพลงป๊อปสบายๆ ของ Yoasobi มีทำนองสดใสแต่ก็เต็มไปด้วยความหมายลึกซึ้ง ทั้งหน่วง ทั้งหม่น และการตีความที่ยากจะลืมได้
หลังจากที่ปล่อยออกมาในปี 2020 เพลงนี้ได้กลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว และได้ดึงดูดความสนใจจากผู้ฟังทั่วโลก โดยเฉพาะในแง่ของเนื้อเพลงที่เป็นเหมือนการเปิดเผยความรู้สึกภายในของตัวละครในเรื่องราวความรักที่ซับซ้อน
************
涙流すことすらないまま
Namida nagasu koto sura nai mama
ไม่มีเวลาแม้แต่จะได้หลั่งน้ำตา
過ごした日々の痕一つも残さずに
Sugoshita hibi no ato hitotsu mo nokosazu ni
ไม่เหลือร่องรอยที่เราอยู่ด้วยกันสักนิดเดียว
さよならだ
Sayonara da
ลาก่อนนะ
ความรู้สึกที่หม่นๆ ไม่มีแม้แต่การร้องไห้หรือแสดงความรู้สึกออกมาในช่วงเวลาที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ที่จบลงอย่างเงียบๆ โดยไม่มีสัญญานอะไรที่จะบ่งบอกถึงมันเลย
คำว่า "さよならだ" (Sayonara da) เป็นการพูดคำลาอย่างเด็ดขาด ซึ่งสะท้อนถึงการยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นและการเดินหน้าต่อไป แม้จะมีความรู้สึกเศร้าอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมา
************
一人で迎えた朝に
Hitori de mukaeta asa ni
เช้าที่ตื่นขึ้นมาตัวคนเดียว
鳴り響く誰かの音
Narihibiku dareka no oto
เสียงดังก้องจากใครก็ไม่รู้
二人で過ごした部屋で
Futari de sugoshita heya de
ในห้องนี้ที่เราเคยอยู่ด้วยกัน
目を閉じたまま考えていた
Me o tojita mama kangaete ita
ชั้นได้แต่คิดทั้งๆที่ปิดตาอยู่
悪いのは誰だ?わかんないよ
Warui no wa dare da? Wakannai yo
ใครเป็นคนผิด ไม่รู้หรอก
誰のせいでもない たぶん
Dare no sei demo nai, tabun
ไม่ใช่ความผิดใครทั้งนั้น ก็คงงั้น
คำว่า "たぶん" (Tabun) เป็นคำที่แสดงถึงความไม่แน่ใจ ความลังเล ซึ่งสอดคล้องกับความรู้สึกที่ยังคงรักใครบางคน แต่ก็รู้สึกว่าอะไรบางอย่างในความสัมพันธ์มันเริ่มหายไป หรือหายไปหมดแล้ว แต่ยังคงรู้สึกเชื่อมโยงและรักกันอยู่
การใช้คำว่า Tabun ในเพลงนี้ทำให้เกิดความรู้สึกของการยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น ถึงแม้บางสิ่งอาจจะไม่เหมือนเดิม แต่ความรักนั้นยังคงมีอยู่ แม้จะมองไม่เห็นหรือรู้สึกถึงมันได้ยากขึ้น
การคิดถึงช่วงเวลาที่เคยดีในอดีต และความปรารถนาที่จะกลับไปเริ่มต้นใหม่ในความสัมพันธ์ที่สูญเสียไป ถึงจะคิดถึงคำพูดที่หวังว่าจะได้ยิน แต่ก็รู้ดีว่าไม่มีทางที่จะย้อนกลับไปได้ ทุกสิ่งในตอนนี้ดูเหมือนจะลอยห่างออกไปจากความจริงที่พวกเขาต้องเผชิญ
****** ท่อนฮุค ******
僕らは何回だってきっと
Bokura wa nankai datte kitto
เราสองคนไม่ว่าจะกี่ครั้งก็น่าจะเป็นแบบนี้
そう何年だってきっと
Sou nannen datte kitto
ใช่ ไม่ว่ากี่ปีผ่านไปก็น่ามาแบบนี้
さよならと共に終わるだけなんだ
Sayonara to tomo ni owaru dake nanda
ก็แค่จบลงพร้อมด้วยคำว่าลาก่อนนั่นล่ะ
しかたがないよきっと
Shikata ga nai yo kitto
มันช่วยไม่ได้หรอก แบบนี้น่ะ
「おかえり」
"Okaeri"
กลับมาแล้วเหรอ
思わずこぼれた言葉はちがうな
Omowazu koboreta kotoba wa chigau na
คำที่เผลอหลุดออกจากปากมา มันไม่ใช่นะ
เนื้อเพลงของ "Tabun" ถามถึงความสัมพันธ์ในแบบที่ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน บางครั้งเราก็ต้องสงสัยว่าเรายังคงรักใครบางคนอยู่หรือเปล่า ในขณะที่สถานการณ์ต่างๆ เปลี่ยนไป ความไม่มั่นใจในตัวเองและในความสัมพันธ์ทำให้เราไม่สามารถเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างชัดเจน แต่ถึงแม้จะมีความสงสัยและความไม่แน่ใจอยู่มากมาย ใจจริงแล้วเราก็ยังคงรักคนคนนั้นอยู่เหมือนเดิม
************
一人で迎えた朝に
Hitori de mukaeta asa ni
เช้าที่ตื่นขึ้นมาตัวคนเดียว
ふと思う誰かのこと
Fu to omou dareka no koto
จู่ๆก็นึกถึงใครขึ้นมา
二人で過ごした日々の
Futari de sugoshita hibi no
คืนวันที่้เราอยู่ด้วยกันมา
当たり前がまだ残っている
Atarimae ga mada nokotteiru
ความปกตินี้มันยังคงเหลืออยู่
悪いのは君だ そうだっけ
Warui no wa kimi da, sou dakke
คนผิดคือเธอนะ ใช่เหรอ
悪いのは僕だ たぶん
Warui no wa boku da, tabun
คนผิดคือชั้นเอง ก็คงงั้น
ในท่อนนี้ กำลังพยายามสะท้อนความรู้สึกและถามตัวเองเกี่ยวกับความผิดในความสัมพันธ์ที่พวกเขามีอยู่ คำว่า "悪いのは君だ" (คนผิดคือเธอ) เป็นการตั้งคำถามถึงการกระทำของฝ่ายตรงข้าม หรือความรู้สึกผิดของเธอในเหตุการณ์บางอย่าง ซึ่งแสดงถึงความรู้สึกของการโทษอีกฝ่ายในสถานการณ์นั้นๆ
แต่พอเปลี่ยนมาเป็น "悪いのは僕だ" (คนผิดคือฉัน) กับการเติมคำว่า "たぶん" (อาจจะ) ตัวละครกลับเริ่มสงสัยและคิดว่า "น่าจะเป็นฉันเองที่ผิด" หรือ "น่าจะเป็นฉันที่ทำให้เรื่องราวนี้เกิดขึ้น" ซึ่งแสดงถึงการเริ่มรับผิดชอบในส่วนของตัวเอง หรือการสงสัยในพฤติกรรมของตัวเองในความสัมพันธ์นั้นๆ
************
これも大衆的恋愛でしょ
Kore mo taishū-teki ren'ai desho
นี่มันความรักแบบคนทั่วไปใช่มั้ยล่ะ
これは最終的な答えだよ
Kore wa saishū-teki na kotae da yo
นี่แหละคือคำตอบสุดท้ายของเรา
僕らだんだんとズレていったの
Bokura dandan tozurete itta no
เราสองคนก็ไม่เข้ากันมากขึ้นเรื่อยๆ
それもただよく聞き慣れたストーリーだ
Sore mo tada yoku kikinareta sutōrī da
อันนี้ก็เป็นสคริปต์หนังที่ได้ยินจนเบื่อแล้วล่ะ
あんなに輝いていた日々にすら
Annani kagayaite ita hibi ni sura
วันคืนที่รู้สึกสว่างไสวตอนนั้น
埃も積もっていくんだ
Hokori mo tsumotte ikun da
ก็มีแต่ฝุ่นจับตอนนี้
คำว่า たぶん จะแปลว่าในภาษาไทยยังไงดี?
สำหรับชื่อภาษาอังกฤษของเพลงนี้แบบทางการนั้น ใช้คำว่า Probably ไม่ใช้คำว่า May Be ซึ่งถึงแม้ว่าแปลว่าอาจจะเหมือนกัน แต่บริบททางภาษาอังกฤษนั้นกลับไม่เหมือนกันซะทีเดียว
May be สื่อถึงความเป็นไปได้ที่ไม่สูงหรือต่ำเกินไป แค่บอกว่า "อาจจะ" หรือ "มีโอกาส"
Probably บอกถึงการคาดเดาที่มีความมั่นใจหรือความน่าจะเป็นสูงกว่า "may be" บางทีถ้าเรียกว่า “น่าจะ” หรือ “คงงั้นแหละ” อาจจะตรงความหมายมากกว่า
****** ท่อนฮุค 2 *****
僕らは何回だってきっと
Bokura wa nankai datte kitto
เราสองคนไม่ว่าจะกี่ครั้งก็น่าจะเป็นแบบนี้
そう何年だってきっと
Sou nannen datte kitto
ใช่ ไม่ว่ากี่ปีผ่านไปก็น่ามาแบบนี้
さよならに続く道を歩くんだ
Sayonara ni tsuzuku michi o arukun da
ต้องเดินบนทางแห่งการจากลานั้นล่ะ
仕方がないよきっと
Shikata ga nai yo kitto
ช่วยไม่ได้หรอก แบบนี้
「おかえり」
"Okaeri"
กลับมาแล้วเหรอ
いつものような零れ落ちた
Itsumo no you na koboreochita
คำๆนี้ที่เผลอหลุดออกจากปากเสมอมา
ในตอนท้ายของท่อนนี้ "いつものような零れ落ちた" (Itsumo no you na koboreochita) เน้นที่ความเคยชินหรือความคุ้นเคยในคำพูดที่หลุดออกมา ซึ่งแสดงถึงความสัมพันธ์ที่เริ่มกลายเป็นเรื่องปกติ จนถึงจุดที่คำพูดนั้นไม่มีอะไรพิเศษหรือสร้างความประทับใจ
ซึ่งแตกต่างไปจาก "思わずこぼれた言葉はちがうな" (Omowazu koboreta kotoba wa chigau na) ในท่อนฮุคครั้งแรก ที่จะเน้นที่ความรู้สึกผิดหรือความสับสนหลังจากที่คำหลุดออกมา โดยตัวละครรู้สึกว่าไม่ใช่สิ่งที่ต้องการจะพูดออกไป
ในแง่มุมของมนุษยสัมพันธ์ ความแตกต่างนี้สะท้อนถึงการเดินทางของความสัมพันธ์จาก ความรู้สึกผิด ความรู้สึกสับสน จนกลายมาเป็นความเคยชินมาสู่การตระหนักถึงความรู้สึกที่ไม่สามารถสื่อสารออกมาได้อย่างถูกต้อง จนอาจจะรู้สึกถึงช่องว่างหรือการขาดการสื่อสารที่แท้จริงระหว่างกัน
************
分り合えないことことなんてさ
Wakariaenai koto koto nante sa
การที่เราไม่เข้าใจกันน่ะ
幾らでもあるんだきっと
Ikura demo arunda kitto
มีเยอะแยะนับไม่หมดหรอก
全てを許し合えるわけじゃないから
Subete o yurushi aeru wake janai kara
จะให้ยอมรับกันหมดทุกอย่างก็ทำไม่ได้
ただ 優しさの日々を
Tada yasashisa no hibi o
แต่ว่านะ วันคืนที่แสนดี
辛い日々と感じてしまったのなら
Tsurai hibi to kanjite shimatta no nara
ถ้าจะรู้สึกทรมานแทน
戻れないから
Modorenai kara
ก็อย่าให้มันกลับคืนมาเลยเถอะ
僕らは何回だってきっと
Bokura wa nankai datte kitto
เราสองคนไม่ว่าจะกี่ครั้งก็น่าจะเป็นแบบนี้
โดยรวมแล้ว หลายๆช่วงของเพลงเป็นการสะท้อนถึงการต่อสู้ภายในของตัวละครระหว่างการตำหนิคนอื่นกับการยอมรับความผิดของตัวเอง การใช้คำว่า "น่าจะ" หรือ "อาจจะเป็นฉัน" ทำให้รู้สึกถึงความสับสนในใจ ที่ไม่สามารถบอกได้แน่ชัดว่าความผิดนั้นควรตกอยู่กับใคร
แต่สุดท้ายแล้วมันกลับเป็นการพยายามที่จะเข้าใจตัวเองและความสัมพันธ์ที่เปราะบางอยู่ในขณะนั้น บางครั้งเราก็อยาก move on ต่อ
แต่บางครั้งการ move on ก็ดันกลายเป็นวงกลม วนกลับมาที่เดิม
************
それでも何回だってきっと
Soredemo nankai datte kitto
ถึงจะอย่างนั้นไม่ว่ากี่ครั้งก็เถอะ
そう何年だってきっと
Sou nannen datte kitto
ใช่ ไม่ว่ากี่ปีผ่านไปก็น่าจะคิดแบบนี้
始まりに戻ることができたなら
Hajimari ni modoru koto ga dekita nara
ถ้ากลับไปเริ่มตันใหม่ได้จะเป็นยังไง
なんて 思ってしまうよ
Nante omotte shimau yo
ก็เผลออดคิดไม่ได้
「おかえり」
"Okaeri"
กลับมาแล้วเหรอ
届かず零れた言葉に 笑った
Todokazu koboreta kotoba ni waratta
ก็ขำขึ่้นมากับคำที่หลุดออกมาแต่ไม่มีใครได้ยิน
การที่ตัวละครพูดคำว่า "おかえり" (ยินดีต้อนรับกลับบ้าน) แต่กลับไม่สามารถทำให้มันไปถึงอีกฝ่ายได้ ทำให้เกิดความรู้สึกของการสูญเสียและการยอมรับในความจริงที่ว่าอาจจะไม่มีทางกลับไปได้เหมือนเดิม ความรู้สึกเหล่านี้มาพร้อมกับการหัวเราะที่สะท้อนถึงความเศร้าในใจที่ยอมรับมันไป
ท่อนนี้เป็นการสะท้อนถึงความหวังและความเศร้าที่เกิดจากการไม่สามารถกลับไปในเวลาที่ดีนั้นได้อีกแล้ว และการยอมรับในความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
少し冷えた朝だ
Sukoshi hieta asa da
เช้านี้รู้สึกเย็นนิดๆนะ
แม้ว่าในแง่ภาษาจะหมายถึงแค่การบรรยายสภาพอากาศในเช้านั้นๆ แต่ในเชิงสัญลักษณ์ เพลงนี้อาจใช้การพูดถึง "เช้านี้รู้สึกเย็นนิดๆนะ" เพื่อสะท้อนถึงอารมณ์หรือความรู้สึกของตัวละครในขณะนั้นที่เริ่มเย็นชา หรือเริ่มรู้สึกห่างเหินจากความสัมพันธ์ที่เคยอบอุ่น อาจจะเป็นการเปรียบเทียบถึงความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไปจากช่วงเวลาที่เคยใกล้ชิดหรือรักใครสักคน ในช่วงเวลาที่รู้สึกว่าอารมณ์เย็นลงจากการขาดความสัมพันธ์นั้น
少し冷えた朝だ คล้ายกับการแสดงถึงความเปลี่ยนแปลงในอารมณ์ภายในที่เริ่มเย็นชาหรือห่างเหินขึ้นจากความรักที่เคยมี
************
Tabun (たぶん) เพลงนี้ไม่ได้เป็นเพลงที่หาคำตอบว่าจะ “รัก” หรือ “เลิก” ทางไหนเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง แต่มันพาเราไปสู่การไตร่ตรองถึงความรู้สึกภายในที่อาจจะซับซ้อนเกินกว่าที่เราคิด หรือ พูดออกได้
อาจจะมีบางช่วงที่เรารู้สึกว่ามันไม่เหมือนเดิม แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงอยู่ก็คือ ความรักที่แท้จริงมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์หรือคำพูด แต่มันเกิดจากความรู้สึกที่ฝังลึกในใจต่างหาก
แล้วคุณเคยรู้สึกแบบเพลงนี้บ้างไหม?
#tabun #yoasobi #แปลเพลงญี่ปุ่น
โฆษณา