17 ก.พ. เวลา 00:24 • หุ้น & เศรษฐกิจ

💰 แนวโน้มกำไรของบริษัทสหรัฐฯ เริ่มสั่นคลอน ส่งผลต่อทิศทางตลาดหุ้น

บริษัทชั้นนำให้แนวโน้มกำไรต่ำกว่าคาดการณ์มากที่สุดในรอบปี หลังสงครามการค้าและเงินเฟ้อที่ยังคงสูง สร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้น
แม้ว่าผลประกอบการไตรมาส 4 ของบริษัทในสหรัฐฯ จะออกมาค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่แนวโน้มกำไรในอนาคตกลับเป็นปัจจัยที่สร้างความกังวลให้กับนักลงทุน และอาจกระทบต่อแนวโน้มขาขึ้นของตลาดหุ้น
ข้อมูลจาก Bloomberg Intelligence ระบุว่า บริษัทที่ให้แนวโน้มกำไรสำหรับไตรมาสถัดไปและระยะยาวส่วนใหญ่ รายงานตัวเลขที่ต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยดัชนีที่ใช้วัดกำไรล่วงหน้าของบริษัทต่างๆ เมื่อเทียบกับคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ปรับตัวลดลงไปแตะระดับต่ำสุดในรอบปี และเมื่อต้นเดือนนี้แตะระดับที่ไม่เคยเห็นมาตั้งแต่ปี 2016
👉🏻 ความไม่แน่นอนกดดันแนวโน้มกำไร
มีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มกำไรของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้าซึ่งอาจลดความต้องการส่งออก และกระทบกำไรของบริษัทข้ามชาติ รวมถึงเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยังไม่มีท่าทีเร่งรีบในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
🤵‍♂️ Jim Tierney หัวหน้าฝ่ายการลงทุนของ AllianceBernstein กล่าวว่า
"ความไม่แน่นอนในปีนี้ถือว่าสูงที่สุดในรอบหลายปี ผู้บริหารบริษัทต้องบริหารความเสี่ยงด้วยการให้แนวโน้มกำไรที่ระมัดระวังมากขึ้น ผลประกอบการไตรมาส 4 ออกมาแข็งแกร่ง แต่ไม่ได้สะท้อนมาถึงแนวโน้มปี 2025 อย่างเต็มที่"
📈 ตลาดหุ้นตอบสนองต่อแนวโน้มกำไรมากกว่าผลประกอบการจริง
โดยทั่วไปแล้ว ตลาดหุ้นมักตอบสนองต่อแนวโน้มกำไรของบริษัทมากกว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง บริษัทที่ให้แนวโน้มกำไรและยอดขายสูงกว่าคาดในฤดูกาลนี้ มีผลตอบแทนดีกว่าดัชนี S&P500 ถึง 6.7% ในวันถัดจากการประกาศผล ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่ต้นปี 2020 ตามข้อมูลของ Bloomberg Intelligence
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า ผู้บริหารบริษัทอาจให้แนวโน้มที่ระมัดระวังเกินไป ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้ตลาดกลับมาเป็นขาขึ้น หากผลประกอบการจริงออกมาดีกว่าคาดการณ์ นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังไม่รีบปรับประมาณการกำไรปี 2025 มากนัก เนื่องจากยังรอข้อมูลแนวโน้มจากบริษัทต่างๆ มากขึ้น โดยปัจจุบันมีเพียง 80 บริษัทในดัชนี S&P500 เท่านั้นที่ออกมาให้แนวโน้มกำไรในไตรมาสแรก
🤵‍♂️ Patrick Armstrong หัวหน้าฝ่ายการลงทุนของ Plurimi Wealth กล่าวถึงปรากฏการณ์นี้ว่า
"นี่เป็นเกมเก่าแก่ระหว่างนักวิเคราะห์กับบริษัทจดทะเบียน โดยนักวิเคราะห์มักตั้งเป้าหมายกำไรสูงเกินจริง ขณะที่บริษัทก็ปรับตัวเลขลงมาให้อยู่ในระดับที่สามารถทำได้จริง คำถามสำคัญคือ เมื่อไหร่สงครามการค้าจะเริ่มส่งผลกระทบอย่างแท้จริง?"
🔻นักวิเคราะห์ทยอยปรับลดคาดการณ์กำไรปี 2025
คาดการณ์กำไรของดัชนี S&P500 ในปี 2025 ถูกปรับลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี โดยปัจจุบันนักวิเคราะห์คาดว่ากำไรของบริษัทในดัชนีจะเติบโตเพียง 10% ลดลงจากเกือบ 13% เมื่อต้นเดือนมกราคม อย่างไรก็ตาม คาดการณ์กำไรปี 2026 ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง โดยนักวิเคราะห์ยังคงมองว่ากำไรจะเติบโตที่ 14% ในปีหน้า
🤵🏼‍♀️ Nancy Tengler* CEO ของ Laffer Tengler Investments กล่าวว่า
"Donald Trump มักสร้างความผันผวนให้ตลาดหุ้นเสมอ แต่ถ้าดูที่ปัจจัยพื้นฐานแล้ว การเติบโตของกำไรยังคงแข็งแกร่ง"
💸 นักลงทุนยังมองข้ามความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ
 
ตลาดหุ้นเป็นตลาดที่มองไปข้างหน้า นักลงทุนมักประเมินเหตุการณ์ล่วงหน้าประมาณ 6-12 เดือน โดยในปัจจุบันอัตรากำไรของบริษัทกำลังฟื้นตัวหลังจากถูกกดดันจากเงินเฟ้อที่ทำให้บริษัทขึ้นราคาสินค้าได้ยากขึ้น ซึ่งทำให้นักลงทุนยังคงเชื่อมั่นว่าแนวโน้มกำไรในปี 2026 จะสดใส
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงที่สำคัญคือ เงินเฟ้ออาจสูงกว่าที่คาด และอาจส่งผลให้ Fed อาจต้องชะลอการปรับลดดอกเบี้ยออกไปอีก รวมถึงผู้บริโภคเริ่มลดการใช้จ่ายลงแล้ว โดยยอดค้าปลีกในเดือนมกราคมลดลงมากที่สุดในรอบ 2 ปี
ทั้งนี้นักลงทุนจะได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกำลังซื้อของผู้บริโภคและทิศทางเศรษฐกิจจากผลประกอบการของ Walmart Inc. ที่จะประกาศในวันพฤหัสบดีนี้ ตามด้วย Home Depot Inc. และ Lowe’s Cos. ในสัปดาห์ถัดไป และ Target Corp. กับ Nordstrom Inc. ที่จะรายงานผลในวันที่ 4 มีนาคม
โฆษณา