Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
หนอนสงสัย
•
ติดตาม
17 ก.พ. เวลา 05:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ค่าเงินขึ้นลง ใครเป็นคนกำหนด?
เคยสงสัยไหมว่าทำไมค่าเงินบาทถึงเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา? ทำไมบางช่วงเงินบาทแข็งขึ้น แต่บางช่วงกลับอ่อนค่าลง? แล้วใครเป็นคนกำหนดว่า 1 ดอลลาร์ต้องแลกได้กี่บาท?
🕵️ความจริงแล้ว ไม่มีใครสามารถกำหนดค่าเงินได้โดยตรง แต่ค่าเงินถูกกำหนดโดยกลไกตลาด ผ่านอุปสงค์และอุปทาน เหมือนราคาทองคำ ราคาน้ำมัน หรือราคาสินค้าอื่น ๆ
แต่ปัจจัยอะไรที่ทำให้ค่าเงินแต่ละประเทศแข็งหรืออ่อน? มาทำความเข้าใจกัน
1. อุปสงค์และอุปทานของเงิน (Demand & Supply of Currency)
หลักการพื้นฐานของตลาดการเงินคือ ถ้ามีคนต้องการใช้เงินสกุลหนึ่งมาก ค่าเงินนั้นก็จะแข็งขึ้น ในทางกลับกัน ถ้าคนเทขายเงินสกุลนั้นเยอะ ค่าเงินก็จะอ่อนลง
ปัจจัยที่ส่งผลต่ออุปสงค์และอุปทานของค่าเงิน
การค้าระหว่างประเทศ หากประเทศส่งออกสินค้าเยอะ ประเทศคู่ค้าต้องแลกเงินของประเทศนั้นเพื่อซื้อสินค้า ทำให้ค่าเงินแข็งขึ้น
การลงทุนจากต่างชาติ นักลงทุนต่างชาติที่นำเงินเข้ามาลงทุนในประเทศ ต้องแลกเปลี่ยนเป็นเงินท้องถิ่น ทำให้ค่าเงินแข็งขึ้น
การเก็งกำไรในตลาดเงิน (Forex Market) นักลงทุนในตลาดแลกเปลี่ยน
เงินตรา (Forex) ซื้อขายค่าเงินเป็นจำนวนมหาศาล ซึ่งสามารถทำให้ค่าเงินเปลี่ยนแปลงได้เร็วมาก
ตัวอย่างเช่น ถ้าประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามาก พวกเขาต้องแลกเงินบาทเพื่อใช้จ่าย ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งขึ้น
2. อัตราดอกเบี้ยและนโยบายของธนาคารกลาง
ธนาคารกลางของแต่ละประเทศ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีหน้าที่กำหนดนโยบายการเงิน ซึ่งรวมถึงการปรับอัตราดอกเบี้ย
อัตราดอกเบี้ยสูง → นักลงทุนสนใจนำเงินเข้ามาฝากหรือลงทุน → ค่าเงินแข็ง
อัตราดอกเบี้ยต่ำ → นักลงทุนถอนเงินออกไปลงทุนที่อื่น → ค่าเงินอ่อน
ตัวอย่างเช่น ในปี 2022 สหรัฐฯ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น เพราะนักลงทุนทั่วโลกต้องการถือดอลลาร์มากขึ้น
3. อัตราเงินเฟ้อ (Inflation Rate)
เงินเฟ้อคือการที่ราคาสินค้าและบริการเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
เงินเฟ้อสูง → ค่าเงินอ่อน เพราะมูลค่าของเงินลดลง คนต้องใช้เงินมากขึ้นในการซื้อของ
เงินเฟ้อต่ำและเสถียร → ค่าเงินแข็ง เพราะคนยังเชื่อมั่นในสกุลเงินนั้น
ตัวอย่างเช่น ประเทศที่มีเงินเฟ้อสูงมากอย่างเวเนซุเอลา ค่าเงินสูญเสียมูลค่าจนแทบไม่มีค่าเพราะสินค้าราคาแพงขึ้นทุกวัน
4. ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities Prices)
บางประเทศพึ่งพาการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมัน ทองคำ หรือข้าว ราคาของสินค้าเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบต่อค่าเงินของประเทศนั้น
หากราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น ประเทศที่เป็นผู้ส่งออกน้ำมัน เช่น ซาอุดีอาระเบีย จะมีรายได้เพิ่มขึ้น ทำให้ค่าเงินแข็งขึ้น
ประเทศที่ต้องนำเข้าน้ำมันมาก เช่น อินเดีย อาจเจอกับปัญหาค่าเงินอ่อนลง เพราะต้องใช้เงินตราต่างประเทศในการนำเข้า
5. ปัจจัยทางการเมืองและเหตุการณ์โลก
ความมั่นคงทางการเมืองและเศรษฐกิจเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อค่าเงิน
หากประเทศมีเสถียรภาพ นักลงทุนจะมีความมั่นใจ ทำให้ค่าเงินแข็ง
หากมีความขัดแย้งทางการเมือง หรือมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น สงคราม ค่าเงินอาจอ่อนลง
ตัวอย่างเช่น ในช่วง Brexit (อังกฤษออกจากสหภาพยุโรป) ค่าเงินปอนด์ร่วงหนักเพราะนักลงทุนไม่แน่ใจในอนาคตของเศรษฐกิจอังกฤษ
6. การแทรกแซงของรัฐบาลและธนาคารกลาง
บางประเทศพยายามควบคุมค่าเงินของตัวเองแทนที่จะปล่อยให้ตลาดกำหนดเอง
จีนเคยกำหนดให้ค่าเงินหยวนไม่แข็งเกินไป เพื่อทำให้สินค้าส่งออกของจีนมีราคาถูกและแข่งขันได้ในตลาดโลก
ไทยเคยพยายามควบคุมค่าเงินบาทในช่วงก่อนวิกฤตเศรษฐกิจปี 1997 แต่สุดท้ายไม่สามารถต้านตลาดได้
#สร้างความมั่งคั่ง #การลงทุนระยะยาว #วางแผนการเงิน #เทคนิคการลงทุน #การลงทุน #หุ้นอเมริกา #เงินออมเพื่ออนาคต #หุ้นไทยวันนี้ #การเงิน #บิตคอย #คริปโทเคอร์เรนซี #บิตคอยน์ #พันธบัตรออมทรัพย์รุ่นส่งความสุข #พันธบัตรออมทรัพย์วอลเล็ต #พันธบัตรออมทรัพย์ยิ่งออมยิ่งได้ #พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ #พันธบัตรสหรัฐระยะสั้น #พันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น #พันธบัตรออมทรัพย์ #พันธบัตร #พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้น #พันธบัตรรัฐบาล #คริปโตเคอเรนซี #คริปโตเคอร์เรนซี #คริปโตเคอร์เรนซี่ #คริปโตเคอเรนซี่ #กองทุนรวม #ETF
หุ้น
การเงิน
ลงทุน
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย